เปิด "ตำราอาหาร" ได้ที่นี่

 

cooking post

ชาผลไม้สุดคราฟต์ ดื่มชื่นใจ ทำได้ที่บ้าน

Story by ชรินรัตน์ จริงจิตร

ทำชาผลไม้เองตั้งแต่ต้นจนจบแล้วจิบฝีมือตัวเองให้ชื่นใจ

ฟังชื่อเรื่องแล้วก็.. โห ทำชาเองที่บ้านเลยเหรอ จะรอดใช่ไหม จะอร่อยหรือเปล่า จะยากไหม หลายต่อหลายคนต้องคิดแบบนี้แน่ แต่เราจะเปลี่ยนเรื่องยากให้กลายเป็นเรื่องง่าย ที่ใครต่อใครก็ทำชาผลไม้กินเองที่บ้านได้แบบอร่อย ประหยัด และที่สำคัญ ได้ชารสชาติใหม่ที่เราเป็นคนรังสรรค์เองว่าอยากเอาอะไรมาผสมรวมกับอะไร คราฟต์กว่านี้ไม่มีอีกแล้ว!

 

ว่าแล้วก็เริ่มกันเลย อันดับแรกคือทำความเข้าใจกับผลไม้ที่จะนำมาทำชา

 

 

 

ผู้เขียนใช้หลักการเลือกผลไม้ที่มี 2 รสชาติในตัวเอง เช่นเลือกผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวหวานมากกว่าผลไม้ที่มีเพียงรสเปรี้ยวหรือหวานอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงอย่างเดียว เพื่อให้ชาที่เราทำมีรสชาติที่หลายหลาก ไม่โดดไปที่รสชาติใดรสชาติหนึ่ง โดยผลไม้ที่ผู้เขียนเลือกมาใช้ทำชา ได้แก่ สับปะรด สตรอว์เบอร์รี แอปเปิล (ทั้งเขียวและแดง) ทับทิม ส้ม แก้วมังกร เป็นต้น แต่ที่จริงยังมีผลไม้อีกหลายหลากชนิดที่นำมาทำเป็นชาผลไม้ได้อย่าง กีวี เกรปฟรุ๊ต ราสป์เบอร์รี บลูเบอร์รี เป็นต้น ซึ่งการเลือกซื้อผลไม้นั้นนอกจากจะเลือกผลไม้ที่เราชื่นชอบแล้ว ยังต้องเลือกผลไม้ที่สดใหม่ ไม่มีรอยช้ำหรือเน่าเสียเด็ดขาด เพราะถ้าเลือกซื้อผลไม้ที่ไม่สดมาทำชา อาจทำให้ชาของเราเสียรสชาติและไม่ดีต่อท้องไส้

 

เมื่อได้ผลไม้ที่ต้องการแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการเตรียมทำผลไม้อบแห้ง เพื่อจะนำไปทำเป็นชาแก้วโปรดของทุกคนนั่นเอง

 

 

 

หลักการเตรียมผลไม้แห้งก็คือ เมื่อเราได้ผลไม้ที่จะนำมาทำชาแล้ว ต้องล้างทำความสะอาดให้เรียบร้อย โดยเฉพาะผลไม้ที่เราจะใช้ทั้งเปลือกในการทำเช่น ส้ม แอปเปิล ยิ่งต้องล้างทำความสะอาดเป็นอย่างดี ไม่เช่นนั้นอาจท้องเสียได้ไม่รู้ตัว หลังล้างทำความสะอาดผลไม้เสร็จเรียบร้อย ก็มาเริ่มเตรียมผลไม้กันได้เลย

 

