เปิด "ตำราอาหาร" ได้ที่นี่

 

food story

เลี่ยวเลี่ยงเซ้ง อาหารจีนแต้จิ๋วรสดั้งเดิมที่อยู่มานาน 6 แผ่นดิน

Story by สุริวัสสา กล่อมเดช

130 ปี ไอศกรีมร้านแรกของไทย กับอาหารแต้จิ๋วรสดั้งเดิมสุดพิถีพิถันเหมือนทำให้คนที่บ้านกิน

ท่ามกลางคนพลุกพล่านย่านเยาวราช ถัดมาไม่ไกลบริเวณวงเวียน 22 คือที่ตั้งของภัตตาคารอาหารจีนแต้จิ๋ว ที่เปิดมานานกว่า 130 ปี ในบรรยากาศเงียบสงบ การตกแต่งเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยกลิ่นอายร่องรอยประวัติศาสตร์ ตั้งแต่โต๊ะเก้าอี้ที่ต้อนรับแขกมาตั้งแต่เปิดร้านในปีที่ 1 ป้ายร้านเก่าที่ถูกปลดระวาง และเรื่องเล่าจาก พาวด์ จักรกรินทร์ โภคาปราการ ทายาทรุ่นที่ 4 ของภัตตาคาร ‘เลี่ยวเลี่ยงเซ้ง’ เล่าถึงที่มาของร้านจากเดิมเปิดเป็นร้านขายไอศกรีม และเป็นไอศกรีมร้านแรกของไทย ในสมัยรัชกาลที่ 5

 

 

 

 

เลี่ยว มาจากชื่อแซ่ เลี่ยง มาจากเหลียงเก้อ คือสองคน เป็นกุศโลบายของคนสมัยก่อนที่ทำอะไรต้องทำสองคน ช่วยกันคิดช่วยกันทำ เป็นความเชื่อ เซ้ง หมายถึงร้านค้า ห้างร้าน ธุรกิจร้านค้า

 

 

 

 

“เดิมเหล่ากงเข็นรถเข็นขายน้ำชาอยู่แถวย่านท่าน้ำราชวงศ์ แล้วได้รู้จักกับเจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ไม่ทราบต้นสายปลายเหตุว่าอากงรู้จักกับท่านได้อย่างไร แต่ด้วยความเมตตาของเจ้าพระยานริศ ท่านก็ประทานทุนทรัพย์ให้พร้อมตึกห้องสุดท้ายตรงท่าน้ำราชวงศ์ เปิดเป็นร้านไอศกรีมร้านแรกตรงนั้น

 

 

 

 

 

 

 

 

“สมัยแรกเริ่มคนจะรู้จักในชื่อไอศกรีมซาโหงว หรือไอศกรีม 35 มาจากนายเผ่า 5 ทหารเสือ เป็นคนเอาบุหรี่ 35 เข้ามาขายแล้วมาฝากไว้ที่ร้าน คนทั่วพระนครจะรู้กันว่าถ้าจะเอาบุหรี่นะ ให้มาเอาที่ร้านไอศกรีมที่ท่าน้ำราชวงศ์ แล้วก็มีป้าย 555 ติดที่ร้าน ซึ่งก็เป็นป้ายยี่ห้อบุหรี่ ไม่ใช่ป้ายร้าน แต่มันจำง่ายคนก็จะเรียกไอติมราชวงศ์ 555

 

 

 

 

กระทั่งร้านขยับขยายย้ายจากท่าน้ำราชวงศ์มาเปิดที่กาแลกซี่พระราม 4 ด้วยความที่เหล่ากงเป็นคนชอบกิน ชอบลองอะไรใหม่ๆ จึงงัดฝีมือการครัวแต้จิ๋วที่ติดตัวมาตั้งแต่ครั้งอยู่เมืองจีน ทำอาหารเหลาแต้จิ๋วรสชาติอย่างที่คนแต้จิ๋วกินกัน เพื่อดึงดูดลูกค้าให้เข้าร้าน มาทั้งทีได้กินทั้งอาหารและตบท้ายด้วยไอศกรีมอร่อยๆ

 

 

 

 

 

 

 

 

เลี่ยวเลี่ยงเซ้งจึงเสิร์ฟอาหารจีนแต้จิ๋วรสชาติดั้งเดิมมาตั้งแต่ 130 ปีก่อน จวบจนร้านย้ายมาอยู่ที่วงเวียน 22 และยังคงเก็บศิลปะการครัวแบบแต้จิ๋วเอาไว้ทุกกระเบียดนิ้วจากรุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่การใช้เตาถ่านจากไม้เก๋ากี้ ที่ให้ไฟแรงสม่ำเสมอ ปรุงรสไม่หวาน ไม่ใส่ชูรส แต่ปรุงให้กลมกล่อมโดยอาศัยตัวรสชาติจากวัตถุดิบและจังหวะของการคุมไฟ ตามคำบอกเล่าของ กฤษกร เดี่ยวปรัชญารักษ์ คุณพ่อของพาวด์ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 3

