เปิด "ตำราอาหาร" ได้ที่นี่

Serves
30-40 ชิ้น
Level
4
INGREDIENTS
แป้งข้าวเจ้า
¾ ถ้วย
แป้งข้าวเหนียว แป้งมัน อย่างละ
1 ช้อนชา
แป้งเท้ายายม่อม
1 ช้อนชา
น้ำดอกอัญชัน
¾ ถ้วย
น้ำมะนาว
1½ ช้อนชา
น้ำมันพืช
1 ช้อนโต๊ะ
แป้งมันสำหรับทำแป้งนวล
3 ช้อนโต๊ะ
แป้งข้าวเจ้าสำหรับทำแป้งนวล
2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันกระเทียมเจียว
¼ ถ้วย
ผักกาดหอม ผักชี พริกขี้หนูสด และกระเทียมเจียว สำหรับกินแนม
อุปกรณ์เฉพาะ แหนบสำหรับจีบ, ใบตองสำหรับรองนึ่ง, ลังถึง
หอมแดงเจียว กระเทียมเจียว อย่างละ
2 ช้อนโต๊ะ
ฟักเชื่อมแห้งหั่นลูกเต๋าเล็ก
¼ ถ้วย
ถั่วลิสงคั่วโขลกหยาบ
3 ช้อนโต๊ะ
กากหมูหั่นเต๋าเล็ก
3 ช้อนโต๊ะ
งาดำคั่วบุบพอแตก
1 ช้อนโต๊ะ
งาขาวคั่วบุบพอแตก
2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย
1½ ช้อนชา
เกลือสมุทร
½ ช้อนชา
METHOD
1. ทำไส้โดยนำส่วนผสมทั้งหมดใส่ในชามผสม คนให้เข้ากัน เตรียมไว้
2. ทำแป้งโดยใส่แป้งทั้งหมดลงในกระทะทอง ค่อยๆใส่น้ำดอกอัญชันที่ผสมน้ำมะนาวลงไป ใช้พายไม้คนอย่าให้แป้งเป็นก้อน ยกขึ้นตั้งบนไฟกลางค่อนข้างอ่อน พอแป้งเริ่มข้นจึงลดเป็นไฟอ่อน ใส่น้ำมันลงไปแล้วกวนต่อจนแป้งสุกทดสอบโดยเมื่อใช้นิ้วแตะแล้วไม่ติดมือ ปิดไฟ ตักใส่จานที่โรยแป้งนวลบางๆไว้ นวดแป้งจนนุ่มเนียนและไม่ติดมือ(ขณะนวดแป้งถ้าแป้งติดมือให้โรยแป้งนวลเพิ่มได้ ส่วนแป้งนวลที่เหลือจะเก็บไว้ใช้ตอนจีบกลีบดอก) ใช้ผ้าขาวบางคลุมแป้ง พักไว้
3. ใส่น้ำในหม้อลังถึง 3/4 ของหม้อ ยกขึ้นตั้งบนไฟกลางให้เดือด เตรียมไว้ ปั้นขนมช่อม่วงโดยนำแป้งที่กวนมาปั้นเป็นก้อนกลมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 11/2 ซม. แล้วกดให้แบนเป็นวงกลมเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้วตักไส้ใส่ตรงกลางแป้งประมาณ 1/2 ช้อนชา ห่อให้มิด ใช้แหนบจุ่มลงในแป้งนวลที่เหลือ เคาะให้แป้งติดแหนบบางๆจีบกลีบให้รอบ (ขณะที่จีบถ้าจีบแล้วแป้งเริ่มติดแหนบให้จุ่มแหนบลงในแป้งนวลแล้วเคาะออกเช่นเดิม ทำเช่นนี้จนเสร็จ)จีบแต่ละชั้นให้สับหว่างกัน ชั้นล่างสุดจะจีบประมาณ 5-6 กลีบ ด้านบนสุดจะจีบประมาณ 2-3 จีบ (เวลาจีบพยายามอย่าให้นิ้วโดนแป้งส่วนที่จีบไปแล้ว) นำไปวางเรียงในชั้นลังถึงที่ปูใบตองและทาน้ำมันเตรียมไว้ นึ่งนานประมาณ3-5 นาที หรือจนกว่าแป้งจะสุก ยกลง พรมด้วยน้ำมันกระเทียมเจียว
4. จัดใส่จาน รับประทานกับผักกาดหอม ผักชี พริกขี้หนูสด และกระเทียมเจียว
ลักษณะที่ดี
- ควรมีสีอ่อนเย็นตา กลีบดอกจีบเรียงกันอย่างประณีต ขนมไม่ควรติดกันเมื่อพักไว้
- แป้งนุ่มไม่เหนียวมาก ไส้หวานกำลังดี หอมกลิ่นงา
ข้อน่ารู้
- เตรียมน้ำดอกอัญชันโดยล้างดอกอัญชันประมาณ 4ดอกให้สะอาด แกะกลีบดอกแช่ในน้ำร้อน ¾ ถ้วย จนได้สีน้ำเงินเข้ม บีบมะนาวลงไปประมาณ 11/2 ช้อนชาคนให้เข้ากันจนเป็นสีม่วง
- ถ้าต้องการช่อม่วงที่ผสมสองสีให้กวนแป้งอีกส่วนโดยให้เปลี่ยนจากน้ำดอกอัญชันเป็นน้ำ สำหรับเวลาปั้นแป้งเป็นก้อนกลมให้นำแป้งสีม่วงมาผสมกับสีขาวปั้นให้เป็นก้อนกลม แล้วนำไปจีบเป็นช่อม่วง
สูตรอาหารโดย อบเฉย อิ่มสบาย
Recommended Articles