เริ่มจาก ‘ส้ม’ ซึ่งเป็นผลไม้ที่นิยมนำมาตากแห้งทำเป็นชามากที่สุด ปอกเอาแต่เปลือกมาทำ หรือหั่นแบบติดเปลือกไปเลยก็ได้ ถ้าหั่นเอาแต่เปลือก พอปอกเปลือกออกมาแล้วให้เอาส่วนที่เป็นเนื้อสีขาวที่ติดอยู่กับเปลือกออกให้หมด (เพราะส่วนนั้นจะทำให้เปลือกของส้มขมได้) ล้างน้ำให้สะอาดอีกรอบ จะถูด้วยเกลือสักเล็กน้อยเพื่อลดความขมที่ติดอยู่กับเปลือกออกก็ได้ ซับน้ำให้แห้งก่อนนำไปอบหรือตากให้แห้ง ถ้าหั่นทั้งเปลือกก็หั่นเป็นแว่นกลมๆ หรือจะหั่นเป็นแว่นครึ่งวงกลมก็ได้ อันนี้แล้วแต่ความชอบเลย แต่ต้องหั่นให้มีความหนาประมาณ ½ เซนติเมตร เพราะไม่เช่นนั้นอาจแห้งติดกับถาดที่อบที่ตะแกรงรองตากได้

 

 

 

สำหรับ ‘แอปเปิล’ ไม่ว่าจะแดงหรือเขียว ให้ล้างทำความสะอาดเช่นเดียวกัน หั่นครึ่งแล้วหั่นบางๆ ให้เป็นแว่น ความหนาก็ประมาณเดียวกันกับส้มคือ ½ เซนติเมตร ผลไม้อื่นอย่าง ‘สับปะรด’ และ ‘แก้วมังกร’ นั้น พอปอกเปลือกล้างให้สะอาดเรียบร้อยแล้วก็หั่นให้มีความหนาประมาณ 1 เซนติเมตร ให้หนากว่าผลไม้ที่ติดเปลือกอย่างส้มกับแอปเปิล เพราะว่าเราปอกเปลือกออก ถ้าหั่นบางไปอาจแห้งติดกับถาดที่วางได้ เช่นเดียวกับ ‘สตรอว์เบอร์รี’ ซึ่งหั่นเป็นแว่นให้หนาประมาณ 1 เซนติเมตรด้วยเช่นกัน

 

ระยะเวลาในการอบหรือตากให้ผลไม้แห้งได้ที่ดีนั้น ถ้าอบก็จะใช้เวลาประมาณ 6-7 ชั่วโมง โดยใช้อุณหภูมิประมาณ 120 – 130 องศาเซลเซียส (อันนี้ขึ้นอยู่กับเครื่องที่แต่ละบ้านมีนะคะ) หรืออาจค่อยสังเกต หมั่นเปิดเครื่องดูเป็นระยะๆ ก็ได้ ที่สำคัญอย่าให้ไหม้ติดกับถาดเป็นพอ ส่วนถ้าใครใช้วิธีตาก ก็จะใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าหน่อย ประมาณ 1 – 2 วันเต็มๆ แต่ถ้าวันไหนแดดดีอาจแค่ครึ่งวันก็ได้ ระยะเวลาขึ้นอยู่กับชนิดของผลไม้ที่เอามาตากด้วยเช่นกัน พอได้ผลไม้ที่อบแห้งเรียบร้อย ก็เก็บใส่ขวดโหล ปิดฝาให้สนิท เพื่อรักษาความหอมของตัวผลไม้เอาไว้ เมื่อจะนำมาชงก็ค่อยเอาออกมา แค่นี้ก็มีชาผลไม้คราฟต์ๆ ไว้ดื่มเองได้ทุกเมื่อแล้ว

 

 

วันนี้มีสูตรชาผลไม้อร่อยๆ ให้ลองเอาไปทำดูกัน โดยจะมีสูตรที่ใช้ผลไม้แห้งทั้งหมด 3 สูตรอย่าง ชาผิวส้ม ที่จะมีส่วนผสมของส้มเป็นสำคัญ ทั้งเปลือกส้มและส้มทั้งลูก เพิ่มความหวานด้วยน้ำผึ้งหรือจะใช้น้ำตาลกรวดก็ได้ สูตรนี้ใส่ชาเลมอนแบบเป็นซองลงไปด้วยเพื่อเพิ่มความเปรี้ยวและหอมกลิ่นชามากยิ่งขึ้น ถ้าทำให้ผู้ใหญ่ดื่มแนะนำเป็นชาร้อนคู่กับขนมอย่างคุกกี้หรือขนมเปี๊ยะ ถ้าเป็นเด็กๆ วัยรุ่นหน่อย ทำเป็นเครื่องดื่มเย็นก็เด็ด แต่รสชาติของชาอาจติดขมนิดหน่อยนะคะสำหรับสูตรนี้

