ไข่ตุ๋นกระทิ เมนูประจำบ้านในความทรงจำของฉัน เมนูทำง่าย ใช้วัตถุดิบเพียงไม่กี่อย่าง คือ ไข่ไก่ กะทิ หอมแดงเเละน้ำปลา ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน นึ่งจนสุก เป็นไข่ตุ่นสไตล์ไทยๆเนื้อเเน่นเเต่ละมุนลิ้นมาก หอม หวานจากกะทิเเละหอมเเดง กินกับข้าวสวยร้อนๆ

แกงแคสูตรนี้เป็นแบบมังสวิรัติใช้เนื้อเห็ดแทนเนื้อไก่ ส่วนเครื่องแกงเลือกใช้เต้าเจี้ยวดำหรือกะปิเจ มาเพิ่มรสชาติ และใช้ปลาร้าเจมาปรุงรส เพิ่มรสชาติหอมนัวเข้าไปอีก

น้ำพริกมังสวิรัติโดยใช้เนื้อของเห็ดมาทำให้เหมือนเนื้อปลาแทน โดยนำเอาเครื่องทำน้ำพริกอย่างพริก หอมแดง กระเทียม นำไปย่างให้หอมบนเตาถ่าน (แต่หากใครไม่มีเตาถ่านสามารถนำไปย่างในกระทะให้หอมๆ) จากนั้นปอกเอาเปลือกที่ไหม้ออก โขลกให้เข้ากันในครกกับเห็ดฟางย่าง ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำมะนาว และน้ำปลาร้าเจ เพียงแค่นี้ก็ได้น้ำพริกรสแซ่บๆกินคู่กับหน่อข่าอ่อนและผักต่างๆ

ต้มหน่อข่าถ้วยนี้หอมมันจากการคั้นกะทิสดๆนำมาแกง หอมกลิ่นเครื่องสมุนไพรอย่างข่า ตะไคร้ หอมแดง ใบมะกรูด ขมิ้น ปรุงรสให้ออกเปรี้ยวนำและหวานตาม

ซุปผักแสนอร่อยที่จะทำให้เด็กๆหันมากินผักได้ง่ายขึ้น เลือกใช้ผักที่มีรสหวานอย่างฟักทองนำไปนึ่งให้สุกก็จะได้เนื้อที่เนียนและหวาน จากนั้นเพิ่มความหลากหลายของผักโดยการใส่ผักโขมเข้าไปด้วยนิดหน่อย นำไปปั่นให้เป็นเนื้อเนียน ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย เสิร์ฟมาพร้อมกับเนื้อกุ้งลวกและวิปปิ้งครีม กินคู่กับขนมปังปิ้ง

‘น้อยหน่า’ ผลไม้ไทยรสหอมหวานเนื้อละมุนลิ้นที่นอกจากกินเป็นผลไม้แล้วคนโบราณยังนิยมนำมาทำเป็นของหวานได้อีกด้วยกับเมนู น้อยหน่าน้ำกะทิ ซึ่งจะใช้น้อยหน่าหนังพันธุ์เพชรปากช่อง ความพิเศษของพันธุ์นี้คือ ลูกใหญ่ เนื้อเยอะ เมื่อสุกกำลังดีเนื้อจะนุ่มหนึบไม่เละง่าย ที่สำคัญเมล็ดน้อย เป็นเมนูขนมหวานที่ไม่อยากให้พลาดในฤดูกาลนี้จริงๆ

ปลาเค็มทอดกะทิ เป็นเมนูเด็ดประจำ ‘ร้านยายปวด‘ ร้านอาหารพื้นเมืองเก่าแก่ของจังหวัดชุมพร เรียกว่าใครมาร้านยายปวดต้องสั่ง! ถ้าไม่สั่งถือว่ามาไม่ถึง! วัตถุดิบหลักๆ จะใช้ปลาอินทรีเค็มทอดมาเคี่ยวกับหัวกะทิจนแตกมัน เติมรสหวานด้วยน้ำตาลมะพร้าว ผัดจนเปลี่ยนสี รสจะออกหวานเค็มมัน หอมกลิ่นกะทิ กินคู่กับผักสด หอมแดง กระเทียมและพริกขี้หนูซอยคล้ายเมนูประเภทน้ำพริก ลักษณะหน้าตาถึงจะดูไม่เป็นรูปเป็นร่าง สีออกคล้ำๆ หน่อย แต่บอกเลยว่าอร่อยมาก

