Serves
2 คน
Level
3
INGREDIENTS
แซลมอนหั่นชิ้นฟิเลย์ (80 กรัม)
2 ชิ้น
น้ำมันมะกอก
30 กรัม
เส้นสปาเกตตี
140 กรัม
กระเทียมสับละเอียด
1 ช้อนโต๊ะ
เคเปอร์
1 ช้อนโต๊ะ
หอมแดงสับ
1 ช้อนโต๊ะ
น้ำสต๊อกไก่
1/4 ถ้วย
เกลือป่น
1/4 ช้อนชา
พริกไทยดำป่น
1/8 ช้อนชา
ผักชีลาวสับละเอียด
1 ช้อนโต๊ะ
เลมอนและใบผักชีลาวสำหรับจัดเสิร์ฟ
METHOD
- ล้างเนื้อปลาให้สะอาดซับน้ำให้แห้ง โรยเกลือและพริกไทยให้ทั่วเนื้อปลา พักไว้ ตั้งกระทะน้ำมันมะกอกบนไฟกลางพอร้อน นำเนื้อปลาลงย่างในกระทะ โดยเอาด้านหนังลงก่อน ลดเป็นไฟอ่อน ย่างไปเรื่อยๆจนกว่าเนื้อปลาจะสุก และหนังกรอบ
- ตั้งหม้อน้ำบนไฟกลางใส่เกลือลงเล็กน้อย พอน้ำเดืือดนำเส้นลงลวกในหม้อน้ำ ประมาณ 4-5 นาที นำขึ้น เกลียให้ทั่วบนถาด เคล้ากับน้ำมันเล็กน้อย
- ตั้งกระทะน้ำมันมะกอกบนไฟกลาง พอกระทะร้อนผัดกระเทียม เคเปอร์ และหอมแดง ผัดจนหอม จากนั้นเติมน้ำสต็อกลงไปผัดให้เข้ากันใส่เส้น คลุกเคล้าให้ส่วนผสมเคลือบเส้นจนทั่ว ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย โรยด้วยผักชีลาว คลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง ปิดไฟ
- จัดเส้นใส่จาน เสิร์ฟพร้อมปลาแซลมอน ตกแต่งด้วยเลมอนและผักชีลาว
Recommended Articles
คนญี่ปุ่นชาติเดียวกินปลาแซลมอนมากถึงหนึ่งในสามของผลผลิตทั่วโลกโดยกว่าร้อยละแปดสิบของปลาชนิดนี้มาจากฟาร์มเพาะเลี้ยง แซลมอนธรรมชาติ (wild salmon) มีราคาแพงกว่า เนื้อสีส้มจัดอมแดงจากปลาและสัตว์น้ำเล็กๆที่กินเข้าไป (เนื้อปลาเลี้ยงมีสีส้มจากการผสมสีลงในอาหารที่ให้ปลา) เนื้อนุ่ม แน่น และมัน แข็งแรงกว่าปลาเลี้ยงมาก เนื่องจากตัวที่อยู่รอดจนโตต้องผ่านบททดสอบจากธรรมชาติตั้งแต่วันที่ออกจากไข่เลยทีเดียว สายพันธุ์ที่เหล่าเชฟยกให้เป็นที่สุดในด้านรสชาติคือ Wild Alaskan Salmon
ซูชิเป็นอาหารยอดนิยมที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เริ่มตั้งแต่เป็นภูมิปัญญาการถนอมอาหารของคนญี่ปุ่นสมัยโบราณ พัฒนามาเป็นสตรีทฟู้ดยุคแรกๆของญี่ปุ่น แต่ยังใช้อาหารทะเลปรุงสุก จนกระทั่งพ่อครัวซูชิลองใช้ปลาดิบ ปรากฏว่าได้รับความนิยมเรื่อยมา ช่วงปลายทศวรรษที่ 1970 ซูชิข้ามน้ำข้ามทะเลไปโดนใจอเมริกันชน และถูกปรับปรุงเป็นซูชิโรลแบบฟิวชั่น เน้นสีสันและรสชาติแปลกใหม่ แถมยังข้ามฟากกลับไปเป็นเทรนดี้ซูชิขายคนญี่ปุ่น เรียกว่า American style sushi
