เปิด "ตำราอาหาร" ได้ที่นี่

 

food story

‘แก้เผ็ด’ แบบนี้สิได้ผล

Story by ศรีวิการ์ สันติสุข

ความเผ็ดของพริกมาจากสารแคปไซซิน ถ้าจะกำจัดความเผ็ดที่กำลังทำให้ปากเบิร์นก็ต้องจัดการกับแคปไซซิน ซึ่งน้ำทำอะไรเจ้าสารนี้ไม่ได้ ส่วนอะไรขจัดมันได้นั้น มาดูกัน

ไม่ได้จะมาบอกวิธีเอาคืนใคร ว่าไปตามความหมายล้วนๆ คือแก้เผ็ดจากการกินพริก กินพริกแล้วต้องเผ็ดเป็นสิ่งที่ใครๆ ก็รู้ แต่ครั้นจะไม่กินบางทีก็ทำใจไม่ได้ เพราะอาหารหลายอย่างมันอร่อยเด็ดแซ่บซี๊ดก็เพราะความเผ็ดนี่แหละ สายอยู่เพื่อกินอย่างเราจึงยึดคติกินไว้ก่อน เผ็ดร้อนค่อยหาทางแก้ทีหลัง ซึ่งร้อยทั้งร้อยพอเจอความเผ็ดร้อนของพริกเข้าไป ก็มักจะแก้แบบอัตโนมัติ ด้วยการคว้าน้ำมาดื่มบรรเทาความแสบร้อนในปาก หารู้ไม่ว่าน้ำช่วยอะไรไม่ได้เลย แถมยังจะทำให้ปากเบิร์นกว่าเดิมเพราะไปช่วยกระจายความเผ็ดให้ทั่วปากไปอีก

 

แล้วต้องทำยังไงล่ะ? ก็ต้องย้อนกลับไปเล่าว่าสาเหตุที่กินพริกแล้วทำให้เกิดความเผ็ดร้อน ก็เพราะฤทธิ์เดชของเจ้าสารแคปไซซิน (Capsaicin) ที่มีอยู่มากมายในพริก เมื่อแคปไซซินไปโดนเยื่อบุหรือเนื้อเยื่อต่างๆ ในช่องปาก มันก็จะกระตุ้นปลายประสาททำให้เกิดความรู้สึกแสบร้อนขึ้นมา ฉะนั้น การจะทำให้หายเผ็ดแปลว่าเราต้องหาวิธีขจัดเจ้าแคปไซซินให้หมดไปนั่นเอง ซึ่งย้ำอีกทีว่าการดื่มน้ำไม่สามารถจัดการแคปไซซินได้ ส่วนสิ่งที่ช่วยขจัดแคปไซซินได้ มีดังนี้

 

 

นม

 

ในนมมีโปรตีนชื่อคาเซอิน (Casein) ที่จะไปดึงแคปไซซินจากปลายประสาท แล้วกำจัดมันทิ้ง จึงทำให้ความเผ็ดหายไปได้ โดยนมเย็นจะช่วยให้หายเผ็ดได้ดีกว่านมอุณหภูมิปกติ วิธีที่ได้ผลที่สุดคือให้อมนมกลั้วไว้ในปาก แล้วบ้วนทิ้ง หรืออยากดื่มลงไปก็ไม่ว่า แต่การกลั้วแล้วบ้วนช่วยให้หายเผ็ดได้ดีกว่า นอกจากนมแล้ว ผลิตภัณฑ์จากนมอย่างโยเกิร์ต ไอศกรีม ชีส ก็ใช้ได้นะเพราะมีสารคาเซอินเหมือนกัน

 

น้ำมะนาวและมะเขือเทศ

 

ถ้ามีผลสด จะหยิบมะเขือเทศใส่ปากเคี้ยวเลยก็ได้ หรือจะดื่มน้ำมะเขือเทศ น้ำมะนาว น้ำส้ม ก็ได้ เพราะรสเปรี้ยวมีฤทธิ์เป็นกรด แต่สารแคปไซซินเป็นด่าง เมื่อทำปฏิกิริยากันจึงทำให้ความเผ็ดลดลง

 

น้ำมันมะกอกและน้ำมันมะพร้าว

 

แคปไซซินละลายได้ดีในน้ำมันและไขมัน การอมน้ำมันมะกอกหรือน้ำมันมะพร้าวกลั้วไว้ในปากแล้วบ้วนทิ้งจึงช่วยละลายแคปไซซินให้หมดไป หรือถ้าหาน้ำมันใกล้มือไม่ได้ จะหยิบของทอดของมันอย่างไก่ทอด หมูทอด ใส่ปากตามไปก็พอช่วยบรรเทาความเผ็ดได้เหมือนกัน

