เปิด "ตำราอาหาร" ได้ที่นี่

 

recipe

สังขยาฟักทอง

Recipe by สุดารัตน์ แก้วกระจ่าง

Serves

1 ลูก

Level

2

สังขยาฟักทอง ฟักทองเนื้อนุ่มกินกับสังขยาหอมหวานกะทิและน้ำตาลมะพร้าว ขนมไทยที่เน้นความประณีตด้วยการแกะสลักฟักทองเป็นผอบ ผลฟักทองใช้เป็นทั้งภาชนะและรับประทานคู่กับสังขยายิ่งอร่อยเพิ่มขึ้นไปอีก

INGREDIENTS

ฟักทองไทย(400-500 กรัม)

1 ลูก

ไข่ไก่

2 ฟอง

ไข่เป็ด

2 ฟอง

น้ำตาลมะพร้าว

1 ถ้วย

กะทิ

1/2 ถ้วย

ใบเตย

5 ใบ

อุปกรณ์ มีดแกะสลัก ช้อน กระชอน ผ้าขาวบาง ลังถึง

METHOD

1. แกะสลักผอบฟักทองโดยล้างฟักทองให้สะอาด ปอกเปลือกผิวออก เกลาผิวฟักทองให้เรียบ ใช้มีดปลายแหลมเจาะเป็นวงกลมตรงขั้วฟักทอง ดึงฝาออก ใช้ช้อนขูดเมล็ดและไส้ออกให้หมด ล้างผลฟักทองทั้งด้านนอกและด้านในให้สะอาดแล้วคว่ำให้สะเด็ดน้ำ ใช้มีดกรีดแบ่งขอบผอบเป็นร่องเท่าๆกันจนรอบปากผอบ นอนมีดลงปาดโค้งระหว่างช่องที่แบ่งไว้ แกะเนื้อที่ปาดออก แล้วกรีดเป็นกลีบปลายแหลม ปาดเนื้อใต้กลีบออกโดยรอบ เพื่อให้เห็นกลีบเด่นชัดขึ้น ทำจนวนรอบชั้นแรก จากนั้นแกะชั้นที่สองโดยให้สับหว่างกับชั้นแรก ทำจนทั่วทั้งลูก

 

 

 

 

2. ทำสังขยาโดยต่อยไข่ไก่และไข่เป็ดใส่อ่างผสม ใส่น้ำตาลมะพร้าว กะทิ และใบเตยขยำให้น้ำตาลละลายจนหมด แล้วกรองด้วยกระชอนและผ้าขาวบาง 2 ชั้น 3 รอบ ใส่ถ้วย พักไว้

 

 

 

 

3. ใส่น้ำในหม้อลังถึงประมาณ 3/4 ของหม้อ ปิดฝา ยกขึ้นตั้งบนไฟแรง รอจนน้ำเดือด วางฟักทองลงในถ้วย ใส่สังขยาลงในผลฟักทองให้เหลือปากประมาณ 1 นิ้ว เมื่อน้ำเดือดให้นำไปนึ่งโดยลดเป็นไฟอ่อน นึ่งนานประมาณ 60 นาที โดยเปิดฝาทุกๆ 10 นาที เพื่อระบายความร้อนออก ไม่อย่างนั้นเนื้อฟักทองอาจจะแตกได้ เมื่อสุกแล้วยกลงพักให้เย็นสนิท เมื่อจะเสิร์ฟจึงหั่นฟักทองเป็นเสี้ยวจัดใส่จาน

Gallery

Share this content

Tags:

ขนมไทย, สังขยา, สังขยาฟักทอง

Recommended Articles

Recipeกล้วยทอด (กล้วยแขก)
กล้วยทอด (กล้วยแขก)

กล้วยทอดหรือกล้วยแขกสูตรนี้มีความพิเศษที่มีารผสมกลอยแห้งเพื่อเพิ่มความกรอบๆ มันๆ ให้กับแป้งสูตรนี้และยังเป็นสูตรแป้งที่ทำง่าย ใช้แป้งชนิดเดียวในการทำและเป็นสูตรแป้งที่กรอบนาน อร่อย ไม่อมน้ำมันอีกด้วย

 