เมนูที่ได้เเรงบันดาลใจจากร้านอาหารชื่อดัง เส้นใหญ่นุ่มๆที่เสิร์ฟพร้อมหมูสับปรุงรส ผักกาดแก้วเเละเครื่องเคียงต่างๆ วิธีกินคล้ายเมี่ยง วางเส้นใหญ่บนใบผักกาดแก้ว ตักหมูสับปรุงรสใส่ ตามด้วยพริก กระเทียม เพื่อเพิ่มรสชาติ ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน กินเข้ากันสุดๆ เป็นเมนูที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยรายละเอียดของรสชาติและสัมผัสที่ลงตัว

ขนมหวานหน้าร้อนต้องยกให้ข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวสุกนุ่มมูนกับกะทิสดหอมๆ หวานเค็มมันกำลังดี กินกับมะม่วงสุกที่หาได้ในฤดูร้อน เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้ อกร่อง เขียวเสวย ฯลฯ เลือกใช้ข้าวเหนียวเขี้ยวงูสายพันธุ์เชียงราย เมล็ดข้าวเรียวยาว เคล็ดลับคือ การเตรียมข้าวเหนียวให้ถูกต้องก่อน ข้อแรกคือเราต้องรู้ว่าข้าวเหนียวที่ใช้เก่าหรือใหม่เพื่อที่จะแช่ข้าวเหนียวให้พอดี ข้อสองคือการล้างเอายางข้าวออกเพื่อให้มูนแล้วเมล็ดข้าววาวใส ส่วนกะทิที่มูนถ้าจะให้ดี ควรใช้กะทิสดจะหอมมันกว่ากะทิกล่องเป็นไหนๆ วิธีเลือกกะทิสดให้สั่งมะพร้าวขูดขาว (ขูดไม่ติดกะลามะพร้าว) และให้แม่ค้าคั้นแบบไม่ใส่น้ำ จะได้หัวกะทิข้นๆ เมื่อได้มาแล้ว หากยังไม่ทำทันทีให้นำหัวกะทิที่ซื้อมาตั้งไฟอ่อนพอให้กะทิร้อนประมาณ 80องศาเซลเซียสเพื่อฆ่าเชื้อโรคก่อน มิเช่นนั้นกะทิจะบูดเสียก่อน

ขนมต้มแดง เป็นขนมโบราณดังเดิม เป็นการนวดแป้งข้าวเหนียวกับน้ำให้เข้ากันจนปั้นเป็นก้อนได้ จากนั้นนำไปต้มให้แป้งสุก ส่วนตัวหน้ากระฉีกนั้นเป็นการเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าว น้ำ และเกลือ ให้ส่วนผสมทุกอย่างละลายและเดือดเข้ากันดี จึงค่อยใส่มะพร้าวขูด เคี่ยวต่อจนส่วนผสมงวด ก่อนจะเอามาราดหรือจะนำเอาแป้งที่ต้มสุ่กแล้วลงเคล้าให้เคลือบตัวแป้งจนทั่วก็ได้เช่นกัน