ซุปหอมหวานจากผัก รสครีมมี่ ผัดเนย หอมใหญ่จนสุกใส ใส่มันฝรั่งเเละถั่วลันเตา ต้มกับน้ำซุป จากนั้นนำไปปั่นจนเนียน กินกับขนมปังบาเเก็ตยิ่งอร่อย

น้ำสลัดทำง่ายได้ประโยชน์จากมันม่วงญี่ปุ่นเเละเต้าหู้อ่อนที่นำมาปั่นรวมกัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายไม่ฟอกเเละน้ำส้มสายชูหมักจากข้าวเล็กน้อย กินคู่กับผักผลไม้สดๆ เเละกุ้งย่างเกลือ

เมนูขนมไทย หอมหวานกลิ่นกะทิเเละมะพร้าวอ่อน ใช้มันม่วงมาทำเป็นมันม่วงแก้วกินกับสาคูเเละน้ำกะทิ เป็นเมนูที่น่าลิ้มลองมากๆ

ซุปมันม่วง ที่อุดมไปด้วยสารอาหารจากมันม่วงญี่ปุ่นเเบะข้าวไรซ์เบอร์รี เติมความหวานจากน้ำซุปผักเเละความข้นจากน้ำเต้าหู้ เสิร์ฟคู่กับเห็ดชิเมจิย่างเเละขนมปังกรอบ กินร้อนๆเป็นอาหารเช้าหรือดินเนอร์ก็ได้

หากคุณเป็นคนชอบกินบลอนดีเป็นพิเศษ ขอแนะนำให้ลองเอาฟักทองมาอบจนสุก บดให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ใส่ลงในเนื้อบลอนดี เพิ่มความกรุบกรอบด้วยเมล็ดฟักทองอบ แถมความหวานมันจากช็อกโกแลตชิป รับลองได้ว่าจะช่วยให้บลอนดีชิ้นนี้ดูดีขึ้นมาทันตา

ไข่ตุ๋นกระทิ เมนูประจำบ้านในความทรงจำของฉัน เมนูทำง่าย ใช้วัตถุดิบเพียงไม่กี่อย่าง คือ ไข่ไก่ กะทิ หอมแดงเเละน้ำปลา ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน นึ่งจนสุก เป็นไข่ตุ่นสไตล์ไทยๆเนื้อเเน่นเเต่ละมุนลิ้นมาก หอม หวานจากกะทิเเละหอมเเดง กินกับข้าวสวยร้อนๆ

แกงแคสูตรนี้เป็นแบบมังสวิรัติใช้เนื้อเห็ดแทนเนื้อไก่ ส่วนเครื่องแกงเลือกใช้เต้าเจี้ยวดำหรือกะปิเจ มาเพิ่มรสชาติ และใช้ปลาร้าเจมาปรุงรส เพิ่มรสชาติหอมนัวเข้าไปอีก

น้ำพริกมังสวิรัติโดยใช้เนื้อของเห็ดมาทำให้เหมือนเนื้อปลาแทน โดยนำเอาเครื่องทำน้ำพริกอย่างพริก หอมแดง กระเทียม นำไปย่างให้หอมบนเตาถ่าน (แต่หากใครไม่มีเตาถ่านสามารถนำไปย่างในกระทะให้หอมๆ) จากนั้นปอกเอาเปลือกที่ไหม้ออก โขลกให้เข้ากันในครกกับเห็ดฟางย่าง ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว น้ำมะนาว และน้ำปลาร้าเจ เพียงแค่นี้ก็ได้น้ำพริกรสแซ่บๆกินคู่กับหน่อข่าอ่อนและผักต่างๆ

ต้มหน่อข่าถ้วยนี้หอมมันจากการคั้นกะทิสดๆนำมาแกง หอมกลิ่นเครื่องสมุนไพรอย่างข่า ตะไคร้ หอมแดง ใบมะกรูด ขมิ้น ปรุงรสให้ออกเปรี้ยวนำและหวานตาม

