เปิด "ตำราอาหาร" ได้ที่นี่

Serves
10 ก้อน
Level
3
ไอศกรีมทอดก้อนกลม ด้านนอกเป็นขนมปัง ส่วนด้านในเป็นไอศกรีมรสหวานเย็น ขนมหวานที่มีสองอุณหภูมิในจานเดียวกัน ไอศกรีมที่ใช้ทอดต้องเย็นจัด (สคูปเเช่เเข็งไว้ล่วงหน้าแล้ว) ส่วนน้ำมันที่ทอดต้องใส่ให้ท่วมไอศกรีมและมีอุณหภูมิร้อนจัดใช้เวลาในการทอดน้อย และควรทอดทีละก้อนเพื่อให้ไอศกรีมสุกได้ทั่วถึง ไอศกรีมทอดเป็นของหวานที่มีรูปลักษณ์ภายนอกธรรมดาแต่ด้านในมีความอร่อยและความสดชื่นซ่อนอยู่ นำมาวางตกแต่งบนจานให้สวยงาม เสิร์ฟพร้อมซอสช็อกโกแลตซอสราสป์เบอร์รี วิปปิ้งครีม และไอศกรีม ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว
INGREDIENTS
ไอศกรีมรสต่างๆ เช่น วานิลลา กาแฟ ช็อกโกแลต สตอรว์เบอร์รี
10 ก้อน
ขนมปังแซนด์วิชชนิดตัดขอบ
10 แผ่น
น้ำมันพืชสำหรับทอด
1 ลิตร
ซอสช็อกโกแลต ซอสราสป์เบอร์รี วิปปิ้งครีม สตรอว์เบอร์รี และใบสะระแหน่สำหรับจัดเสิร์ฟ
อุปกรณ์จำเป็น: สคูปตักไอศกรีม และแผ่นอะลูมิเนียมฟอยล์
METHOD
1. ตักไอศกรีมเป็นก้อนกลม 1 ก้อน วางบนแผ่นขนมปัง ห่อมุมขนมปังทั้งสองด้านให้ประกบกัน แล้วพับอีกสองด้านห่อคลุมไอศกรีมทั้งหมด ใช้มือรวบเป็นก้อนกลม แล้วปั้นให้เป็นก้อนกลม วางบนแผ่นอะลูมินั่มฟอยล์ ห่อคลุมขนมปังทั้งหมด ปั้นให้แน่นจนเป็นก้อนกลม นำเข้าแช่ในตู้เย็นช่องแช่แข็งอย่างน้อย 5 ชั่วโมงขึ้นไป หรือ1 วัน
2. ใส่น้ำมันลงในหม้อหรือกระทะสำหรับทอด ตั้งบนไฟกลางจนน้ำมันร้อนจัด นำไอศกรีมที่ห่อไว้มาแกะแผ่นอะลูมินั่มฟอยล์ออก วางบนกระชอนแล้วนำลงทอด ระหว่างทอดต้องคอยเขย่ากระชอนให้ไอศกรีมกลิ้งในน้ำมันจนทั่ว ทอดแค่พอเหลือง หากทอดนานเกินไปเนื้อไอศกรีมจะละลายและไหลลงในน้ำมันทำให้กระเด็นได้ตักขึ้นวางพักบนกระดาษทิชชู
3. จัดใส่จาน เสิร์ฟพร้อมซอสช็อกโกแลต ซอสราสป์เบอร์รี วิปปิ้งครีม สตรอว์เบอร์รี และ ใบสะระแหน่
Tips
- ก่อนตักไอศกรีมเป็นก้อนกลมให้นำไอศกรีมไปแช่ในตู้เย็นช่องแช่แข็งก่อน เพราะถ้าไอศกรีมไม่แข็งพอหรือละลายจะปั้นเป็นก้อนกลมได้ยาก และควรตักไอศกรีมให้มีขนาดก้อนที่ไม่ใหญ่จนเกินไป เพราะจะทำให้ปั้นยาก
Gallery









Tags:
ขนมทอด, ขนมปังแซนด์วิช, ขนมหวานฝรั่ง, ขนมไม่อบ, ซอสช็อกโกแลต, น้ำมัน, วิปปิ้งครีม, สตรอว์เบอร์รี, ไอศกรีม
Recommended Articles