เมนูกินเล่นที่ง่ายแสนง่าย........ อย่างโครเกตต์ปลากับชีสที่รับประกันได้เลยว่าทำเท่าไรเป็นอันหมดไม่เหลือ วิธีการทำก็ง่ายแสนง่ายโดยเลือกใช้เนื้อปลาที่ชอบอย่างสูตรนี้เลือกใช้เนื้อปลากระพงมาหั่นเป็นเต๋า จากนั้นผสมกับชีส พาร์สเลย์ ปั้นเป็นก้อนกลม ก่อนนำไปชุบกับแป้ง ไข่ และเกล็ดขนมปัง จากนั้นแช่ในตู้เย็นสักพักก่อนนำมาทอดในน้ำมันร้อนๆ กินคู่กับซอสมะเขือเทศ

เมนูทานเล่นที่รับประกันว่าอร่อยโดยใจคนชอบกินหัวไช้เท้าแน่นอน หากใครเป็นสาวกขนมผักกาดอยู่แล้วต้องไม่พลาดเมนูนี้อีกเมนูเป็นแน่ อย่างเมนู "หัวไช้เท้านึ่งทรงเครื่อง" เป็นการผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน และหัวไช้เท้าขูดมาผสมกันปรุงรสด้วยเกลือและซีอิ้วขาว ใส่กุ้งแห้ง เห็ดหอม ถั่วลิสงต้ม จากนั้นตักใส่ถ้วยก่อนนำไปนึ่งให้สุกกินคู่กับจิ๊กโฉ่

‘น้อยหน่า’ ผลไม้ไทยรสหอมหวานเนื้อละมุนลิ้นที่นอกจากกินเป็นผลไม้แล้วคนโบราณยังนิยมนำมาทำเป็นของหวานได้อีกด้วยกับเมนู น้อยหน่าน้ำกะทิ ซึ่งจะใช้น้อยหน่าหนังพันธุ์เพชรปากช่อง ความพิเศษของพันธุ์นี้คือ ลูกใหญ่ เนื้อเยอะ เมื่อสุกกำลังดีเนื้อจะนุ่มหนึบไม่เละง่าย ที่สำคัญเมล็ดน้อย เป็นเมนูขนมหวานที่ไม่อยากให้พลาดในฤดูกาลนี้จริงๆ

ขนมปลากริมไข่เต่าเดิมเรียกว่า ขนมแชงมา หรือ แฉ่งม้า หรือคำที่ชาวบ้านเรียกติดปากว่า ขนมสองหม้อ จากลักษณะตัวขนมที่แยกออกเป็น 2 หม้อ 2 สี ปลากริมหม้อหวาน ไข่เต่าหม้อเค็ม ตัวปลากริมหรือ ‘ตัวหวาน’ ลักษณะเป็นเส้นยาวๆ ตรงกลางอ้วน หัวท้ายเรียวคล้ายเส้นลอดช่อง ตัวสีน้ำตาลรสหอมหวานจากน้ำตาลมะพร้าว ส่วนไข่เต่าหรือ ‘ตัวเค็ม’ ลักษณะกลมรี คล้ายไข่เต่า สีขาว รสชาติเค็มๆ มันๆ จากหัวกะทิ ส่วนเวลากินก็อยู่ที่ว่าใครชอบกินฝั่งไหนมากกว่า แต่แนะนำให้กินพร้อมกันจะอร่อยที่สุด ตักใส่ถ้วยอย่างละครึ่ง คนให้เข้ากัน หนึ่งคำได้ครบทุกรสทั้งหอม หวาน มัน เค็มกลมกล่อมลงตัวพอดี

เมนูที่ได้เเรงบันดาลใจจากร้านอาหารชื่อดัง เส้นใหญ่นุ่มๆที่เสิร์ฟพร้อมหมูสับปรุงรส ผักกาดแก้วเเละเครื่องเคียงต่างๆ วิธีกินคล้ายเมี่ยง วางเส้นใหญ่บนใบผักกาดแก้ว ตักหมูสับปรุงรสใส่ ตามด้วยพริก กระเทียม เพื่อเพิ่มรสชาติ ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน กินเข้ากันสุดๆ เป็นเมนูที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยรายละเอียดของรสชาติและสัมผัสที่ลงตัว

