เปิด "ตำราอาหาร" ได้ที่นี่

 

food story

กินกาแฟแกล้มขนมชม MUJI Coffee Corner ที่แรกในไทย

Story by ศรีวิการ์ สันติสุข

ถนนทุกสายมุ่งสู่ MUJI Coffee Corner แห่งแรกในประเทศไทย ไปดูซิว่า MUJI จะขายกาแฟได้เก๋ไก๋แค่ไหน

ฮอตฮิตที่สุดนาทีนี้ไม่มีอะไรเกินแหล่งชิม ช้อป ชิลล์แห่งใหม่ล่าสุดใจกลางพระนครในชื่อสามย่านมิตรทาวน์ ที่เพิ่งแกรนด์โอเพนนิ่งกันไปเมื่อศุกร์ที่ 20 ก.ย.นี้เอง และในความเก๋ไก๋ทั้งหลายทั้งปวงนั้น โดดเด่นที่สุดนอกจากอุโมงค์ทางเชื่อม MRT สถานีสามย่าน ที่ได้รับการออกแบบอย่างสวยงามชวนให้หยุดถ่ายรูปโพสต์ไอจีกันทุก 2 เมตร อีกสิ่งที่ทุกคนต้องไปก็คือร้าน MUJI สาขาใหม่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย กินพื้นที่กว่า 1,700 ตารางเมตร ณ ชั้น G ที่ไม่เพียงมาพร้อมความใหญ่โตโอฬาร ยังมาพร้อมออปชั่นเสริมที่ ‘มีเฉพาะสาขานี้’ อีกเพียบ

 

 

หนึ่งในนั้นก็คือ MUJI Coffee Corner มุมขายกาแฟพร้อมเบเกอรีแห่งแรกในประเทศไทย ฮือฮากันเป็นอันมากชนิดที่ใช้คำว่าถนนทุกสายมุ่งสู่ MUJI Coffee Corner ก็ว่าได้ อ่ะ เข้าเรื่องแล้วละ ณ บัดนี้ หลังจากเห็นภาพ MUJI Coffee Corner เต็มหน้าฟีดตั้งแต่ช่วงสุดสัปดาห์ เราจะช้ากว่านี้ไม่ได้ มาค่ะ บ่ายวันจันทร์เราก็วาร์ปมายืนหน้าสามย่านมิตรทาวน์กันเลย

 

เดินฉับๆ ด้วยความมั่นใจตรงเข้าประตูไป เจอลานกว้างกลางห้าง แล้วเข้าประตูกระจกอีกที ก็จะพบร้าน MUJI ใหญ่โตดักอยู่ทางซ้าย ข้าวของมากมาย สวยเก๋มินิมอลชวนให้เสียทรัพย์ตั้งแต่ก้าวแรก แต่ใจแข็งไว้ ให้ตรงไปที่กลางร้านก่อน นั่นไง เห็นแล้ว ป้าย Coffee Corner กับเคาน์เตอร์ไม้สีน้ำตาลนวลตาและตู้เบเกอรีขนาดน่ารักจุ๋มจิ๋ม ดีไซน์เรียบง่ายแต่คิดมาแล้ว ยิ่งมีน้องสต๊าฟยืนยิ้มพิมพ์ใจรับแขกอยู่หลังเคาน์เตอร์ยิ่งขับเน้นบรรยากาศอบอุ่น เพลินตา เพลินใจ สไตล์มูจิเปี๊ยบ

 

 

 