เส้นหมี่เบตงมีขนาดเล็กสีเหลืองคล้ายเส้นแคปเปลลินี (cappellini) มีความเหนียวนุ่มและดูดน้ำซอสได้ดีเยี่ยม เลยใช้เป็นเส้นสปาเกตตีได้ เพิ่มความพิเศษด้วยเบคอนชิ้นหนา ย่างเกรียมนิดๆ กินกับเส้นและครีมซอสมันๆ นัวๆ ท็อปปิ้งด้วยไข่ออนเซนเข้าไปอีก บอกเลยว่าลืมเส้นสปาเกตตีแบบเดิมไปเลย

ไอศกรีมเต้าหู้เนื้อเนียนนุ่มหอมกลิ่นเต้าหู้อ่อนๆ สูตรนี้เลือกใช้นมอัลมอนด์มาเป็นส่วนผสมของเหลวแทนน้ำเต้าหู้ เพราะตั้งใจอยากให้ได้กลิ่นถั่วอัลมอนด์ผสมอยู่ด้วยในเนื้อไอศกรีม ความหวานที่ได้เกิดจากน้ำเชื่อม ตัดรสนิดหน่อยด้วยเกลือสมุทร ก่อนเสิร์ฟโรยด้วยเต้าหู้เคลือบคาราเมลรสชาติหวานนิดเค็มหน่อยๆ เพิ่มความกรุบกรอบให้กับไอศกรีมถ้วยนี้

มันบดชีส มันฝรั่งและกระเทียมต้มจนสุก นำมาบดให้ละเอียด นำไปใส่หม้อ ใส่ทั้งวิปปิ้งครีมและเนย เพิ่มความนุ่มนวลให้แก่มันบด แต่ยังไม่พอสำหรับเมนูนี้ ใส่มอสซาเรลลาชีสขูดลงไปในหม้อ ตั้งบนไฟอ่อนๆ ค่อยๆกวนจนเนื้อมันฝรั่งกับมอสซาเรลลาชีสเนียนเข้ากันดี ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทยดำบด หอมๆ จะนำมารับประทานคู่กับไส้กรอก หรือสเต็ก หอม มัน อร่อย ยืดดดสุดๆ

มารังสรรค์สร้างศิลปะบนเค้กให้ดูสนุกสนานกันเถอะ กับ ซัมเมอร์เค้ก เลเยอร์เค้กสีสันสดใส เมื่อตัดออกมาเเล้วด้านในเป็นบัตเตอร์เค้กหลายสี ส่วนด้านนนอกตกเเต่งให้ดูเก๋ด้วยการบีบวิปปิ้งครีมเป็นรูปร่างต่างๆ ดอกไม้กินได้เเละมาร์ชเมลโลว์ ทำเป็นเค้กวันเกิด งานเลี้ยง หรือทำในโอกาสพิเศษ

Sans Rival Cake (เค้กไร้เทียมทาน) อย่าพึ่งตกใจกับชื่อเรียกของเค้กชนิดนี้ที่ทำไมดูเหมือนจอมยุทธหนังจีนยังไงอย่างงั้น แต่ที่จริงแล้วเค้กชนิดนี้มาจากประเทศฟิลิปปินส์ หรือถ้าแปลเป็นภาษาฝรั่งเศสก็คือ No rivals หรือ ไร้คู่แข่ง นั้นเอง ซึ่งเค้กชนิดนี้จะประกอบไปด้วยส่วนประกอบหลักๆอยู่ 2 ส่วนก็คือ ส่วนของเนื้อเค้กที่ไร้แป้งโดยสิ้นเชิง จะประกอบไปด้วยส่วนผสม 3 อย่างเท่านั้นคือไข่ขาว น้ำตาล และถั่ว ซึ่งต้นตำรับก็จะใช้เม็ดมะม่วงหิมพาตน์ เอามาป่นให้ละเอียดแล้วผสมไปกับตัวเมอแรงก์แล้วนำไปอบทำเป็นเนื้อเค้กสลับชั้นกับบัตเตอร์ครีมความเหนียวหนึบของตัวเมอแรงก์เข้ากันได้ดีกับเนื้อบัตเตอร์ครีมที่แทรกอยู่ระหว่างชั้น และที่สำคัญความกรุบกรอบของเม็ดมะม่วงที่โปะคลุมทั่วเนื้อเค้ก ทำให้เวลากินเข้าไปในหนึ่งคำบอกเลยว่าไร้เทียมทานสมชื่อ