ขนมหวานหน้าร้อนต้องยกให้ข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวสุกนุ่มมูนกับกะทิสดหอมๆ หวานเค็มมันกำลังดี กินกับมะม่วงสุกที่หาได้ในฤดูร้อน เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้ อกร่อง เขียวเสวย ฯลฯ เลือกใช้ข้าวเหนียวเขี้ยวงูสายพันธุ์เชียงราย เมล็ดข้าวเรียวยาว เคล็ดลับคือ การเตรียมข้าวเหนียวให้ถูกต้องก่อน ข้อแรกคือเราต้องรู้ว่าข้าวเหนียวที่ใช้เก่าหรือใหม่เพื่อที่จะแช่ข้าวเหนียวให้พอดี ข้อสองคือการล้างเอายางข้าวออกเพื่อให้มูนแล้วเมล็ดข้าววาวใส ส่วนกะทิที่มูนถ้าจะให้ดี ควรใช้กะทิสดจะหอมมันกว่ากะทิกล่องเป็นไหนๆ วิธีเลือกกะทิสดให้สั่งมะพร้าวขูดขาว (ขูดไม่ติดกะลามะพร้าว) และให้แม่ค้าคั้นแบบไม่ใส่น้ำ จะได้หัวกะทิข้นๆ เมื่อได้มาแล้ว หากยังไม่ทำทันทีให้นำหัวกะทิที่ซื้อมาตั้งไฟอ่อนพอให้กะทิร้อนประมาณ 80องศาเซลเซียสเพื่อฆ่าเชื้อโรคก่อน มิเช่นนั้นกะทิจะบูดเสียก่อน

ขนมต้มแดง เป็นขนมโบราณดังเดิม เป็นการนวดแป้งข้าวเหนียวกับน้ำให้เข้ากันจนปั้นเป็นก้อนได้ จากนั้นนำไปต้มให้แป้งสุก ส่วนตัวหน้ากระฉีกนั้นเป็นการเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าว น้ำ และเกลือ ให้ส่วนผสมทุกอย่างละลายและเดือดเข้ากันดี จึงค่อยใส่มะพร้าวขูด เคี่ยวต่อจนส่วนผสมงวด ก่อนจะเอามาราดหรือจะนำเอาแป้งที่ต้มสุ่กแล้วลงเคล้าให้เคลือบตัวแป้งจนทั่วก็ได้เช่นกัน

เมนูกินเล่นที่ง่ายแสนง่าย........ อย่างโครเกตต์ปลากับชีสที่รับประกันได้เลยว่าทำเท่าไรเป็นอันหมดไม่เหลือ วิธีการทำก็ง่ายแสนง่ายโดยเลือกใช้เนื้อปลาที่ชอบอย่างสูตรนี้เลือกใช้เนื้อปลากระพงมาหั่นเป็นเต๋า จากนั้นผสมกับชีส พาร์สเลย์ ปั้นเป็นก้อนกลม ก่อนนำไปชุบกับแป้ง ไข่ และเกล็ดขนมปัง จากนั้นแช่ในตู้เย็นสักพักก่อนนำมาทอดในน้ำมันร้อนๆ กินคู่กับซอสมะเขือเทศ

เมนูทานเล่นที่รับประกันว่าอร่อยโดยใจคนชอบกินหัวไช้เท้าแน่นอน หากใครเป็นสาวกขนมผักกาดอยู่แล้วต้องไม่พลาดเมนูนี้อีกเมนูเป็นแน่ อย่างเมนู "หัวไช้เท้านึ่งทรงเครื่อง" เป็นการผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน และหัวไช้เท้าขูดมาผสมกันปรุงรสด้วยเกลือและซีอิ้วขาว ใส่กุ้งแห้ง เห็ดหอม ถั่วลิสงต้ม จากนั้นตักใส่ถ้วยก่อนนำไปนึ่งให้สุกกินคู่กับจิ๊กโฉ่