เพราะเป็นช่วงบ่ายวันจันทร์ คนเลยไม่มากเท่าไร แต่ก็ยังต้องต่อคิวอยู่สัก 5 นาที ถึงคิวแล้วก็เลือกจิ้มเค้กและเบเกอรีที่หน้าตาสวยงามแปลกตาน่าจะหากินที่อื่นไม่ได้ง่ายๆ มา 4-5 ชิ้น กับเครื่องดื่มร้อน-เย็นอย่างละแก้ว น้องที่เคาน์เตอร์บอกว่าที่นี่ใช้เมล็ดกาแฟจากดอยตุง “เหมือน MUJI ที่ญี่ปุ่นเลยครับ ที่นั่นก็ใช้เมล็ดกาแฟดอยตุง” และเบเกอรีจากร้าน 60 Plus Bakery ร้านที่เปิดโอกาสให้คนพิการและออทิสติกได้เข้ามาเป็นพนักงานในร้าน รวมทั้งเค้กไซส์มินิน่ารัก สนนราคาถูกเหลือเชื่อ เริ่มต้นตั้งแต่ 20 บาท เครื่องดื่มก็เริ่มต้นที่ 70 บาท จ่ายเงินแล้วก็ไปรับของที่เคาน์เตอร์ด้านข้าง ยืนรอไปมองสีเขียวของเหล่าพืชพรรณที่ประดับบนเคาน์เตอร์ไปเพลินๆ แป๊บเดียวก็ได้ของที่สั่งละ โชคดีที่โต๊ะด้านหน้า ซึ่งมีเพียง 2 โต๊ะว่างพอดี ประคองถาดไม้ที่เรียงรายไปด้วยขนมและเครื่องดื่มมาวางแล้วก็เริ่มพิธีกรรมถ่ายรูป จากนั้นก็ชิมมมมมม

 

 

 

 

ตอนเห็นไซส์เค้ก แอบเม้าท์กันว่าคำเดียวก็หมดแล้ว แต่เอาเข้าจริงก็หลายคำอยู่นะ ชิ้นแรก Strawberry Short Cake (60 บาท) เค้กสีขาวประดับหน้าด้วยสตรอว์เบอร์รีน่าเอ็นดู ทั้งเนื้อเค้กและครีมฟูฟ่องเบาหวิวละลายในปาก ถ้าไม่ได้รสหวานที่ยังอวลอยู่คงคิดว่าฝันไปเองว่าได้กินเค้ก

 

 

ต่อด้วย Apple Earl Grey (55 บาท) ชิ้นแนะนำเพราะน่าจะมีให้กินที่นี่ที่เดียว เป็นเค้กที่ได้กลิ่นชาเอิร์ลเกรย์เข้มข้นขึ้นจมูกไม่พอ มีใบชาแห้งกระจายตัวอยู่ในเนื้อเค้กเพิ่มสัมผัสชาเข้าไปอีก รสชาติติดขมเล็กน้อย แต่ติดลิ้นนานมาก

 

 

Matcha Gradient Mousse Cake (60 บาท) คือชิ้นที่ทุกคนลงมติให้หยิบเป็นชิ้นแรก ด้วยความสวยของสีเขียวที่ไล่เฉดอ่อนแก่อย่างสวยงาม ถ่ายรูปสวยมากจริง แต่รสชาติฮาร์ดคอร์พอสมควร สีเขียวแก่ด้านในสุดนั้นคือชาเคี้ยว…ชาเขียว เขียวแบบไม่มีอะไรเขียวกว่านี้อีกแล้ว เข้ม ข้น ขม ทั้งกลิ่นทั้งรสมาเต็ม นี่ก็ตักด้านแหลมของสามเหลี่ยมเข้าปากไง ได้สีเขียวเข้มไปเต็มๆ ช็อคแป๊บ พอตั้งตัวได้ก็หันช้อนไปตักทางด้านข้าง ที่จะได้เลเยอร์เขียวเข้ม เขียวอ่อน เขียวอ่อนสุด ขาว พร้อมๆ กัน เอออันนี้ดี เพราะความขมก็ไล่ระดับอ่อนลงไปตามความเข้มของสี พอกินถูกวิธีแล้วรสชาติมันจะเบลนด์กันออกมาละมุนๆ นุ่มๆ สไตล์มูจิอ่ะ นอกจากจะอร่อยยังทึ่งกับการคิดมาแล้วทุกสิ่ง ไม่มีการหลุดคอนเซ็ปต์ร้านกันเลยทีเดียว ชอบ!