แมงโกกุลฟี (Mango Kulfi) ไอศกรีมนมของคนอินเดียที่เพิ่มความพิเศษโดยการใส่เนื้อมะม่วงสุกที่ปั่นแล้วลงไปผสมอยู่ในเนื้อไอศกรีมด้วย ทำให้เนื้อสัมผัสที่ได้จะมีความครีมๆนมและหวานหอมกลิ่นผลไม้ที่สำคัญไม่ทิ้งเอกลักษณ์ความเป็นอินเดียด้วยการใส่เครื่องเทศอย่างกระวานเขียวและหญ้าฝรั่งลงไปด้วยตอนต้มนมเพื่อให้ได้กลิ่นหอมเล็กน้อย

มาลัยกุลฟี่ (Malai Kulfi) ในสูตรนี้จะมีนมสดชนิดจืด (แบบไขมันสูง) น้ำตาล หัวนมผง (อันนี้เพิ่มกลิ่นหอมนมมากยิ่งขึ้น) กระวานเขียว หญ้าฝรั่น อัลมอนด์ เม็ดมะม่วง และพิตาชิโอ เป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งขั้นตอนการทำ มาลัยกุลฟี (Malai Kulfi) ก็ไม่ยาก หลักๆก็คือการนำนมสดไปเคี่ยวให้เกิดความข้น กับน้ำตาลและหัวนมผง ให้ข้นจนเปลี่ยนสี (คล้ายสีนมข้นหวาน) แล้วใส่เครื่องเทศอย่างเม็ดกระวานและหญ้าฝรั่น เคี่ยวให้กลิ่นเครื่องเทศหอม จากนั้นก็นำเม็ดกระวานออก แล้วจึงใส่ถั่วต่างๆอย่างอัลมอนด์ เม็ดมะม่วง และพิตาชิโอ สับให้ละเอียด ลงไปต้มประมาณ 5 นาที ก่อนจะปิดไฟ แล้วพักให้หายร้อนก่อนใส่ลงพิมพ์ที่เตรียมไว้ แล้วนำไปแช่ในช่องฟรีสให้แข็งก่อนเอามากิน เนื้อไอศกรีมที่หวานมันผสมกับการได้สัมผัสของเม็ดถั่วที่ผสมอยู่ในเนื้อไอศกรีมอีกด้วย

พิตาชิโอกุลฟี่ (Pistachio Kulfi) เมนูนี้เพิ่มส่วนผสมสำคัญลงไปอย่างวิปปิ้งครีมและพิตาชิโอ โดยนำนม ครีม และน้ำตาล เคี่ยวให้ข้น ใส่เครื่องเทศอย่างกระวานลงไปเล็กน้อย เพื่อให้ได้กลิ่นจางๆ ปิดท้ายด้วยพิตาชิโอที่ผ่านการต้มให้นุ่มและนำเปลือกที่หุ้มออก ไปปั่นรวมกับส่วนผสมนมข้างต้นให้ได้เป็นเนื้อครีมมันๆ หอมกลิ่นพิตาชิโอ เมนูนี้เรียกได้ว่าถูกใจสายพิตาชิโอเป็นแน่ แต่หากใครจะเปลี่ยนรสชาติของถั่วก็ได้ตามใจชอบเลย

เครื่องดื่มเก๋สำหรับสายปาร์ตี้แต่รักสุขภาพ ต้องทำม็อกเทลผลไม้อย่างเช่นสูตรนี้ นำสตรอว์เบอร์รีสดมาปั่นผสมกับเนื้อมะนาว น้ำสับประรด เพิ่มสีและรสหวานด้วยน้ำแดง ตัดด้วยเกลือป่นเล็กน้อยสไตล์ม็อกเทล นำไปเชกในน้ำแข็งกับเชกเกอร์ จุดนี้ถ้าใครไม่มีเชกเกอร์ก็เสิร์ฟกับน้ำแข็งพร้อมกันไปเลย

