เปิด "ตำราอาหาร" ได้ที่นี่
![](https://api2.krua.co/wp-content/uploads/2024/06/RK0213_ImageBanner_1140x507.jpg)
Serves
6 คน
Level
2
INGREDIENTS
สาเก (ผลละ 850 กรัม
2 ผล
น้ำ
6 ถ้วย
น้ำตาลทราย
2 1/2 ถ้วย (500 กรัม)
น้ำมะนาวสำหรับปอกสาเก
3 ผล
น้ำปูนใสสำหรับแช่สาเก
หัวกะทิ
1 ถ้วย
(มะพร้าวขูดขาว 500 กรัม ใส่น้ำอุ่น 1/2 ถ้วย)
เกลือสมุทร
3/4 ช้อนชา
METHOD
- เตรียมอ่างใส่น้ำสะอาด1 ลิตร บีบมะนาว 2 ผล เตรียมไว้ ก่อนปอกเปลือกสาเกล้างด้านนอกสาเกให้สะอาดก่อน ซับให้แห้ง ใช้มีดคมๆปอกสาเกอย่างรวดเร็ว ระหว่างปอกใช้มะนาวอีกลูกที่เหลือถูที่เปลือกสาเกและใบมีดไปด้วย ไม่ให้สาเกดำ หั่นเนื้อสาเกเป็นแว่นหนา 1 นิ้ว และหั่นครึ่งอีกที แช่สาเกที่หั่นแล้วในน้ำมะนาวประมาณ10 นาที เมื่อครบเวลา ล้างสาเกด้วยน้ำสะอาดอีก 2-3 รอบเพื่อล้างยางออก แล้วแช่สาเกลงในน้ำปูนใสประมาณ1 ชั่วโมง เมื่อครบเวลาล้างสาเกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง สะเด็ดน้ำพักไว้
- ใส่น้ำและน้ำตาลลงในกระทะทองเหลือง ตั้งบนไฟกลางจนน้ำตาลละลาย แล้วจึงใส่สาเกลงไปเชื่อมลดเป็นไฟกลางค่อนอ่อน ระหว่างนั้นหมั่นกดสาเกให้จมน้ำเชื่อม หรือตักน้ำเชื่อมราดด้านบนสาเกตลอด เชื่อมสาเกประมาณ 1-1.5 ชั่วโมง เมื่อสาเกเป็นสุกและอิ่มน้ำเชื่อมดีจะมีลักษณะใส เป็นเงา
- ทำกะทิสำหรับราดโดยคั้นมะพร้าวขูดขาวกับน้ำอุ่นจะได้หัวกะทิประมาณ 1 ถ้วย ใส่ลงในหม้อ ใส่เกลือ เคี่ยวจนเกือบจะเดือด ปิดไฟ
หมายเหตุ
- สาเกที่ใช้เชื่อมควรเลือกสาเกที่แก่ สังเกตจากผิวจะเรียบตึง ปุ่มจะหายไป ตาห่าง และควรเลือกสาเกพันธุ์ข้าวเหนียว เมื่อเชื่อมแล้วเนื้อจะเหนียวอร่อย
Gallery
![](https://api2.krua.co/wp-content/uploads/2024/06/RK0213_Gallery___Artboard-01-scaled.jpg)
![](https://api2.krua.co/wp-content/uploads/2024/06/RK0213_Gallery___Artboard-02-scaled.jpg)
![](https://api2.krua.co/wp-content/uploads/2024/06/RK0213_Gallery___Artboard-03-scaled.jpg)
![](https://api2.krua.co/wp-content/uploads/2024/06/RK0213_Gallery___Artboard-04-scaled.jpg)
![](https://api2.krua.co/wp-content/uploads/2024/06/RK0213_Gallery___Artboard-05-scaled.jpg)
![](https://api2.krua.co/wp-content/uploads/2024/06/RK0213_Gallery___Artboard-06-scaled.jpg)
![](https://api2.krua.co/wp-content/uploads/2024/06/RK0213_Gallery___Artboard-07-scaled.jpg)
![](https://api2.krua.co/wp-content/uploads/2024/06/RK0213_Gallery___Artboard-08-scaled.jpg)
Recommended Articles
![ไส้อั่วตับ](/_next/static/media/Fallback.cbd323d9.png)
ไส้อั่ว นับเป็นความชาญฉลาดของบรรพบุรุษชาวล้านนาอย่างหนึ่งในการใช้สอยทุกส่วนของหมูได้อย่างคุ้มค่า คำว่า “อั่ว” เป็นคำเมือง แปลว่า การแทรกหรือยัดไว้ตรงกลาง เมื่อนำเครื่องต่างๆยัดเข้าไปในไส้หมู จึงเรียกว่า ไส้อั่ว สูตรนี้เป็นสูตรไส้อั่วตับที่ใส่ตับเข้าไปเพิ่มความมันเเละนัว หอมกลิ่นพริกแกงเเละเครื่องสมุนไพรไทย ย่างจนสุกเกรียมหอม จนได้ออกมาเป็นไส้อั่วตับอร่อยๆ จะทำขาย ทำเเจกหรือทำไปฝากเพื่อนก็ได้
![ไส้อั่วตับ](/_next/static/media/Fallback.cbd323d9.png)
ไส้อั่ว นับเป็นความชาญฉลาดของบรรพบุรุษชาวล้านนาอย่างหนึ่งในการใช้สอยทุกส่วนของหมูได้อย่างคุ้มค่า คำว่า “อั่ว” เป็นคำเมือง แปลว่า การแทรกหรือยัดไว้ตรงกลาง เมื่อนำเครื่องต่างๆยัดเข้าไปในไส้หมู จึงเรียกว่า ไส้อั่ว สูตรนี้เป็นสูตรไส้อั่วตับที่ใส่ตับเข้าไปเพิ่มความมันเเละนัว หอมกลิ่นพริกแกงเเละเครื่องสมุนไพรไทย ย่างจนสุกเกรียมหอม จนได้ออกมาเป็นไส้อั่วตับอร่อยๆ จะทำขาย ทำเเจกหรือทำไปฝากเพื่อนก็ได้
![ไส้อั่วตับ](/_next/static/media/Fallback.cbd323d9.png)
ไส้อั่ว นับเป็นความชาญฉลาดของบรรพบุรุษชาวล้านนาอย่างหนึ่งในการใช้สอยทุกส่วนของหมูได้อย่างคุ้มค่า คำว่า “อั่ว” เป็นคำเมือง แปลว่า การแทรกหรือยัดไว้ตรงกลาง เมื่อนำเครื่องต่างๆยัดเข้าไปในไส้หมู จึงเรียกว่า ไส้อั่ว สูตรนี้เป็นสูตรไส้อั่วตับที่ใส่ตับเข้าไปเพิ่มความมันเเละนัว หอมกลิ่นพริกแกงเเละเครื่องสมุนไพรไทย ย่างจนสุกเกรียมหอม จนได้ออกมาเป็นไส้อั่วตับอร่อยๆ จะทำขาย ทำเเจกหรือทำไปฝากเพื่อนก็ได้
Recommended Videos