เมื่อใดก็ตามที่เราถามหาร้านอร่อยในเมืองเบตง ร้าน ‘ต้าเหยิน’ จะเป็นหนึ่งในชื่อที่ถูกเอ่ยถึงเสมอ

คำว่า ‘ต้าเหยิน’ (大人) แปลตรงตัวได้ว่า ‘ผู้ยิ่งใหญ่’ เจ้าของร้านและผู้ก่อตั้งอย่าง คุณกิตติ ยงวิริยกุล หรือ ‘ป๋าเล็ก’ ในความคุ้นเคยลูกขาประจำ เล่าความหลังให้เราฟังแกมเสียงหัวเราะว่า เดิมทีจะตั้งชื่อร้านว่า ‘เมียผู้ยิ่งใหญ่’ ด้วยว่าในช่วงชีวิตหนึ่ง ภรรยาของคุณกิตติเป็นแรงบันดาลใจให้ขยันทำมาหากินและตั้งตัวอย่างมั่นคง กระนั้นคุณภรรยาก็ไม่เห็นด้วย จึงลดทอนมาเหลือเพียงคำว่าต้าเหยินหรือผู้ยิ่งใหญ่ และใช้ชื่อนี้มาตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบัน

 

วัยหนุ่มของคุณกิตติถูกใช้ไปกับการทำงานอย่างสมบุกสมบัน หลายอาชีพที่ผลัดเปลี่ยนไปตามโอกาสทำให้คุณกิตติคุ้นเคยกับชาวจีนหลายกลุ่ม คุณกิตติจึงยังพูดภาษาจีนหลายสำเนียงสลับกันไปมาได้อย่างคล่องแคล่วแม้อายุจะขึ้นต้นด้วยเลข 7 แล้วก็ตาม เหนือไปกว่าภาษาและวัฒนธรรมจีน คุณกิตติยังเก็บเกี่ยวเอารสชาติหลากหลายคนชาวจีนแต่ละกลุ่มไว้เป็นสมบัติติดตัว จนผลิดอกออกผลมาเป็นธุรกิจร้านอาหารที่รวมเอาอาหารจีนสารพัดเมนูเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว

เคาหยกผักดองแบบกวางตุ้ง เคาหยกเผือกแบบกวางไส แกงจืดลูกชิ้นแคะ หมั่นโถวหมูแดง ฯลฯ สารพัดเมนูอาหารจีนรสเด็ดในความทรงจำของคุณกิตติจึงถูกบรรจุไว้เป็นเมนูประจำของร้านต้าเหยินตลอดมา ผ่านวันเวลากว่า 40 ปี นับตั้งแต่เป็นร้านห้องแถวไม้ธรรมดาๆ จนกลายเป็นตึกแถว 2 ชั้นที่คึกคักตั้งแต่เวลาเปิดร้านจนถึงปิดร้านในปัจจุบัน

บรรดาอาหารคู่เมืองเบตงทั้งหลายก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน แทบทุกโต๊ะในร้านจะต้องสั่งเมนูผัดถั่วเจี๋ยน ผัดผักน้ำ ไก่สับราดซีอิ๊วต้าเหยินหอมๆ และผัดหมี่เบตงเหนียวหนุ่ม แม้ว่าจะเป็นเมนูที่หากินได้แทบทุกร้านในเบตง แต่ชาวเบตงหลายคนก็ยังยืนยันกับเราว่าถ้าจะให้อร่อยที่สุดต้องเป็นร้านต้าเหยินเท่านั้น

 

ด้วยความหลากหลายครอบคลุมของเมนู มาตรฐานของรสชาติ และคุณภาพของวัตถุดิบ ทำให้ต้าเหยินกลายเป็นร้านประจำพื้นที่ที่ชาวเบตงวางใจให้เป็นหมุดหมายในการรับรองแขกบ้านแขกเมือง ทั้งบรรดานักท่องเที่ยวจากจีน สิงคโปร์ มาเลเซีย ซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ในเบตง ก็ยังลิสต์ร้านต้าเหยินไว้ให้เป็นโปรแกรมแรกๆ ของทริป ดังนั้นจึงไม่ต้องแปลกใจหากชาวเบตงจะแนะนำให้คุณติดต่อไปจองโต๊ะไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลและวันหยุดยาวที่อาจต้องรอคิวกันนานนับชั่วโมง