เส้นหมี่เบตงมีขนาดเล็กสีเหลืองคล้ายเส้นแคปเปลลินี (cappellini) มีความเหนียวนุ่มและดูดน้ำซอสได้ดีเยี่ยม เลยใช้เป็นเส้นสปาเกตตีได้ เพิ่มความพิเศษด้วยเบคอนชิ้นหนา ย่างเกรียมนิดๆ กินกับเส้นและครีมซอสมันๆ นัวๆ ท็อปปิ้งด้วยไข่ออนเซนเข้าไปอีก บอกเลยว่าลืมเส้นสปาเกตตีแบบเดิมไปเลย

ไอศกรีมเต้าหู้เนื้อเนียนนุ่มหอมกลิ่นเต้าหู้อ่อนๆ สูตรนี้เลือกใช้นมอัลมอนด์มาเป็นส่วนผสมของเหลวแทนน้ำเต้าหู้ เพราะตั้งใจอยากให้ได้กลิ่นถั่วอัลมอนด์ผสมอยู่ด้วยในเนื้อไอศกรีม ความหวานที่ได้เกิดจากน้ำเชื่อม ตัดรสนิดหน่อยด้วยเกลือสมุทร ก่อนเสิร์ฟโรยด้วยเต้าหู้เคลือบคาราเมลรสชาติหวานนิดเค็มหน่อยๆ เพิ่มความกรุบกรอบให้กับไอศกรีมถ้วยนี้

มันบดชีส มันฝรั่งและกระเทียมต้มจนสุก นำมาบดให้ละเอียด นำไปใส่หม้อ ใส่ทั้งวิปปิ้งครีมและเนย เพิ่มความนุ่มนวลให้แก่มันบด แต่ยังไม่พอสำหรับเมนูนี้ ใส่มอสซาเรลลาชีสขูดลงไปในหม้อ ตั้งบนไฟอ่อนๆ ค่อยๆกวนจนเนื้อมันฝรั่งกับมอสซาเรลลาชีสเนียนเข้ากันดี ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทยดำบด หอมๆ จะนำมารับประทานคู่กับไส้กรอก หรือสเต็ก หอม มัน อร่อย ยืดดดสุดๆ

มารังสรรค์สร้างศิลปะบนเค้กให้ดูสนุกสนานกันเถอะ กับ ซัมเมอร์เค้ก เลเยอร์เค้กสีสันสดใส เมื่อตัดออกมาเเล้วด้านในเป็นบัตเตอร์เค้กหลายสี ส่วนด้านนนอกตกเเต่งให้ดูเก๋ด้วยการบีบวิปปิ้งครีมเป็นรูปร่างต่างๆ ดอกไม้กินได้เเละมาร์ชเมลโลว์ ทำเป็นเค้กวันเกิด งานเลี้ยง หรือทำในโอกาสพิเศษ

Sans Rival Cake (เค้กไร้เทียมทาน) อย่าพึ่งตกใจกับชื่อเรียกของเค้กชนิดนี้ที่ทำไมดูเหมือนจอมยุทธหนังจีนยังไงอย่างงั้น แต่ที่จริงแล้วเค้กชนิดนี้มาจากประเทศฟิลิปปินส์ หรือถ้าแปลเป็นภาษาฝรั่งเศสก็คือ No rivals หรือ ไร้คู่แข่ง นั้นเอง ซึ่งเค้กชนิดนี้จะประกอบไปด้วยส่วนประกอบหลักๆอยู่ 2 ส่วนก็คือ ส่วนของเนื้อเค้กที่ไร้แป้งโดยสิ้นเชิง จะประกอบไปด้วยส่วนผสม 3 อย่างเท่านั้นคือไข่ขาว น้ำตาล และถั่ว ซึ่งต้นตำรับก็จะใช้เม็ดมะม่วงหิมพาตน์ เอามาป่นให้ละเอียดแล้วผสมไปกับตัวเมอแรงก์แล้วนำไปอบทำเป็นเนื้อเค้กสลับชั้นกับบัตเตอร์ครีมความเหนียวหนึบของตัวเมอแรงก์เข้ากันได้ดีกับเนื้อบัตเตอร์ครีมที่แทรกอยู่ระหว่างชั้น และที่สำคัญความกรุบกรอบของเม็ดมะม่วงที่โปะคลุมทั่วเนื้อเค้ก ทำให้เวลากินเข้าไปในหนึ่งคำบอกเลยว่าไร้เทียมทานสมชื่อ