 

น้ำอุ่นหรือซุปร้อนๆ

 

เป็นวิธีที่เหมาะกับคนฮาร์ดคอร์เพราะทรมานที่สุด แต่ก็ทำให้หายเผ็ดได้เร็วที่สุด เนื่องจากน้ำอุ่นจะช่วยละลายเจ้าแคปไซซินที่เกาะอยู่ในปาก กินน้ำอุ่นหรือซุปไม่กี่คำก็ช่วยให้หายเผ็ดได้ แต่โดยส่วนตัวเราใช้วิธีอมกลั้วไว้ในปากแล้วบ้วนทิ้ง รับประกันว่าแค่ครั้งเดียวก็หายเผ็ดเหมือนไม่เคยเผ็ดมาก่อน แต่ขณะอมกลั้วปากนั้นมันโหดร้ายมาก แสบร้อนขึ้นสมองน้ำตาร่วงพรูเลยทีเดียว

 

ข้าวหรือขนมปัง

 

เผ็ดเมื่อไหร่ให้กินข้าวหรือขนมปังตามเข้าไปเยอะๆ เพราะความหวานจากแป้งในข้าวหรือขนมปัง จะช่วยดูดซับสารแคปไซซินออกไป

 

เกลือ

 

อมเกลือไว้ในปากเพื่อรับรสเค็มเข้ามาแทนที่ความเผ็ด เมื่อเกลือละลายจนหมด ความเผ็ดร้อนในปากจะลดลงด้วย

 

น้ำตาลและน้ำผึ้ง

 

อมน้ำตาลหรือน้ำผึ้งกลั้วปากไว้สักพัก เพื่อใช้รสหวานกลบความเผ็ดร้อน มีข้อมูลทางวิทยาศาสตร์รองรับด้วยนะ เพราะหน่วยวัดความร้อนของพริกที่เรียกว่าหน่วยสโคลิวว์ (Scoville Heat Unit) นั้น สามารถนำมาใช้คำนวณเพื่อหาปริมาณความหวานที่ใช้ลดความเผ็ดร้อนได้อย่างแม่นยำ

 

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

 

แคปไซซินละลายในไขมันได้ดีมาก และแอลกอฮอล์ก็เป็นตัวทำละลายที่ช่วยชะสารที่ละลายในไขมันได้ดี แต่ก็ขึ้นอยู่กับปริมาณแอลกอฮอล์และความเย็นด้วย การดื่มแอลกอฮอล์ดีกรีสูงและเย็นจัดจะช่วยดับความเผ็ดอย่างเห็นผล แต่ถ้าดื่มแอลกอฮอล์ดีกรีต่ำไม่ว่าจะอุณหภูมิต่ำหรือสูงไม่ช่วยอะไร แถมยังจะทำให้เผ็ดคูณสองคูณสามไม่ต่างจากการดื่มน้ำเย็น ฉะนั้นอย่าลืม “ขอแอลกอฮอล์เย็นเจี๊ยบและดีกรีสูง” เข้าไว้ กับแกล้มจะเผ็ดเดือดแค่ไหนก็ไม่หวั่น

 

ปล่อยให้น้ำลายไหล

 

ข้อนี้แนะนำให้ทำเมื่ออยู่คนเดียว เนื่องจากสภาพจะไม่ค่อยสวยเท่าไร ให้อ้าปาก แลบลิ้น ปล่อยให้น้ำลายไหลออกมา เมื่อน้ำลายหยดติ๋งๆ ไปสัก 3-4 หยด ความเผ็ดร้อนก็แทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง เพราะเมื่อเกิดอาการแสบร้อนในปาก ร่างกายจะขับน้ำลายออกมาเพื่อชะล้างสารแคปไซซินออกไป แต่ช่วงที่รอให้น้ำลายกลั่นออกมาก็ทรมานเอาเรื่องอยู่นะ เผ็ดแสบระดับน้ำตาร่วงทีเดียว

 

อ้างอิง:

 

https://goodlifeupdate.com/

 

https://www.healthandtrend.com

 

https://www.parpaikin.com

Share this content

Contributor

Tags:

รสเผ็ด

Recommended Articles

Food Storyสี่ร้อยปีของ ‘พริก’ กับประวัติศาสตร์ใหม่อาหารไทย
สี่ร้อยปีของ ‘พริก’ กับประวัติศาสตร์ใหม่อาหารไทย

คนไทยกินเผ็ด อาหารไทยก็เผ็ด แต่จริงๆ แล้วคนไทยรู้จักและกินพริกหลังชาติอื่นนานมาก