 

 

คลิกที่นี่เพื่อดูสูตรชาผิวส้ม

 

ชาสับปะรดแก้วมังกร ภูมิใจนำเสนอมากๆ เลย เพราะทั้งหอม เปรี้ยว หวาน ลงตัวแบบสุดๆ ด้วยความที่สับปะรดเป็นผลไม้ที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ในตัว ทำให้ชาแก้วนี้โดดเด่นกว่าแก้วไหนๆ เพิ่มความหวานเล็กน้อยด้วยน้ำผึ้ง หรือถ้าไม่ชอบหวานไม่ต้องเติมน้ำผึ้งก็ได้ แนะนำให้ดื่มแบบเย็นๆ จะหอมหวานชื่นใจ

 

 

คลิกที่นี่เพื่อดูสูตรชาสับปะรดแก้วมังกร

 

แก้วสุดท้ายคือ ชาผลไม้รวม รวมผลไม้เกือบทุกชนิดใส่ลงไปในชาแก้วนี้ ได้ทั้งรสชาติและสีสันที่โดดเด่น มีความเปรี้ยวอมหวานของส้ม ความหอมของสตรอวเบอร์รี เพิ่มความเปรี้ยวของเม็ดทับทิม เข้าไปอีก ทำให้ชาแก้วนี้มีหลากหลายรสชาติ เติมความหวานด้วยน้ำผึ้งเช่นเดียวกัน

 

 

คลิกที่นี่เพื่อดูสูตรชาผลไม้รวม

 

อีกแก้วถือเป็นของแถม เรานำเอาผลไม้สดมาหมักกับน้ำผึ้งประมาณ 1 คืน เพื่อให้น้ำในผลไม้ผสมรวมกับน้ำผึ้ง ก่อนจะนำไปชงเป็นชา โดยเราเรียกชาแก้วนี้ว่า ชาผลไม้สด เป็นการนำเอาส้ม สตรอวเบอร์รี ทับทิม มาใส่ลงในขวดโหล จากนั้นก็ใส่น้ำผึ้งลงไป กดให้เนื้อผลไม้แตกตัวเล็กน้อย เพื่อให้น้ำผึ้งกับน้ำในตัวผลไม้ผสมกันได้ดี หมักในตู้เย็น 1 คืนเต็มๆ หรือจะนานกว่านั้นก็ได้ พอจะเอามาชงก็แค่ใส่ลงในน้ำร้อน ต้ม และแช่ทิ้งไว้สักเล็กน้อย เติมน้ำผึ้งลงไปหน่อยถ้าต้องการรสชาติที่หวานหอม กินเย็นๆ ชื่นใจสุดๆ

 

 

คลิกที่นี่เพื่อดูสูตรชาผลไม้สด

 

บทความที่เกี่ยวข้อง

 

Share this content

Contributor

Tags:

ชา, ชาผลไม้, ทำเครื่องดื่มง่ายๆ, เครื่องดื่ม

Recommended Articles

Cookingดื่มด่ำท้ายปีกับ Arancello เหล้าส้มหวานหอมสดชื่นสำหรับสายแอลฯ
ดื่มด่ำท้ายปีกับ Arancello เหล้าส้มหวานหอมสดชื่นสำหรับสายแอลฯ

เหล้ากลิ่นเปลือกส้มหอมสดชื่น ทำง่าย ใช้เวลาแค่ 1 สัปดาห์

 

Recommended Videos