แมงโกกุลฟี (Mango Kulfi) ไอศกรีมนมของคนอินเดียที่เพิ่มความพิเศษโดยการใส่เนื้อมะม่วงสุกที่ปั่นแล้วลงไปผสมอยู่ในเนื้อไอศกรีมด้วย ทำให้เนื้อสัมผัสที่ได้จะมีความครีมๆนมและหวานหอมกลิ่นผลไม้ที่สำคัญไม่ทิ้งเอกลักษณ์ความเป็นอินเดียด้วยการใส่เครื่องเทศอย่างกระวานเขียวและหญ้าฝรั่งลงไปด้วยตอนต้มนมเพื่อให้ได้กลิ่นหอมเล็กน้อย

มาลัยกุลฟี่ (Malai Kulfi) ในสูตรนี้จะมีนมสดชนิดจืด (แบบไขมันสูง) น้ำตาล หัวนมผง (อันนี้เพิ่มกลิ่นหอมนมมากยิ่งขึ้น) กระวานเขียว หญ้าฝรั่น อัลมอนด์ เม็ดมะม่วง และพิตาชิโอ เป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งขั้นตอนการทำ มาลัยกุลฟี (Malai Kulfi) ก็ไม่ยาก หลักๆก็คือการนำนมสดไปเคี่ยวให้เกิดความข้น กับน้ำตาลและหัวนมผง ให้ข้นจนเปลี่ยนสี (คล้ายสีนมข้นหวาน) แล้วใส่เครื่องเทศอย่างเม็ดกระวานและหญ้าฝรั่น เคี่ยวให้กลิ่นเครื่องเทศหอม จากนั้นก็นำเม็ดกระวานออก แล้วจึงใส่ถั่วต่างๆอย่างอัลมอนด์ เม็ดมะม่วง และพิตาชิโอ สับให้ละเอียด ลงไปต้มประมาณ 5 นาที ก่อนจะปิดไฟ แล้วพักให้หายร้อนก่อนใส่ลงพิมพ์ที่เตรียมไว้ แล้วนำไปแช่ในช่องฟรีสให้แข็งก่อนเอามากิน เนื้อไอศกรีมที่หวานมันผสมกับการได้สัมผัสของเม็ดถั่วที่ผสมอยู่ในเนื้อไอศกรีมอีกด้วย

พิตาชิโอกุลฟี่ (Pistachio Kulfi) เมนูนี้เพิ่มส่วนผสมสำคัญลงไปอย่างวิปปิ้งครีมและพิตาชิโอ โดยนำนม ครีม และน้ำตาล เคี่ยวให้ข้น ใส่เครื่องเทศอย่างกระวานลงไปเล็กน้อย เพื่อให้ได้กลิ่นจางๆ ปิดท้ายด้วยพิตาชิโอที่ผ่านการต้มให้นุ่มและนำเปลือกที่หุ้มออก ไปปั่นรวมกับส่วนผสมนมข้างต้นให้ได้เป็นเนื้อครีมมันๆ หอมกลิ่นพิตาชิโอ เมนูนี้เรียกได้ว่าถูกใจสายพิตาชิโอเป็นแน่ แต่หากใครจะเปลี่ยนรสชาติของถั่วก็ได้ตามใจชอบเลย

เครื่องดื่มเก๋สำหรับสายปาร์ตี้แต่รักสุขภาพ ต้องทำม็อกเทลผลไม้อย่างเช่นสูตรนี้ นำสตรอว์เบอร์รีสดมาปั่นผสมกับเนื้อมะนาว น้ำสับประรด เพิ่มสีและรสหวานด้วยน้ำแดง ตัดด้วยเกลือป่นเล็กน้อยสไตล์ม็อกเทล นำไปเชกในน้ำแข็งกับเชกเกอร์ จุดนี้ถ้าใครไม่มีเชกเกอร์ก็เสิร์ฟกับน้ำแข็งพร้อมกันไปเลย