‘น้อยหน่า’ ผลไม้ไทยรสหอมหวานเนื้อละมุนลิ้นที่นอกจากกินเป็นผลไม้แล้วคนโบราณยังนิยมนำมาทำเป็นของหวานได้อีกด้วยกับเมนู น้อยหน่าน้ำกะทิ ซึ่งจะใช้น้อยหน่าหนังพันธุ์เพชรปากช่อง ความพิเศษของพันธุ์นี้คือ ลูกใหญ่ เนื้อเยอะ เมื่อสุกกำลังดีเนื้อจะนุ่มหนึบไม่เละง่าย ที่สำคัญเมล็ดน้อย เป็นเมนูขนมหวานที่ไม่อยากให้พลาดในฤดูกาลนี้จริงๆ

ขนมปลากริมไข่เต่าเดิมเรียกว่า ขนมแชงมา หรือ แฉ่งม้า หรือคำที่ชาวบ้านเรียกติดปากว่า ขนมสองหม้อ จากลักษณะตัวขนมที่แยกออกเป็น 2 หม้อ 2 สี ปลากริมหม้อหวาน ไข่เต่าหม้อเค็ม ตัวปลากริมหรือ ‘ตัวหวาน’ ลักษณะเป็นเส้นยาวๆ ตรงกลางอ้วน หัวท้ายเรียวคล้ายเส้นลอดช่อง ตัวสีน้ำตาลรสหอมหวานจากน้ำตาลมะพร้าว ส่วนไข่เต่าหรือ ‘ตัวเค็ม’ ลักษณะกลมรี คล้ายไข่เต่า สีขาว รสชาติเค็มๆ มันๆ จากหัวกะทิ ส่วนเวลากินก็อยู่ที่ว่าใครชอบกินฝั่งไหนมากกว่า แต่แนะนำให้กินพร้อมกันจะอร่อยที่สุด ตักใส่ถ้วยอย่างละครึ่ง คนให้เข้ากัน หนึ่งคำได้ครบทุกรสทั้งหอม หวาน มัน เค็มกลมกล่อมลงตัวพอดี

เมนูที่ได้เเรงบันดาลใจจากร้านอาหารชื่อดัง เส้นใหญ่นุ่มๆที่เสิร์ฟพร้อมหมูสับปรุงรส ผักกาดแก้วเเละเครื่องเคียงต่างๆ วิธีกินคล้ายเมี่ยง วางเส้นใหญ่บนใบผักกาดแก้ว ตักหมูสับปรุงรสใส่ ตามด้วยพริก กระเทียม เพื่อเพิ่มรสชาติ ราดน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน กินเข้ากันสุดๆ เป็นเมนูที่เรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยรายละเอียดของรสชาติและสัมผัสที่ลงตัว

ขนมหวานหน้าร้อนต้องยกให้ข้าวเหนียวมะม่วง ข้าวเหนียวสุกนุ่มมูนกับกะทิสดหอมๆ หวานเค็มมันกำลังดี กินกับมะม่วงสุกที่หาได้ในฤดูร้อน เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้ อกร่อง เขียวเสวย ฯลฯ เลือกใช้ข้าวเหนียวเขี้ยวงูสายพันธุ์เชียงราย เมล็ดข้าวเรียวยาว เคล็ดลับคือ การเตรียมข้าวเหนียวให้ถูกต้องก่อน ข้อแรกคือเราต้องรู้ว่าข้าวเหนียวที่ใช้เก่าหรือใหม่เพื่อที่จะแช่ข้าวเหนียวให้พอดี ข้อสองคือการล้างเอายางข้าวออกเพื่อให้มูนแล้วเมล็ดข้าววาวใส ส่วนกะทิที่มูนถ้าจะให้ดี ควรใช้กะทิสดจะหอมมันกว่ากะทิกล่องเป็นไหนๆ วิธีเลือกกะทิสดให้สั่งมะพร้าวขูดขาว (ขูดไม่ติดกะลามะพร้าว) และให้แม่ค้าคั้นแบบไม่ใส่น้ำ จะได้หัวกะทิข้นๆ เมื่อได้มาแล้ว หากยังไม่ทำทันทีให้นำหัวกะทิที่ซื้อมาตั้งไฟอ่อนพอให้กะทิร้อนประมาณ 80องศาเซลเซียสเพื่อฆ่าเชื้อโรคก่อน มิเช่นนั้นกะทิจะบูดเสียก่อน

