ล้อมวงจุ่ม... มื้ออุ่นๆ กับน้ำซุปหมาล่าสไตล์ไต้หวัน
ครั้นจะไปไทเปซึ่งถูกขนานนามเรื่องของกิน เราก็เริ่มเสิร์ชหาข้อมูลแบบแมสๆ เลยว่า ‘กินไทเป’ ข้อมูลภาษาไทยออกมาเพียบ และเมื่อไล่อ่านไปหลายๆ เว็บก็พบเจอร้านที่ทุกเว็บล้วนกล่าวถึงนั่นคือ Mala Yuanyang Hotpot เป็นบุฟเฟต์คงจะถูกใจชาวไทยยิ่งนัก เมื่อคนเขาว่าอร่อยก็อยากจะลอง จึงเป็นร้านที่เราปักหมุดว่าขอไปโดนซะหน่อย แต่สรุปเราก็ไม่ได้โดนค่ะ! และเราเจอของที่ดีกว่านั้น! นี่จึงเป็นเหตุให้อยากเขียนคอนเทนต์ชิ้นนี้บอกต่อร้านสุกี้หมาล่าที่คุณอาจจะยังเสิร์ชไม่เจอเมื่อใช้คีย์เวิร์ดภาษาไทย!
เมื่อเจอเพื่อนของเพื่อนชาวไต้หวันที่อาสามาต้อนรับเรา สิ่งแรกที่ทำคือยื่นชื่อร้านอาหารที่รีเสิร์ชมาให้ดู แต่แล้วเพื่อนก็ทำหน้าบ้อแบ้แบบว่าไม่อร่อยเท่าไหร่นะ แต่ถ้าคุณอยากลองดูก็ได้ อ้าวใจแป้วสิ มันไม่เด็ดเหรอคะ! เพื่อนชาวไต้หวันอาสาโทรจองโต๊ะให้แต่ก็พบว่าเต็มหมดไปอีก 3 วัน #โหฮ็อตเบอร์นั้นอะ เพื่อนชาวไต้หวันกลัวเพื่อนชาวไทยจะผิดหวังเลยอาสาพาไปกินร้านอื่น พร้อมกระซิบพวกเราว่าเขาอยากไปกินร้านนี้มานานมาแล้ว แต่เต็มตลอด เคยไปกินอยู่ครั้งหนึ่งมันอร่อยมาก และโทรจองให้เป็นที่เรียบร้อย ให้เป็นมื้อสุดท้ายปิดท้ายทริปไทเป
แล้วก็ไม่ผิดหวังจริงๆ ค่ะ อะๆ จะบอกชื่อร้านแล้วนะ 橋頭麻辣鍋 อ่านว่า “เฉียวโถวหมาล่ากวอ” พิกัดร้าน https://goo.gl/maps/9tVQHM4ccm32 ถือเป็น 1 ใน 2 ร้านหมาล่าฮอทพอทอันดับต้นๆ ในใจเพื่อนชาวไต้หวันของเรา (อีกร้านหนึ่งจำชื่อไม่ได้แล้ว) บรรยากาศร้านแซ่บซุยตะลุยเมืองมาก มีแต่คนไทเปล้วนๆ ไม่ค่อยจะมีนักท่องเที่ยวโผล่มาเท่าไหร่นัก จึงลองเสิร์ชชื่อร้านในอากู๋เป็นภาษาจีนก็เจอว่าถูกแนะนำในโลกออนไลน์เพียบ แต่ภาษาจีนล้วนๆ เลยเด้อ ไอ้เราก็แพ้อะไร local ด้วย เลยรู้สึกตื่นเต้นกับการกินฮอทพอทหมาล่าครั้งนี้มาก