เส้นหมี่เบตงมีขนาดเล็กสีเหลืองคล้ายเส้นแคปเปลลินี (cappellini) มีความเหนียวนุ่มและดูดน้ำซอสได้ดีเยี่ยม เลยใช้เป็นเส้นสปาเกตตีได้ เพิ่มความพิเศษด้วยเบคอนชิ้นหนา ย่างเกรียมนิดๆ กินกับเส้นและครีมซอสมันๆ นัวๆ ท็อปปิ้งด้วยไข่ออนเซนเข้าไปอีก บอกเลยว่าลืมเส้นสปาเกตตีแบบเดิมไปเลย

ไอศกรีมเต้าหู้เนื้อเนียนนุ่มหอมกลิ่นเต้าหู้อ่อนๆ สูตรนี้เลือกใช้นมอัลมอนด์มาเป็นส่วนผสมของเหลวแทนน้ำเต้าหู้ เพราะตั้งใจอยากให้ได้กลิ่นถั่วอัลมอนด์ผสมอยู่ด้วยในเนื้อไอศกรีม ความหวานที่ได้เกิดจากน้ำเชื่อม ตัดรสนิดหน่อยด้วยเกลือสมุทร ก่อนเสิร์ฟโรยด้วยเต้าหู้เคลือบคาราเมลรสชาติหวานนิดเค็มหน่อยๆ เพิ่มความกรุบกรอบให้กับไอศกรีมถ้วยนี้

มันบดชีส มันฝรั่งและกระเทียมต้มจนสุก นำมาบดให้ละเอียด นำไปใส่หม้อ ใส่ทั้งวิปปิ้งครีมและเนย เพิ่มความนุ่มนวลให้แก่มันบด แต่ยังไม่พอสำหรับเมนูนี้ ใส่มอสซาเรลลาชีสขูดลงไปในหม้อ ตั้งบนไฟอ่อนๆ ค่อยๆกวนจนเนื้อมันฝรั่งกับมอสซาเรลลาชีสเนียนเข้ากันดี ปรุงรสด้วยเกลือ พริกไทยดำบด หอมๆ จะนำมารับประทานคู่กับไส้กรอก หรือสเต็ก หอม มัน อร่อย ยืดดดสุดๆ

มารังสรรค์สร้างศิลปะบนเค้กให้ดูสนุกสนานกันเถอะ กับ ซัมเมอร์เค้ก เลเยอร์เค้กสีสันสดใส เมื่อตัดออกมาเเล้วด้านในเป็นบัตเตอร์เค้กหลายสี ส่วนด้านนนอกตกเเต่งให้ดูเก๋ด้วยการบีบวิปปิ้งครีมเป็นรูปร่างต่างๆ ดอกไม้กินได้เเละมาร์ชเมลโลว์ ทำเป็นเค้กวันเกิด งานเลี้ยง หรือทำในโอกาสพิเศษ

Sans Rival Cake (เค้กไร้เทียมทาน) อย่าพึ่งตกใจกับชื่อเรียกของเค้กชนิดนี้ที่ทำไมดูเหมือนจอมยุทธหนังจีนยังไงอย่างงั้น แต่ที่จริงแล้วเค้กชนิดนี้มาจากประเทศฟิลิปปินส์ หรือถ้าแปลเป็นภาษาฝรั่งเศสก็คือ No rivals หรือ ไร้คู่แข่ง นั้นเอง ซึ่งเค้กชนิดนี้จะประกอบไปด้วยส่วนประกอบหลักๆอยู่ 2 ส่วนก็คือ ส่วนของเนื้อเค้กที่ไร้แป้งโดยสิ้นเชิง จะประกอบไปด้วยส่วนผสม 3 อย่างเท่านั้นคือไข่ขาว น้ำตาล และถั่ว ซึ่งต้นตำรับก็จะใช้เม็ดมะม่วงหิมพาตน์ เอามาป่นให้ละเอียดแล้วผสมไปกับตัวเมอแรงก์แล้วนำไปอบทำเป็นเนื้อเค้กสลับชั้นกับบัตเตอร์ครีมความเหนียวหนึบของตัวเมอแรงก์เข้ากันได้ดีกับเนื้อบัตเตอร์ครีมที่แทรกอยู่ระหว่างชั้น และที่สำคัญความกรุบกรอบของเม็ดมะม่วงที่โปะคลุมทั่วเนื้อเค้ก ทำให้เวลากินเข้าไปในหนึ่งคำบอกเลยว่าไร้เทียมทานสมชื่อ