ขนมต้มแดง เป็นขนมโบราณดังเดิม เป็นการนวดแป้งข้าวเหนียวกับน้ำให้เข้ากันจนปั้นเป็นก้อนได้ จากนั้นนำไปต้มให้แป้งสุก ส่วนตัวหน้ากระฉีกนั้นเป็นการเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าว น้ำ และเกลือ ให้ส่วนผสมทุกอย่างละลายและเดือดเข้ากันดี จึงค่อยใส่มะพร้าวขูด เคี่ยวต่อจนส่วนผสมงวด ก่อนจะเอามาราดหรือจะนำเอาแป้งที่ต้มสุ่กแล้วลงเคล้าให้เคลือบตัวแป้งจนทั่วก็ได้เช่นกัน

เมนูกินเล่นที่ง่ายแสนง่าย........ อย่างโครเกตต์ปลากับชีสที่รับประกันได้เลยว่าทำเท่าไรเป็นอันหมดไม่เหลือ วิธีการทำก็ง่ายแสนง่ายโดยเลือกใช้เนื้อปลาที่ชอบอย่างสูตรนี้เลือกใช้เนื้อปลากระพงมาหั่นเป็นเต๋า จากนั้นผสมกับชีส พาร์สเลย์ ปั้นเป็นก้อนกลม ก่อนนำไปชุบกับแป้ง ไข่ และเกล็ดขนมปัง จากนั้นแช่ในตู้เย็นสักพักก่อนนำมาทอดในน้ำมันร้อนๆ กินคู่กับซอสมะเขือเทศ

เมนูทานเล่นที่รับประกันว่าอร่อยโดยใจคนชอบกินหัวไช้เท้าแน่นอน หากใครเป็นสาวกขนมผักกาดอยู่แล้วต้องไม่พลาดเมนูนี้อีกเมนูเป็นแน่ อย่างเมนู "หัวไช้เท้านึ่งทรงเครื่อง" เป็นการผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน และหัวไช้เท้าขูดมาผสมกันปรุงรสด้วยเกลือและซีอิ้วขาว ใส่กุ้งแห้ง เห็ดหอม ถั่วลิสงต้ม จากนั้นตักใส่ถ้วยก่อนนำไปนึ่งให้สุกกินคู่กับจิ๊กโฉ่

‘น้อยหน่า’ ผลไม้ไทยรสหอมหวานเนื้อละมุนลิ้นที่นอกจากกินเป็นผลไม้แล้วคนโบราณยังนิยมนำมาทำเป็นของหวานได้อีกด้วยกับเมนู น้อยหน่าน้ำกะทิ ซึ่งจะใช้น้อยหน่าหนังพันธุ์เพชรปากช่อง ความพิเศษของพันธุ์นี้คือ ลูกใหญ่ เนื้อเยอะ เมื่อสุกกำลังดีเนื้อจะนุ่มหนึบไม่เละง่าย ที่สำคัญเมล็ดน้อย เป็นเมนูขนมหวานที่ไม่อยากให้พลาดในฤดูกาลนี้จริงๆ

ขนมปลากริมไข่เต่าเดิมเรียกว่า ขนมแชงมา หรือ แฉ่งม้า หรือคำที่ชาวบ้านเรียกติดปากว่า ขนมสองหม้อ จากลักษณะตัวขนมที่แยกออกเป็น 2 หม้อ 2 สี ปลากริมหม้อหวาน ไข่เต่าหม้อเค็ม ตัวปลากริมหรือ ‘ตัวหวาน’ ลักษณะเป็นเส้นยาวๆ ตรงกลางอ้วน หัวท้ายเรียวคล้ายเส้นลอดช่อง ตัวสีน้ำตาลรสหอมหวานจากน้ำตาลมะพร้าว ส่วนไข่เต่าหรือ ‘ตัวเค็ม’ ลักษณะกลมรี คล้ายไข่เต่า สีขาว รสชาติเค็มๆ มันๆ จากหัวกะทิ ส่วนเวลากินก็อยู่ที่ว่าใครชอบกินฝั่งไหนมากกว่า แต่แนะนำให้กินพร้อมกันจะอร่อยที่สุด ตักใส่ถ้วยอย่างละครึ่ง คนให้เข้ากัน หนึ่งคำได้ครบทุกรสทั้งหอม หวาน มัน เค็มกลมกล่อมลงตัวพอดี
Recommended Videos