ระหว่างกินเราก็เจ๊าะแจ๊ะถามเพื่อนไต้หวันไปเรื่อยๆ ได้ความว่าที่เขาไม่แนะนำร้านที่คนไทยแห่ไปกินเพราะความที่มันเป็นบุฟเฟต์จะทำให้ได้ของที่ไม่ดีเท่าแบบนี้ และร้านนี้เขาเลิฟ (เอ๊ะ เหตุผลส่วนตัวเป็นหลักรึเปล่า) และเริ่มปูเบสิกไปถึงว่า Mala คืออะไร มันคือความเผ็ด+ความชาที่ผู้กินจะได้ประสบจากการกินอะไรก็ตามที่ ‘หมาล่า’ ไม่ว่าจะต้มหรือจะปิ้งย่าง เกิดจากพริกแดงร้อนแรงแบบจีนกับฮวาเจียวซึ่งต้นตำรับดั้งเดิมมาจากเมืองฉงชิ่ง (Chongqing) ที่พวกเรารู้ดีถึงความแซ่บร้อนแรงของอาหารสไตล์เสฉวนนี้ หมาล่าฮอทพอทจะแบ่งเป็นหม้อสองฝั่ง คือน้ำเผ็ดครึ่งหนึ่งน้ำจืดครึ่งหนึ่ง เรียกว่า Yuanyang (ยวนยาง) เป็นคำมาจากฉงชิ่งอีกนั่นแหละ แปลความหมายว่าเป็ดแมนดาริน เพราะในยุคแรกๆ นั้น ตรงที่แผ่นกั้นน้ำซุปเป็นสองฝั่งจะมีรูปเป็ดแมนดารินอยู่ ก็เลยเอามาตั้งชื่อประเภทอาหารซะเลย ซึ่งตรงกับชื่อร้านบุฟเฟต์ Mala Yuanyang เป๊ะ ไม่น่าล่ะ เสิร์ชยังไงก็เจอแต่ร้านนี้
ความหมาล่าฮอทพอทถูกส่งต่อไปหลากหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็น มองโกล ปักกิ่ง และเลยมาจนถึงไต้หวัน ซึ่งแต่ละที่เอาความหมาล่าไปปรับให้ถูกปากคนท้องถิ่นอีกที ดังนั้นฮอทพอทหมาล่าแบบไต้หวันนั้นแตกต่างจากฮอทพอทหมาล่าสไตล์จีนอื่นๆ ด้วยดีเทลเล็กๆ น้อยๆ เอาเท่าที่เพื่อนบอก และที่เราสังเกตเองดังนี้จ้า
1.ในน้ำซุปหมาล่าต้องมีเลือดเป็ด! อร่อยมาก อ่อนนุ่ม กัดกินแล้วลื่นไหลลงคอ และมันน่าจะเป็นวัตุดิบพื้นฐานอะไรบางอย่าง เพราะทางร้านให้เติมเลือดเป็ดและเต้าหู้ได้ไม่อั้นด้วยแฮะ
2. มีไข่เยี่ยวม้า! ทันที่ที่คีบไข่เยี่ยวม้าขึ้นมา เพื่อนไต้หวันตาลุกวาวเหมือนเห็นของล้ำค่า ซึ่งแปลกมากสำหรับเราคือคาดไม่ถึงว่าจะเอาไข่เยี่ยวม้ามาต้มในนี้ เคยแต่ผ่ากินเลย ไม่ก็นำไปทอด หรือนึ่งประกอบอาหารต่างๆ เลยสั่งมาเพิ่มกินกันให้เปรมๆ คนละครึ่งลูก
3. มี Pig’s blood cake ไม่รู้ภาษาจีนเรียกว่าอะไร แต่แปลเป็นไทยคือ ข้าวเหนียวก้อนต้มเลือดหมู ซึ่งเป็นของกิน local ของชาวไต้หวันแท้ๆ ใส่ลงไปต้มด้วย ถือเป็นคาร์โบไฮเดรตหลักประจำมื้อนี้ สำหรับเราที่เป็นพวกชอบลองอาหารจากเลือดของประเทศต่างๆ ก็ตาลุกวาวเลยค่ะ ลองกินแล้วพบว่าไม่มีกลิ่นเลือดเลย เหมือนกินก้อนข้าวเหนียวที่มีความนัวความมันเล็กน้อย อร่อยเคี้ยวตุ้ยๆ เลยค่ะ (แต่อย่ากินมากนะ เดี๋ยวอิ่มก่อนจะได้เพลิดเพลินกับสิ่งอื่นๆ)
