ข้าวเกรียบกุ้งกรอบ ๆ หอม ๆ ทำเองถูกใจกว่าเยอะ
ข้าวเกรียบเป็นของกินเล่นที่คนไทยคุ้นเคย หาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อทั่วไป แถมยังมีหลายรสชาติให้เลือก กินกันเพลิน กินกันอร่อย โดยส่วนใหญ่อาจไม่เคยรู้เลยว่าข้าวเกรียบมีที่มาที่ไปอย่างไร จุดกำเนิดของข้าวเกรียบเริ่มขึ้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เมื่อชาวประมงหาปลาได้มากจนกินไม่หมด เลยคิดวิธีถนอมอาหารโดยเอาเนื้อปลาทั้งหมดมาคลุกกับแป้งทำเป็นแผ่นๆ แล้วเอาไปตากแดด เก็บไว้กินตอนที่หาปลาไม่ได้หรือไม่มีอะไรกิน เมื่อฮิตติดลมบน การทำข้าวเกรียบในปัจจุบันจึงอยู่ในรูปแบบอุตสาหกรรมเสียส่วนใหญ่ และแม้แต่คนเข้าครัวทำอาหารกินเองก็คงจะไม่มีใครมานั่งทำข้าวเกรียบเองที่บ้าน แต่ด้วยความหาทำของเรา เมื่อพบว่าจริงๆ แล้วการทำข้าวเกรียบโฮมเมดนั้นไม่ได้ยากอะไร ก็เลยขอลองเปิดโลกทำข้าวเกรียบกินเอง ได้เลือกวัตถุดิบเอง ได้มั่นใจในความสะอาด และที่แน่ๆ คือความปลอดภัยเพราะไร้สารเสริมเติมแต่งแน่นอน
อย่างที่บอกว่าการทำข้าวเกรียบเองนั้น วัตถุดิบไม่เยอะและไม่ยาก แต่เพียงเพราะใช้เวลาในการทำที่ยาวนานเท่านั้น เลยอาจทำให้ข้าวเกรียบนั้นดูทำยาก ซับซ้อน แต่ถึงอย่างไรก็ไม่เกินความสามารถค่ะ เราเลยนำสูตรข้าวเกรียบกุ้งทำเองได้ที่บ้านมาฝาก มีทางเลือกให้สำหรับคนที่มีเตาอบหรือเครื่องอบผลไม้แห้ง หรือใครไม่มีทั้งคู่ก็ทำได้โดยวิธีธรรมชาติ (แต่อาจรอนานหน่อยนะคะ)
การทำข้าวเกรียบกุ้งนั้นวัตถุดิบหาซื้อได้ไม่ยากเลย แป้งมันและแป้งข้าวเจ้าซื้อได้ตามซูเปอร์ฯ ทั่วไป กุ้งก็หาสดๆ ได้ที่ตลาด การเตรียมเนื้อกุ้งที่จะเอามาทำข้าวเกรียบทำได้โดยเอาหัวและหางกุ้งออก แกะเปลือกกุ้ง ผ่าหลังเอาเส้นดำออก ล้างทำความสะอาด ถ้ามีเครื่องบดอาหาร นำเข้าเครื่องบดจนเนื้อกุ้งเนียนละเอียด ใครไม่มีเครื่องบดอาหารให้เอาไปตำในครกก็ได้
เตรียมส่วนผสมของกุ้งเรียบร้อยแล้ว นำส่วนผสมของแป้งมาผสมกับเนื้อกุ้ง โดยผสมแป้งมันและแป้งข้าวเจ้า ปรุงรสผงกระเทียม พริกไทยขาวป่นและเกลือในแป้งเลย (การผสมแป้งกับเครื่องปรุงไว้จะช่วยให้เครื่องปรุงกระจายทั่ว ไม่จับกันเป็นก้อน) คนให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน จากนั้นค่อยๆ ทยอยตักแป้งทีละ 1/2 ถ้วย ผสมกับเนื้อกุ้ง ค่อยๆ นวดให้เข้ากัน พอเข้ากันแล้วก็ใส่แป้งเพิ่มและนวดต่อ ทำแบบนี้จนหมด (ค่อยๆ ผสมแป้งทีละน้อยจะทำให้เนื้อกุ้งและแป้งผสมเข้ากันได้ง่ายกว่าผสมทีเดียว) พอใส่แป้งรอบสุดท้ายจะรู้สึกว่าส่วนผสมนั้นแห้ง นวดยาก ให้เติมน้ำร้อนและนวดต่อ การเติมน้ำร้อนก็เพื่อทำให้ส่วนผสมไม่แห้งจนเกินไป ทำให้นวดได้ง่ายยิ่งขึ้น จากนั้นให้นวดต่อประมาณ 5 นาที