ปัจจุบันการบริหารร้านเกือบทั้งหมดกลายเป็นหน้าที่หลักของทายาทรุ่นที่สอง แต่ถึงอย่างนั้นเราก็จะยังพบเจอคุณกิตติประจำการอยู่ที่ร้านแทบทุกวัน เพราะคุณกิตติยังทำหน้าที่เป็น ป๋าเล็ก และ เถ้าแก่ ของร้านต้าเหยินอยู่เสมอนั่นเอง

ในการมาเยือนเบตงครั้งนี้ ทีมครัวดอทโคก็ต้องขอฝากท้องไว้กับร้านต้าเหยินด้วยอีกสักมื้อหนึ่ง อาหารจานโตๆ ถูกลำเลียงมาเรื่อยๆ อึดใจเดียวก็เต็มโต๊ะ และนี่คือเมนูที่เราได้ลองลิ้มกันในวันนั้นค่ะ

 

เคาหยก เมนูสำคัญที่เราเห็นตรงกันว่าไม่ควรพลาดเป็นอันขาด โดยปกติแล้วร้านส่วนใหญ่มักเลือกเสิร์ฟเคาหยกแบบกวางไส ซึ่งทำจากหมูสามชั้นกับเผือกเป็นหลัก เผือกหนานุ่มซับเอารสชาติของซอสหมักไว้เต็มที่ หมูสามชั้นนิ่มละหลายในปาก หอม อร่อย เป็นเคาหยกที่มีรายละเอียดและถูกปากมาเป็นอันดับต้นๆ เท่าที่เคยได้ชิมมาเลยค่ะ

 

แต่สำหรับมื้อนี้เราดันเทใจให้กับ ‘หมุ่ยชอยเคาหยก’ เหมือนกันโดยไม่ได้นัดหมาย หมุ่ยซอยเคาหยกเป็นเคาหยกแบบกวางตุ้งที่เราไม่มีโอกาสได้กินกันบ่อยนัก เพราะผักแห้งที่เป็นวัตถุดิบหลักของเมนูนี้ไม่ใช่สิ่งที่หาได้ง่ายในบ้านเรา

 

รสเปรี้ยวบางๆ และกลิ่นของผักแห้ง ผักกาดดอง ทำให้เคาหยกจานนี้เป็นเคาหยกที่กลมกล่อมเข้มข้นแต่กินได้เรื่อยๆ ยิ่งถ้าคลุกกับข้าวสวยร้อนๆ นี่แทบจะไม่อยากวางช้อนไปตักจานอื่นเลยละค่ะ

 

ผัดผักน้ำเบตง ก็เป็นอีกเมนูที่ไม่ควรมองข้าม (แม้ว่าการสั่งผัดผักในร้านอาหารเหลาอาจขัดใจใครหลายคนก็ตาม) ผักน้ำเป็นผักยอดนิยมของชาวกวางไส แม้เมื่ออพยพมาอยู่ในประเทศไทยแล้ว ความอร่อยของผักน้ำก็ยังคงตามติดมาด้วย รสชาติของจานนี้ไม่ซับซ้อน มีเพียงความสดและกรุบกรอบของผักน้ำ ซอสผัดที่ปรุงมาได้พอดี รวมกับฝีมือการผัดแบบเวลาน้อย ไฟแรง เอกลักษณ์ของครัวจีนและกระทะเหล็ก จานนี้จึงเป็นอีกจานที่เรียบง่ายแต่หมดไวก่อนใครเพื่อนทีเดียว

 

อีกจานที่เรียบง่ายแต่หมดไวไม่แพ้กันคือ ผัดถั่วเจี๋ยน ที่นำถั่วสดๆ อวบๆ แน่นๆ ไป ‘เจี๋ยน’ หรือทอดในน้ำมันร้อนๆ แค่พอสุก ตักถั่วออก แล้วเทน้ำมันออกให้เหลือเพียงติดกระทะ แล้วใส่กุ้งแห้งกับกระเทียมลงไปผัดให้หอม ใส่ถั่วกลับลงกระทะ ผัดไวๆ แล้วปรุงรสแต่น้อยเพื่อให้รสชาติของวัตถุดิบได้ทำงาน การเจี๋ยนหรือการทอดแล้วผัดช่วยให้ถั่วฝักยาวมีรสหวานมากขึ้น ไม่มีกลิ่นเขียว แต่ก็ยังคงความสดกรอบไว้ได้เป็นอย่างดี

 