4.น้ำซุปหมาล่าแบบเบบี๋ คนไต้หวันชอบรสชาติที่แตกต่างจากชาวจีน คือจะไม่จัดจ้าน ไม่เปรี้ยว-เผ็ด-เค็มจัด ออกทางกลางๆ และมันๆ (oily) ซึ่งถ้าสังเกตจากอาหารชนิดอื่นๆ ที่ได้กินมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ คือมันจะไม่แซ่บสุดอะไรขนาดนั้น แต่ก็กินได้เรื่อยๆ ซุปหมาล่าแบบไต้หวันกินไปคำแรกยังสงสัยว่ามันหมาล่าไหม เพราะไม่เห็นจะฉุนกึกขึ้นมาแบบที่เราเคยกินของเสฉวน แต่ก็ดีเหมือนกันตรงที่กินง่าย ไม่ต้องระวังพวกเครื่องเทศอันตรายอย่างเม็ดฮวาเจียวมาก ก็เลยคล่องคอกินไปเรื่อยๆ แบบนอนสต๊อบได้ดีเลยค่ะ จึงเหมาะกับสายแซ่บคออ่อนเป็นอย่างดี
ส่วนความดีงามอื่นๆ ที่เราไม่รู้เหมือนกันว่ามันต่างจากหมาล่าฮอทพอทสัญชาติอื่นไหม แต่มันดีมากๆ จนอยากจะสรรเสริญไว้ ณ ที่นี้คือ
- ไส้หมูนุ่มอร่อย โอบอุ้มน้ำหมาล่าได้เป็นอย่างดี ฟินทุกคำที่กิน
- เนื้อวัวคุณภาพดีงามเทียบเท่าร้านแพงๆ
- เหนือสิ่งอื่นใดที่ห้ามพลาดคือลูกชิ้นเนื้อซึ่งเป็นสูตรเฉพาะตัวของร้านนี้ อร่อย มี texture ให้เคี้ยวได้ และรสชาติกลมกล่อมมาก ลูกใหญ่เคี้ยวกันตุ้ยๆ ทั้งโต๊ะเลย
- น้ำจิ้มอร่อย สามารถปรุงรสชาติให้แซ่บขึ้นตามรสแบบคนไทยได้ โดยมีเบสเป็น ‘ซอสซาฉา’ ทำมาจากปลาและกุ้งให้ทั้งความข้นและความหอมความนัวหลักแก่น้ำจิ้มนี้เลย จากนั้นก็เติมกระเทียม ผักโรย และน้ำส้มสายชูอันนี้ใส่เยอะๆ ได้ออกรสเปรี้ยวเป็นหลัก ตามด้วยซอสถั่วเหลืองตัดรสเค็มเข้าไปหน่อย แล้วก็น้ำมันงาหอมๆ ปิดท้ายด้วยน้ำมันพริกเอาให้แซ่บ
สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณร้านนั้นที่โต๊ะเต็ม และขอบคุณเพื่อนไต้หวันที่สนองนี้ดตัวเองและนี้ดของเพื่อนชาวไทยไปด้วยในคราวเดียวกัน ฟินมากมายค่ะ แล้วก็ถ้าใครแวะมาลองกินตามแล้วหนังท้องตึงมากๆ อย่าเพิ่งหนังตาหย่อนรีบกลับที่พักไปนะคะ แนะนำให้เดินตามตรอกซอยแถวนี้ด้วย เต็มไปด้วยร้านเสื้อผ้าวัยรุ่นเก๋ และที่สำคัญมันถูกมาก เราซื้อถุงเท้าคู่ละ 50 บาท และเสื้อคลุมตัวใหญ่ราคา 700 บาท โอ๊ยสนุกค่ะ!
Contributor
Recommended Articles