เมื่อคนญี่ปุ่นจากบ้านเกิดย้ายมาตั้งถิ่นฐานในเชียงใหม่ จนสามารถเรียกกันได้ว่าเป็นหมู่บ้าน แน่นอนว่าอาหารและวัฒนธรรมต่างๆ แบบคนญี่ปุ่นก็หลั่งไหลข้ามประเทศเข้ามาด้วย ซึ่งเป็นข้อดีที่เราจะได้ลิ้มชิมรสอาหารญี่ปุ่นในสไตล์คนญี่ปุ่นแท้ๆ บอกเลยว่าจะต้องติดใจ ไม่ต้องบินไกลไปถึงญี่ปุ่นแล้ว เพราะเขามาเสิร์ฟให้เราถึงที่

ร้าน Gagaga Sakaba

แต่ๆๆ เราไม่ได้พูดถึงร้านอาหารญี่ปุ่นธรรมดานะ เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีไว้สำหรับแฮงค์เอาท์ยามค่ำคืน ในบรรยากาศชิลล์ๆ ที่มีคนญี่ปุ่นฮิปสเตอร์นั่งสังสรรค์เป็นแก๊งอยู่รอบตัว พูดกันแต่ภาษาญี่ปุ่นจนนึกหลงว่าอยู่ที่ญี่ปุ่นเลยละ สำหรับร้าน Gagaga Sakaba เป็นร้านโดยคนญี่ปุ่นแท้ๆ มีเมนูอาหารอย่างซาซิมิและปลาย่าง รวมถึงอิซากะยะทั้งหลาย หรือของเสียบไม้ย่างสำหรับเป็นกับแกล้ม แต่วันที่เราไปดันหมดดดดดด เสียใจจนอยากจะร้องไห้ แต่ความสดของซาชิมิและราคาที่ถูกแสนถูกทำให้เรายิ้มได้สุดๆ

เริ่มที่เมนูออเดิร์ฟอย่างหมึกวาซาบิ จานนี้ราคา 59 บาท ถู้กกกกกถูก ความเผ็ดซ่าขึ้นจมูกของวาซาบิปะทะกับความหนึบเด้งดึ๋งของหนวดหมึก อื้อหือ กินแล้วสดชื่น จมูกโล่งเลย ต่อที่เมนูแซลมอนซาชิมิและโฮะตาเตะซาชิมิหรือหอยเชลล์ตัวใหญ่เบิ้ม ทั้งสองจานละ 99 บาท ความหนาของชิ้นพอประมาณไม่หนาไปหรือบางไป รับประกันความสดหวาน ไม่มีกลิ่นหรือเนื้อยุ่ยใดๆ ให้ปวดใจ

ยังๆ ยังไม่หมด เรายังมีหอยนางรมสดตัวใหญ่มาในราคา 69 บาท เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดและน้ำจิ้มแบบญี่ปุ่น จะแต้มต้นหอมซอยกับหัวไช้เท้าก็เด็ด บอกเลยว่าถ้าซดหมดตัวคือนิพพาน สุดท้ายเมนูปลาซันมะย่าง ราคา 69 บาท หนังปลาหอมเตาถ่าน มีก้างให้พอชื่นใจ บีบมะนาวให้ซึมๆ แล้วแกะมาแต่เนื้อแน่นๆ กินกับข้าวสวยนะ อร่อยแบบโฮมเมดมากๆ โอ๊ย จะเมนูไหนก็ดีงามราคาไม่เกินร้อย (ยกเว้นซาชิมิรวม 189 บาท)

แต่จริงๆ แล้วร้านที่เปิดมาก่อนและเป็นเจ้าของเดียวกันก็คือร้าน Horumon ร้านปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่นที่อยู่ถัดไปแค่ 3 ก้าวเท่านั้น ก็เลยตัดสินใจไปกินต่ออออออ!