 

 

 

 

“การทำอาหารมันคือศิลปะ ศิลปะของอาหารแต้จิ๋วเช่นการคุมไฟ การผัดให้รสชาติเข้าไปในตัววัตถุดิบ ความร้อนต้องเหมาะสม เรารู้ว่าความร้อนระดับนี้เป็นจังหวะที่ต้องใส่เหล้าเข้าไปเพื่อดับกลิ่นคาวนะ ใส่น้ำมันงาเพื่อสร้างกลิ่นหอม ทุกอย่างมีจังหวะการปรุง”

 

 

 

 

รสดั้งเดิมของอาหารแต้จิ๋ว จึงไม่หวาน ไม่มันแฉะน้ำมันอย่างสมัยนิยมเช่นทุกวันนี้

 

 

 

 

 

 

 

 

พูดคุยกันพอหอมปากหอมคอ พราวก็จัดแจงเข้าครัวงัดวิชาการครัวแต้จิ๋ว บรรเลงท่วงท่าปรุงอาหารบนกระทะเตาถ่านไฟแดงฉานตามจังหวะยกกระทะ พร้อมเสิร์ฟอาหารร้อนๆ ให้เราได้ชิม

 

 

 

 

 

 

 

 

จานแรกเริ่มด้วย อีหมี่ เส้นหมี่ไข่ลวกสุกแผ่เป็นวงนาบในกระทะ อบโดยใช้ความร้อนจากกระทะค่อยๆ ทำให้เส้นหมี่เกรียมกรอบเป็นสีน้ำตาลทองส่งกลิ่นหอมเพียงด้านเดียวแล้วเอาขึ้นจากกระทะ โรยด้วยแฮมหั่นชิ้นเต๋าเล็ก กินร้อนๆ คู่กับน้ำตาลทรายและจิ๊กโฉ่เพิ่มความหวานเปรี้ยว กินหมี่เปล่าๆ ในหนึ่งคำจึงได้สัมผัสทั้งความกรอบกรุบคละเคล้าความนุ่ม ยิ่งเคี้ยวยิ่งหอมอร่อย เติมน้ำตาลกับจิ๊กโฉ่เข้าไปก็จะได้อีกรสชาติหนึ่ง เป็นสัมผัสแปลกใหม่ที่ชวนเปิดประสบการณ์

 

 

 

 

 

 

 

 

นอกจากเป็นเมนูที่หากินไม่ได้ที่ไหนในไทย ความพิเศษคือที่ร้านทำเส้นหมี่เอง นวดเองวันต่อวัน ไม่ใส่สารเสริมปรุงแต่งใดๆ และสิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปจากอดีตสำหรับจานนี้คือแต่เดิมโรยด้วยแฮมยูนนานซึ่งปัจจุบันมีราคาแพงมาก จึงปรับมาใช้แฮมธรรมดา เพราะอยากทำราคาให้ลูกค้าทุกคนเข้าถึงจานนี้ได้ง่าย

 

 

 

 

 

 

 

 

ออส่วน คัดเฉพาะหอยนางรมตัวใหญ่เต็มปากเต็มคำ สารภาพว่าส่วนตัวผู้เขียนไม่ชอบกินออส่วนเพราะความแฉะ แหยะ แต่!!! พอมาเจอออส่วนจานนี้ คำแรกก็ตาลุกวาวเลย ออส่วนผัดมาแห้งๆ ไม่มัน ไม่แฉะตัวแป้ง แต่ให้สัมผัสที่นุ่มละมุนในปาก รสชาติกลมกล่อมพอดีแบบไม่ต้องเพิ่มซอสพริกก็กินได้เพลินๆ อร่อยแบบยกให้เป็นร้านออส่วนอันดับหนึ่งในใจไปเลย ยิ่งใครที่ไม่ชอบกินออส่วนเพราะความแฉะ จานนี้ recommended เลยค่ะ ต้องลอง ส่วนใครที่ชอบอยู่แล้วไม่ผิดหวังแน่นอน

 

 

 

 

 

 

 

 