คนญี่ปุ่นชาติเดียวกินปลาแซลมอนมากถึงหนึ่งในสามของผลผลิตทั่วโลกโดยกว่าร้อยละแปดสิบของปลาชนิดนี้มาจากฟาร์มเพาะเลี้ยง แซลมอนธรรมชาติ (wild salmon) มีราคาแพงกว่า เนื้อสีส้มจัดอมแดงจากปลาและสัตว์น้ำเล็กๆที่กินเข้าไป (เนื้อปลาเลี้ยงมีสีส้มจากการผสมสีลงในอาหารที่ให้ปลา) เนื้อนุ่ม แน่น และมัน แข็งแรงกว่าปลาเลี้ยงมาก เนื่องจากตัวที่อยู่รอดจนโตต้องผ่านบททดสอบจากธรรมชาติตั้งแต่วันที่ออกจากไข่เลยทีเดียว สายพันธุ์ที่เหล่าเชฟยกให้เป็นที่สุดในด้านรสชาติคือ Wild Alaskan Salmon
ซูชิเป็นอาหารยอดนิยมที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เริ่มตั้งแต่เป็นภูมิปัญญาการถนอมอาหารของคนญี่ปุ่นสมัยโบราณ พัฒนามาเป็นสตรีทฟู้ดยุคแรกๆของญี่ปุ่น แต่ยังใช้อาหารทะเลปรุงสุก จนกระทั่งพ่อครัวซูชิลองใช้ปลาดิบ ปรากฏว่าได้รับความนิยมเรื่อยมา ช่วงปลายทศวรรษที่ 1970 ซูชิข้ามน้ำข้ามทะเลไปโดนใจอเมริกันชน และถูกปรับปรุงเป็นซูชิโรลแบบฟิวชั่น เน้นสีสันและรสชาติแปลกใหม่ แถมยังข้ามฟากกลับไปเป็นเทรนดี้ซูชิขายคนญี่ปุ่น เรียกว่า American style sushi
คนญี่ปุ่นชาติเดียวกินปลาแซลมอนมากถึงหนึ่งในสามของผลผลิตทั่วโลกโดยกว่าร้อยละแปดสิบของปลาชนิดนี้มาจากฟาร์มเพาะเลี้ยง แซลมอนธรรมชาติ (wild salmon) มีราคาแพงกว่า เนื้อสีส้มจัดอมแดงจากปลาและสัตว์น้ำเล็กๆที่กินเข้าไป (เนื้อปลาเลี้ยงมีสีส้มจากการผสมสีลงในอาหารที่ให้ปลา) เนื้อนุ่ม แน่น และมัน แข็งแรงกว่าปลาเลี้ยงมาก เนื่องจากตัวที่อยู่รอดจนโตต้องผ่านบททดสอบจากธรรมชาติตั้งแต่วันที่ออกจากไข่เลยทีเดียว สายพันธุ์ที่เหล่าเชฟยกให้เป็นที่สุดในด้านรสชาติคือ Wild Alaskan Salmon
ซูชิเป็นอาหารยอดนิยมที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เริ่มตั้งแต่เป็นภูมิปัญญาการถนอมอาหารของคนญี่ปุ่นสมัยโบราณ พัฒนามาเป็นสตรีทฟู้ดยุคแรกๆของญี่ปุ่น แต่ยังใช้อาหารทะเลปรุงสุก จนกระทั่งพ่อครัวซูชิลองใช้ปลาดิบ ปรากฏว่าได้รับความนิยมเรื่อยมา ช่วงปลายทศวรรษที่ 1970 ซูชิข้ามน้ำข้ามทะเลไปโดนใจอเมริกันชน และถูกปรับปรุงเป็นซูชิโรลแบบฟิวชั่น เน้นสีสันและรสชาติแปลกใหม่ แถมยังข้ามฟากกลับไปเป็นเทรนดี้ซูชิขายคนญี่ปุ่น เรียกว่า American style sushi
Recommended Videos