แกงจืดลูกชิ้นแคะ น้ำใสๆ รสกลมกล่อม เป็นอีกเมนูที่ร้านต้าเหยินภูมิใจนำเสนอ ลูกชิ้นแคะหรือลูกชิ้นอย่างชาวจีนฮากกา ลูกกลมโตเต็มช้อน จานนี้แนะนำให้สั่งมาซดร้อนๆ คล่องคอ ช่วยเบรกความมันจากหมูสามชั้นและบรรดาอาหารจานผัดได้อย่างเหมาะเจาะเลยค่ะ

 

สำหรับคนรักเส้น ที่นี่ก็มีเมนู หมี่เบตงผัดแห้ง หมี่เบตงเส้นสดที่นำมาผัดไฟแรงจนหอมกลิ่นกระทะ เส้นนุ่มเหนียวกินเพลินจนต้องยอมโดนตัดกำลังแม้ว่าอยากจะเก็บท้องเผื่อไว้ให้เมนูอื่นอีกเยอะๆ

 

และสำหรับคนรักแป้ง โปรดอย่าพลาด หมั่นโถวหมูแดง หมั่นโถวทำเอง นุ่ม ฟู หอมแป้ง นึ่งมาร้อนๆ กินคู่กับหมูแดงสูตรเฉพาะแบบของร้านต้าเหยินที่ไม่แห้งและไม่หวานจัด

(ข้อนี้หลายคนอาจจะไม่รู้มาก่อน แต่ร้านต้าเหยินทำหมูแดงสูตรกวางตุ้งได้อร่อยเด็ดดวง และทำหมูย่างเบตงหนังกรอบหอมเครื่องเทศมาขายสดๆ ใหม่ๆ ทุกวันนะคะ เสียแต่ว่าถ้าไม่สั่งจองไว้ก็อาจไม่ได้กิน เพราะหมูแดงและหมูย่างขายเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็หมด จนมันไม่ค่อยเหลือมาถึงมื้อเย็นเท่าไรนัก)

 

อีกเมนูที่เป็นม้ามืดของร้านต้าเหยินก็คือ หมูทอดเต้าหู้ยี้ เมนูหมูทอดธรรมดาๆ แต่ว่าดี รสเข้มข้น หอมกลิ่นเต้าหู้ยี้ชวนน้ำลายสอ ทอดมาสุกพอดีแบบไม่แข็ง ไม่อมน้ำมัน กินกับข้าวสวยร้อนๆ แล้วรสชาติพอดิบพอดี อันนี้ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ต้องชอบแน่นอน

 

ส่วนใครที่มีเวลาในเบตงไม่มาก กลัวจะเก็บของดีของเด็ดได้ไม่ครบทุกเมนู ที่ต้าเหยินก็มี ไก่สับเบตง ให้ได้ลิ้มรสด้วยนะคะ ไก่สับของที่นี่โดดเด่นที่น้ำซอสราดไก่ เพราะต้าเหยินมีโรงหมักซีอิ๊วเป็นของตัวเอง โรงซีอิ๊วต้าเหยินยังหมักด้วยสูตรดั้งเดิมเมื่อเกือบ 40 ปีก่อน จึงเป็นรสชาติในความคุ้นเคยของชาวเบตงหลายต่อหลายรุ่น แถมยังมีแบบบรรจุขวดให้ได้ซื้อติดมือกลับบ้านมาเป็นของฝากด้วย (อันนี้แนะนำเป็นพิเศษเพราะถูกใจซีอิ๊วเป็นการส่วนตัวเลยค่ะ จะราดไก่สับ นึ่งปลา หรือผัดผักก็อร่อยมากๆ)

 

อันที่จริงรสมือของร้านต้าเหยินนั้นเลื่องลือด้วยตัวเองมาก่อนอยู่แล้วค่ะ แบบที่ไม่ต้องการคำยืนยันจากเราเลยแม้แต่นิด แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็อยากจะบันทึกไว้ด้วยอีกเสียงหนึ่ง ว่าร้านต้าเหยินนั้นเหมาะสมกับสมญานาม ‘ร้านคู่เมืองเบตง’ ทุกประการเลยทีเดียว

ใครมีแผนจะไปเบตง อย่าลืมปักหมุดร้านต้าเหยินไว้ในแผนเที่ยวด้วยนะคะ

ร้านตาเหยิน (กิตติ)
พิกัด : ใกล้หอนาฬิกาเบตง (เดินไปทางโรงแรมศรีเบตง)
Google Map : https://goo.gl/maps/wsxavJngrMxABy4x5
เวลาเปิด-ปิด : 10.00-23.00
Facebook : ร้านอาหารต้าเหยิน