Recipeมะกรูดลอยแก้ว
มะกรูดลอยแก้ว

มะกรูด เป็นพืชในตระกลูส้มและมะนาว (Citrus) คนไทยส่วนใหญ่นิยมปลูกมะกรูดไว้ใช้ประโยชน์ในครัวเรือน โดยเฉพาะส่วนใบและผล ด้วยกลิ่นหอมเฉพาะตัวของมะกรูดที่ทำให้รู้สึกสดชื่น นอกจากมีบทบาทในอาหารคาวแล้ว มะกรูดยังมีบทบาทในอาหารหวาน ทั้งนำเนื้อมากวนไส้ นำไปเชื่อมรวมถึงการลอยแก้ว มะกรูดลอยแก้ว เป็นของหวานดับร้อนของคนในสมัยก่อน ดูเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยรายละเอียดต่าง ๆ มากมาย ด้วยลักษณะของมะกรูดที่มีกลิ่นรสเฉพาะตัว จึงต้องอาศัยเทคนิคและความใส่ใจ เพื่อให้ได้เนื้อมะกรูดลอยแก้วที่มีความนุ่มหนึบ ใสดั่งแก้ว ชิมรสเปรี้ยว หวาน เค็ม ครบสามรส หอมกลิ่นมะกรูดอ่อนๆ เอาไว้กินกับน้ำแข็งเพิ่มความสดชื่นในวันที่อากาศร้อน

 

Recipeมะกรูดลอยแก้ว
มะกรูดลอยแก้ว

มะกรูด เป็นพืชในตระกลูส้มและมะนาว (Citrus) คนไทยส่วนใหญ่นิยมปลูกมะกรูดไว้ใช้ประโยชน์ในครัวเรือน โดยเฉพาะส่วนใบและผล ด้วยกลิ่นหอมเฉพาะตัวของมะกรูดที่ทำให้รู้สึกสดชื่น นอกจากมีบทบาทในอาหารคาวแล้ว มะกรูดยังมีบทบาทในอาหารหวาน ทั้งนำเนื้อมากวนไส้ นำไปเชื่อมรวมถึงการลอยแก้ว มะกรูดลอยแก้ว เป็นของหวานดับร้อนของคนในสมัยก่อน ดูเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยรายละเอียดต่าง ๆ มากมาย ด้วยลักษณะของมะกรูดที่มีกลิ่นรสเฉพาะตัว จึงต้องอาศัยเทคนิคและความใส่ใจ เพื่อให้ได้เนื้อมะกรูดลอยแก้วที่มีความนุ่มหนึบ ใสดั่งแก้ว ชิมรสเปรี้ยว หวาน เค็ม ครบสามรส หอมกลิ่นมะกรูดอ่อนๆ เอาไว้กินกับน้ำแข็งเพิ่มความสดชื่นในวันที่อากาศร้อน

 

Recipeมะกรูดลอยแก้ว
มะกรูดลอยแก้ว

มะกรูด เป็นพืชในตระกลูส้มและมะนาว (Citrus) คนไทยส่วนใหญ่นิยมปลูกมะกรูดไว้ใช้ประโยชน์ในครัวเรือน โดยเฉพาะส่วนใบและผล ด้วยกลิ่นหอมเฉพาะตัวของมะกรูดที่ทำให้รู้สึกสดชื่น นอกจากมีบทบาทในอาหารคาวแล้ว มะกรูดยังมีบทบาทในอาหารหวาน ทั้งนำเนื้อมากวนไส้ นำไปเชื่อมรวมถึงการลอยแก้ว มะกรูดลอยแก้ว เป็นของหวานดับร้อนของคนในสมัยก่อน ดูเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยรายละเอียดต่าง ๆ มากมาย ด้วยลักษณะของมะกรูดที่มีกลิ่นรสเฉพาะตัว จึงต้องอาศัยเทคนิคและความใส่ใจ เพื่อให้ได้เนื้อมะกรูดลอยแก้วที่มีความนุ่มหนึบ ใสดั่งแก้ว ชิมรสเปรี้ยว หวาน เค็ม ครบสามรส หอมกลิ่นมะกรูดอ่อนๆ เอาไว้กินกับน้ำแข็งเพิ่มความสดชื่นในวันที่อากาศร้อน

 

Recommended Videos