นวดผสมเข้ากันดีแล้วให้แบ่งเป็นก้อน ก้อนละ 190 กรัม นำมาม้วนเป็นแท่งกลม ขั้นตอนนี้จะม้วนให้ได้ขนาดที่ต้องการ ม้วนแท่งหนาจะได้ข้าวเกรียบแผ่นใหญ่ ม้วนแท่งเล็กก็จะได้ข้าวเกรียบแผ่นเล็กลง
จากนั้นห่อด้วยอะลูมิเนียมฟอยล์เพื่อช่วยป้องกันไอน้ำ ทำให้ตอนนำข้าวเกรียบไปนึ่ง ข้าวเกรียบจะไม่แฉะ
ตั้งหม้อลังถึงใส่น้ำ ¾ ของหม้อ ตั้งบนไฟกลางรอจนน้ำเดือดนำข้าวเกรียบกุ้งลงนึ่งเป็นเวลา 1 ชั่วโมง พอครบเวลายกลงจากเตา แกะอะลูมิเนียมฟอยล์ออก วางไว้อุณหภูมิห้อง 1 คืน หรือนำเข้าตู้เย็นช่องธรรมดา 1-2 ชั่วโมง จับผิวข้าวเกรียบดูว่าเซตตัวจนแห้งและแข็ง
นำข้าวเกรียบที่แห้งแล้วมาหั่นเป็นแผ่นบางๆ และเท่าๆ กัน แนะนำให้ใช้มีดที่หน้ามีดบางจะหั่นข้าวเกรียบได้บางและง่ายกว่ามีดที่มีหน้ามีดหนา หรือถ้าใครมีเครื่องสไลซ์ก็สามารถใช้เครื่องสไลซ์ข้าวเกรียบได้ ข้อสำคัญคือข้าวเกรียบที่หั่นออกมาต้องบางมาก เพราะถ้าหนาเกินไปจะทำให้ข้าวเกรียบแข็งและเหนียว ไม่กรอบฟู
นำแผ่นข้าวเกรียบเรียงใส่กระจาด หรือใครมีมุ้งตากอาหารที่กันแมลงได้ก็จะดี นำไปตากแดด 1-2 วัน หรือจนกว่าแผ่นข้าวเกรียบจะแห้งแข็ง ถ้าอยากประหยัดเวลาในการตาก อาจต้องมีเครื่องช่วยที่ทำให้อาหารแห้งได้เร็ว เช่นเครื่องอบผลไม้แห้ง อบที่อุณหภูมิ 40 องศา 3 ชั่วโมง หรือใช้เตาอบ อบที่อุณหภูมิ 60 องศา ไฟบน-ล่างและพัดลม เป็นเวลา 2 ชั่วโมง ในขณะที่อบให้เปิดฝาเตาอบไว้เล็กน้อย เพื่อระบายความชื้นในเตาอบ
เมื่อแผ่นข้าวเกรียบแห้งดีแล้ว ถ้าไม่อยากรับประทานเลยให้เก็บไว้ในภาชนะมีฝาปิด เก็บได้นานหลายเดือน (ต้องมั่นใจว่าข้าวเกรียบของเราตากจนแห้งแล้วจริงๆ) เมื่อจะรับประทานให้นำมาทอดโดยตั้งกระทะใส่น้ำมันบนไฟกลาง รอจนน้ำมันร้อน เช็คได้โดยลองใส่ข้าวเกรียบไป 1 แผ่น ถ้าข้าวเกรียบขึ้นฟูเร็ว ก็ใช้ได้ พอน้ำมันร้อนให้เบาไฟเล็กน้อยเพื่อไม่ให้น้ำมันร้อนจนเกินไปขณะทอด ใส่ข้าวเกรียบลงในกระทะ พยายามกดให้ข้าวเกรียบจมลงในน้ำมันทั้งแผ่น พอข้าวเกรียบขึ้นฟูตักขึ้นพักบนตะแกรงให้สะเด็ดน้ำมัน (ข้าวเกรียบจะขึ้นฟูเร็วมาก ให้รีบตักขึ้นเลย ถ้าทอดข้าวเกรียบนานเกินไปจะมีกลิ่นไหม้ได้)
คลิกที่นี่เพื่อดูสูตรข้าวเกรียบกุ้ง
จะเห็นได้ว่าการทำข้าวเกรียบกุ้งนั้นไม่ยากเลย อุปกรณ์เครื่องครัวที่ทันสมัยขึ้นในปัจจุบันก็ยิ่งทำให้การทำข้าวเกรียบกุ้งไม่ใช่เรื่องยาก อีกทั้งทำหนึ่งครั้งก็เก็บไว้ได้นาน นึกอยากจะกินตอนไหนก็เอามาทอด แขกไปใครมาก็ทอดเป็นของว่างต้อนรับแขกได้ เก๋ๆ บอกได้เต็มปากว่าข้าวเกรียบบ้านเราทำเองนะ
Contributor
Recommended Articles
Recommended Videos