ซุปผักแสนอร่อยที่จะทำให้เด็กๆหันมากินผักได้ง่ายขึ้น เลือกใช้ผักที่มีรสหวานอย่างฟักทองนำไปนึ่งให้สุกก็จะได้เนื้อที่เนียนและหวาน จากนั้นเพิ่มความหลากหลายของผักโดยการใส่ผักโขมเข้าไปด้วยนิดหน่อย นำไปปั่นให้เป็นเนื้อเนียน ปรุงรสด้วยเกลือเล็กน้อย เสิร์ฟมาพร้อมกับเนื้อกุ้งลวกและวิปปิ้งครีม กินคู่กับขนมปังปิ้ง

‘น้อยหน่า’ ผลไม้ไทยรสหอมหวานเนื้อละมุนลิ้นที่นอกจากกินเป็นผลไม้แล้วคนโบราณยังนิยมนำมาทำเป็นของหวานได้อีกด้วยกับเมนู น้อยหน่าน้ำกะทิ ซึ่งจะใช้น้อยหน่าหนังพันธุ์เพชรปากช่อง ความพิเศษของพันธุ์นี้คือ ลูกใหญ่ เนื้อเยอะ เมื่อสุกกำลังดีเนื้อจะนุ่มหนึบไม่เละง่าย ที่สำคัญเมล็ดน้อย เป็นเมนูขนมหวานที่ไม่อยากให้พลาดในฤดูกาลนี้จริงๆ

ปลาเค็มทอดกะทิ เป็นเมนูเด็ดประจำ ‘ร้านยายปวด‘ ร้านอาหารพื้นเมืองเก่าแก่ของจังหวัดชุมพร เรียกว่าใครมาร้านยายปวดต้องสั่ง! ถ้าไม่สั่งถือว่ามาไม่ถึง! วัตถุดิบหลักๆ จะใช้ปลาอินทรีเค็มทอดมาเคี่ยวกับหัวกะทิจนแตกมัน เติมรสหวานด้วยน้ำตาลมะพร้าว ผัดจนเปลี่ยนสี รสจะออกหวานเค็มมัน หอมกลิ่นกะทิ กินคู่กับผักสด หอมแดง กระเทียมและพริกขี้หนูซอยคล้ายเมนูประเภทน้ำพริก ลักษณะหน้าตาถึงจะดูไม่เป็นรูปเป็นร่าง สีออกคล้ำๆ หน่อย แต่บอกเลยว่าอร่อยมาก

ซุปหอมหวานจากผัก รสครีมมี่ ผัดเนย หอมใหญ่จนสุกใส ใส่มันฝรั่งเเละถั่วลันเตา ต้มกับน้ำซุป จากนั้นนำไปปั่นจนเนียน กินกับขนมปังบาเเก็ตยิ่งอร่อย

น้ำสลัดทำง่ายได้ประโยชน์จากมันม่วงญี่ปุ่นเเละเต้าหู้อ่อนที่นำมาปั่นรวมกัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลทรายไม่ฟอกเเละน้ำส้มสายชูหมักจากข้าวเล็กน้อย กินคู่กับผักผลไม้สดๆ เเละกุ้งย่างเกลือ

เมนูขนมไทย หอมหวานกลิ่นกะทิเเละมะพร้าวอ่อน ใช้มันม่วงมาทำเป็นมันม่วงแก้วกินกับสาคูเเละน้ำกะทิ เป็นเมนูที่น่าลิ้มลองมากๆ

ซุปมันม่วง ที่อุดมไปด้วยสารอาหารจากมันม่วงญี่ปุ่นเเบะข้าวไรซ์เบอร์รี เติมความหวานจากน้ำซุปผักเเละความข้นจากน้ำเต้าหู้ เสิร์ฟคู่กับเห็ดชิเมจิย่างเเละขนมปังกรอบ กินร้อนๆเป็นอาหารเช้าหรือดินเนอร์ก็ได้

หากคุณเป็นคนชอบกินบลอนดีเป็นพิเศษ ขอแนะนำให้ลองเอาฟักทองมาอบจนสุก บดให้เนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ใส่ลงในเนื้อบลอนดี เพิ่มความกรุบกรอบด้วยเมล็ดฟักทองอบ แถมความหวานมันจากช็อกโกแลตชิป รับลองได้ว่าจะช่วยให้บลอนดีชิ้นนี้ดูดีขึ้นมาทันตา