แมงโกกุลฟี (Mango Kulfi) ไอศกรีมนมของคนอินเดียที่เพิ่มความพิเศษโดยการใส่เนื้อมะม่วงสุกที่ปั่นแล้วลงไปผสมอยู่ในเนื้อไอศกรีมด้วย ทำให้เนื้อสัมผัสที่ได้จะมีความครีมๆนมและหวานหอมกลิ่นผลไม้ที่สำคัญไม่ทิ้งเอกลักษณ์ความเป็นอินเดียด้วยการใส่เครื่องเทศอย่างกระวานเขียวและหญ้าฝรั่งลงไปด้วยตอนต้มนมเพื่อให้ได้กลิ่นหอมเล็กน้อย

มาลัยกุลฟี่ (Malai Kulfi) ในสูตรนี้จะมีนมสดชนิดจืด (แบบไขมันสูง) น้ำตาล หัวนมผง (อันนี้เพิ่มกลิ่นหอมนมมากยิ่งขึ้น) กระวานเขียว หญ้าฝรั่น อัลมอนด์ เม็ดมะม่วง และพิตาชิโอ เป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งขั้นตอนการทำ มาลัยกุลฟี (Malai Kulfi) ก็ไม่ยาก หลักๆก็คือการนำนมสดไปเคี่ยวให้เกิดความข้น กับน้ำตาลและหัวนมผง ให้ข้นจนเปลี่ยนสี (คล้ายสีนมข้นหวาน) แล้วใส่เครื่องเทศอย่างเม็ดกระวานและหญ้าฝรั่น เคี่ยวให้กลิ่นเครื่องเทศหอม จากนั้นก็นำเม็ดกระวานออก แล้วจึงใส่ถั่วต่างๆอย่างอัลมอนด์ เม็ดมะม่วง และพิตาชิโอ สับให้ละเอียด ลงไปต้มประมาณ 5 นาที ก่อนจะปิดไฟ แล้วพักให้หายร้อนก่อนใส่ลงพิมพ์ที่เตรียมไว้ แล้วนำไปแช่ในช่องฟรีสให้แข็งก่อนเอามากิน เนื้อไอศกรีมที่หวานมันผสมกับการได้สัมผัสของเม็ดถั่วที่ผสมอยู่ในเนื้อไอศกรีมอีกด้วย

พิตาชิโอกุลฟี่ (Pistachio Kulfi) เมนูนี้เพิ่มส่วนผสมสำคัญลงไปอย่างวิปปิ้งครีมและพิตาชิโอ โดยนำนม ครีม และน้ำตาล เคี่ยวให้ข้น ใส่เครื่องเทศอย่างกระวานลงไปเล็กน้อย เพื่อให้ได้กลิ่นจางๆ ปิดท้ายด้วยพิตาชิโอที่ผ่านการต้มให้นุ่มและนำเปลือกที่หุ้มออก ไปปั่นรวมกับส่วนผสมนมข้างต้นให้ได้เป็นเนื้อครีมมันๆ หอมกลิ่นพิตาชิโอ เมนูนี้เรียกได้ว่าถูกใจสายพิตาชิโอเป็นแน่ แต่หากใครจะเปลี่ยนรสชาติของถั่วก็ได้ตามใจชอบเลย

เครื่องดื่มเก๋สำหรับสายปาร์ตี้แต่รักสุขภาพ ต้องทำม็อกเทลผลไม้อย่างเช่นสูตรนี้ นำสตรอว์เบอร์รีสดมาปั่นผสมกับเนื้อมะนาว น้ำสับประรด เพิ่มสีและรสหวานด้วยน้ำแดง ตัดด้วยเกลือป่นเล็กน้อยสไตล์ม็อกเทล นำไปเชกในน้ำแข็งกับเชกเกอร์ จุดนี้ถ้าใครไม่มีเชกเกอร์ก็เสิร์ฟกับน้ำแข็งพร้อมกันไปเลย
Recommended Videos