ก๋วยเตี๋ยวหลอดปู กรรเชียงปูผัดกับต้นหอมห่อด้วยเส้นใหญ่ที่สั่งทำเป็นพิเศษเฉพาะที่ร้าน ม้วนมาเป็นหลอดเล็กพอดีคำ ตัวแป้งนุ่มเหนียวเข้ากันดีกับเนื้อปูรสหวานเค็มอ่อนๆ เจอกับกระเทียมเจียวสดใหม่หอมๆ ที่โปะมาบนเส้นยังไงก็อร่อย ยิ่งมาเป็นหลอดเล็กๆ นี่คีบกินกันเพลินเลย

 

 

 

 

 

 

 

 

ต่อกันที่เมนูทอด แห่จ๊อ ที่ไม่ใช่ทั้งแห่กึ้นและหอยจ้อ ตัวไส้เป็นเนื้อกุ้งปรุงรส ห่อด้วยมันร่างแห (มันหมูที่มีลักษณะเป็นแพตาข่ายเหมือนแห) แล้วนำมาชุบแป้งทอด จานนี้กรอบนอกนุ่มในจากตัวเนื้อกุ้งเด้งๆ อร่อยกินเพลิน ผู้ใหญ่กินได้และถูกใจเด็กๆ แน่นอน

 

 

 

 

 

 

 

 

ตบท้ายด้วยไอศกรีมซึ่งพลาดไม่ได้ มาถึงร้านไอศกรีมร้านแรกของไทยทั้งที ก้าวขาออกไปโดยไม่ได้กินไอศกรีมนี่มันก็กระไรอยู่ ที่ร้านมีทั้งไอศกรีมรสวานิลลา กาแฟ ช็อกโกแลต และที่ร่ำลือความอร่อยคือ ไอศกรีมทุเรียน ถ้วยนี้ เนื้อไอศกรีมปั่นมาได้เนียนนุ่ม ที่ร้านไม่ผสมแป้ง ใช้นมกับครีม รสหอมหวานกำลังดี ความไม่หวานมากเลยทำให้กินได้เพลิน อร่อยสดชื่น จบมื้ออย่างฟูลฟีล เป็นมื้อที่สนุกทั้งเรื่องเล่าและรสชาติอาหาร ในบรรยากาศที่เหมือนแวะเวียนมากินข้าวบ้านอากง อาม่า

 

 

 

 

 

 

 

 

ก่อนกลับเราถามทั้งทายาทรุ่นที่ 3 และทายาทรุ่นที่ 4 ว่าอะไรที่ทำให้ร้านอยู่มาได้ถึง 130 ปี คำตอบของทั้งสองเหมือนกัน และเป็นคำพูดที่อาเหล่ากงผู้ก่อตั้งร้านนี้ให้ไว้

 

 

 

 

‘อะไรที่เรากล้ากินถึงกล้าขาย อะไรที่เราไม่กินก็ไม่ทำขาย มันก็คือความซื่อสัตย์และจริงใจกับลูกค้านั่นแหละ’

 

 

 

 

 

 

 

 

เลี่ยวเลี่ยงเซ้ง มีสาขาเดียวและจะยังคงมีสาขาเดียวต่อไป เพราะเป็นรสมือที่ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น ความอร่อยจึงติดตัวไปกับคนทำที่ผ่านการฝึกฝนและอยู่กับอาหารแต้จิ๋วมาตั้งแต่เกิด ความคาดหวังของทายาทรุ่นที่ 3 จึงไม่ใช่เรื่องการขยายร้านให้เติบโตหลายสาขา แต่เป็นการรักษารสดั้งเดิมของอาหารแต้จิ๋วเอาไว้ “อย่างน้อยร้านนี้ก็น่าจะอยู่ต่อไปถึงปีที่ 200 นะ เพราะมีลูกรับช่วงต่อแล้ว”

 

 

 

 

 

 

 

 

ร้านเปิดทุกวัน แบ่งเป็นสองรอบ
รอบแรก เวลา 10:30-15:00 น.
รอบสอง เวลา 17:00-23:00 น.

 

 

 

 

โทรสำรองที่นั่ง: 02 221 6025
จอดรถได้ที่ลานจอดสวนกวางตุ้ง

Share this content

Contributor

Tags:

ร้านอร่อยกรุงเทพ, อาหารจีน

Recommended Articles

Food Storyอั้งม้อ ร้านเหลา-bistro ที่ทำให้อาหารกวางตุ้งถูกใจคนทุกวัย
อั้งม้อ ร้านเหลา-bistro ที่ทำให้อาหารกวางตุ้งถูกใจคนทุกวัย

ร้านอร่อยในย่านสุขุมวิท 38 ที่ถูกใจทั้งอากงอาม่าและอาตี๋อาหมวย

 

Recommended Videos