 

 

Jaffa Mousse (60 บาท) คือชิ้นถัดมา ช็อกโกแลตเข้มข้นสุดๆ หวานบาดคอแบบแม้จะมีความเปรี้ยวอมหวานของส้มที่สอดไส้อยู่ก็ช่วยไม่ค่อยได้ ควรกินชิ้นนี้เป็นชิ้นสุดท้าย ไม่งั้นจะไม่รับรู้รสชาติชิ้นอื่นๆ เตือนแล้วนะ!

 

 

ปิดด้วย Zebra Croissant (20 บาท) ครัวซองต์ช็อกโกแลตที่เนื้อเนียนนุ่มเหนียวแน่นเหมือนขนมปังมากกว่าครัวซองต์ รสชาติเค็มนำหวานน้อยนิด ช่วยล้างความหวานจากชิ้นก่อนหน้าได้ชะงัด

 

ส่วนตัวคิดว่ารสชาติของทั้งเค้กและมูสหวานไปหน่อย แต่ก็อาจเป็นความตั้งใจ เพราะเมื่อกินคู่กับเครื่องดื่ม ทั้ง Hot Caffe Latte (75 บาท) และ Cold Matcha Latte (70 บาท) ซึ่งเข้มข้นทั้งรสและกลิ่น โดยแทบไม่มีความหวานเลย ก็ถือว่าเป็นการจับคู่ที่ลงตัวดี

 

 

อย่างที่บอกไปว่าเห็นไซส์เค้กแล้วอาจจะปรามาสว่าชิ้นจิ๋วเดียว แต่พอกินจริงๆ มันก็ไม่ได้จิ๋วขนาดน้านนนน กินหมดนี้ก็มีความอิ่มระดับหนึ่ง

 

 

 

ว่าแล้วก็ลุกไปเดินชมร้านซะหน่อย ชอบการแบ่งโซนของสาขานี้จัง ชัดเจน ดูง่าย จ่ายคล่อง ของน่าซื้อเต็มไปหมด เดินเมื่อยแล้วมีมุมให้นั่งพักมากมายสไตล์มูจิ โชว์รูมห้องนอนเก๋ๆ ให้เลื้อยขี้เกียจๆ บนโซฟาก็มี จะนั่งอ่านหนังสือก็มีโซน Book ใหญ่โตสวยงามรองรับ อ้อ สาขานี้มีบริการปักทุกสิ่งจิงกะเบลลงเสื้อ กางเกง หมวก กระเป๋า ยันรองเท้า ลายปักน่าร้ากกกกกมาก ราคาก็เริ่มต้นที่ 100 บาทเท่านั้น ปกติใช้เวลาแค่ไม่ถึงชั่วโมงก็เสร็จ แต่วันนี้น้องที่เคาน์เตอร์บอกว่าคิวปักยาวไปสองอาทิตย์แล้ว

 

 

 

กลับก็ได้ ไว้ค่อยมาใหม่ เดินเพลิน กินเพลิน มาก็สะดวกซะขนาดนี้ เดี๋ยวมีมาซ้ำแน่นอน!

 

MUJI Coffer Corner

 

พิกัด: ชั้น G สามย่านมิตรทาวน์

 

เปิด-ปิด: 11:00-22:00 น. (ทุกวัน)

 

FB: muji.thailand

Share this content

Contributor

Tags:

ร้านอร่อยกรุงเทพ

Recommended Articles

Food Storyแจกพิกัดนั่งเรือกินเที่ยว 5 Route รอบกรุงเทพฯ เด็ดทุกร้าน KRUA.CO การันตี!
แจกพิกัดนั่งเรือกินเที่ยว 5 Route รอบกรุงเทพฯ เด็ดทุกร้าน KRUA.CO การันตี!

ท่าดินแดง ท่าวังหลัง ท่าเตียน ท่าราชวงศ์​ จะท่าไหนๆ ก็มีแต่ของอร่อยเต็มไปหมด