ร้าน Horumon

พอจ่ายเงินให้ร้าน Gagaga Sakaba เสร็จ ก็รีบลุกไปร้าน Horumon ทันที แต่คนเยอะมากกกกกก มาจากไหนกันคะ ตะกี้ยังโล่งๆ อยู่เลย เลยจำเป็นต้องต่อคิว ไม่เกิน 5 นาทีก็ได้โต๊ะ สิ่งที่ต้องสั่งเป็นอย่างแรกเลยก็คือชุดรวมเนื้อคารุบิ ราคา 198 บาท เนื้อคารุบิเป็นเนื้อบริเวณส่วนอกถึงท้อง ถึงจะมีความเป็นกล้ามเนื้อ แต่ก็ยังมีไขมันแทรกพอสมควร หรือที่คนชอบเรียกว่าเป็นหินอ่อนเบาๆ เนื้อคารุบิเวลาย่างเคี้ยวแล้วจะรู้สึกนุ่มมมมม ถึงแม้จะไม่คัดพิเศษมาแบบ A5 แต่ก็กินได้เรื่อยๆ เลยค่ะ ก็เลยกลายเป็นเนื้อยอดฮิตในร้านเนื้อย่าง ถ้าสั่งเป็นชุดรวมเนื้อคารุบิ จะมีอยู่ด้วยกันสามแบบ คือ เนื้อคารุบิ (สไลซ์แผ่นหนา) เนื้อนะคะโอชิคารุบิ (หั่นลูกเต๋า) และเนื้อแฟมรีคารุบิ (สไลซ์แผ่นบางและมันเยอะ) จริงๆ มีอีกเนื้อที่ไม่ได้ลองคือเนื้อฮารามิ เป็นเนื้อส่วนหน้าท้องบริเวณกระบังลม มันน้อยกว่าและฮิตพอๆ กับเนื้อคารุบิ ที่นี่เขามีเนื้อฮารามิทากระเทียมด้วยนะ ต้องลอง!

สั่งเนื้อแล้วก็ต้องสั่งผักมาย่างกันด้วยนะคะ จะได้ไม่เลี่ยนจนเกินไป เราสั่งชุดผักรวม ราคา 69 บาท ก็จะมีข้าวโพด เห็ดเออรินจิ กะหล่ำปลี หัวหอมใหญ่ ต้นหอมญี่ปุ่น กระเทียม และพริกหวานสีเขียว ผักทั้งหมดราดด้วยน้ำมันงาและโรยงาขาวคั่วมาแบบหอมๆ แค่เรานำไปย่างน้อยๆ อย่าเผลอวางย่างทิ้งไว้ ไม่งั้นไฟจากเตาถ่านที่แรงอาจทำให้ผักไหม้ได้นะคะ ส่วนน้ำจิ้มก็มีให้เลือกกันถึงสามแบบที่เสิร์ฟมาพร้อมกัน โชยุวาซาบิ พอนสึต้นหอม และน้ำจิ้มงา อยู่ที่ความชอบเลย แต่เราชอบพอนสึที่สุดเพราะมีความเปรี้ยวอ่อนๆ ตัดกันดีกับเนื้อย่างและผักย่าง

สุดท้ายจริงๆ แล้วจ้ะ สั่งข้าวต้มปลาแซลมอนในราคาถ้วยละ 59 บาท ฮือ ทำไมถูกอีกแล้ว น้ำซุปปลาดาชิก็หอมมาก เค็มอ่อนๆ แบบโฮมเมดกำลังดี เหมือนคุณแม่บ้านญี่ปุ่นมาทำให้ เมล็ดข้าวญี่ปุ่นสั้นๆ ละเอียด พอนำมาต้มกับน้ำซุปก็นุ่มลงตัว เพิ่มความหอมอีกนิดด้วยงาขาวคั่วและสาหร่าย แม้ปลาแซลมอนอาจจะไม่ได้มาเป็นชิ้นเป็นคำใหญ่โต แต่ก็มาเป็นอณู มองด้วยตาเปล่าก็เห็นได้ กินตอนที่ยังร้อนๆ ปิดท้ายเนื้อย่างมื้อนี้ก็ถือว่าฟินและคุ้มสุดๆ

เอาละ ถึงเวลาต้องบอกพิกัดกันแล้ว ทั้งสองร้านนี้มาไม่ยากเลยค่ะ อยู่ที่โครงการเวียงบัวพลาซ่า เลขที่ 55 (43/19-22) ซอยโสตศึกษา ตำบลช้างเผือก อำเภอเมืองเชียงใหม่ โทร.09-1487-4050 (ภาษาไทย) และ 08-5439-4803 (ภาษาญี่ปุ่น) เปิดทุกวันตั้งแต่เวลา 18:00 – 22:30 น. ถ้าจะให้ดีต้องรีบไปน้า และอย่าลืมติดตาม #กินขนาดนี้เอาอะไรไปผอม ขอฝากไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ

เรื่องโดย ธัญพัชร วงศ์ถวัลย์