ราชบุรีในยามเช้า ไม่ได้มีแค่โอ่งมังกรใบโตเงาวับ หรือสายลมเอื่อยริมแม่น้ำแม่กลองที่พัดผ่านใจกลางเมือง
แต่ยังมีร้านอาหารเช้าบรรยากาศร่มรื่นร้านหนึ่ง ที่ใครหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า

“มาราชบุรีแล้วไม่แวะ ถือว่าพลาด!”

ร้านนั้นคือ อาตี๋โกปี๊ ร้านกาแฟโบราณและอาหารเช้าที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายโชห่วยคลาสสิก ซ่อนตัวอยู่กลางเมืองมาตั้งแต่ปี 2552 รวมเวลากว่า 17 ปีแล้ว

จุดเริ่มต้นของร้านนี้เกิดขึ้นเมื่อเทศบาลเมืองราชบุรีมีแนวคิดจะเปิด ‘ตลาดเก่าโคยกี๊’ ริมน้ำแม่กลอง คุณมิกซ์-สรายุทธิ์ หลายพูนสวัสดิ์ เจ้าของร้านแค่อยากมีส่วนร่วมกับตลาดย้อนยุคแห่งนั้น เลยลองคิดว่า “ถ้าจะขายกาแฟโบราณ จะออกแบบร้านยังไงให้ย้อนยุคจริงๆ?”

เขาเลือกคอนเซปต์ ‘โชห่วยโบราณ’ แล้วเริ่มสะสมของเก่าทีละชิ้นมาตกแต่งร้านอย่างจริงจัง จากแค่ไอเดียเล่นๆ ค่อยๆ กลายเป็นความหลงใหล ทุกครั้งที่ได้ออกไปหาของวินเทจ เหมือนได้เดินย้อนเวลากลับไปในวัยเด็ก พอถึงปี 2557 ร้านย้ายมาตั้งหลักปักฐานที่ถนนวรเดช ใกล้วัดช่องลม ตรงนี้เองที่อาตี๋โกปี๊เริ่มเติบโตในฐานะร้านอาหารเช้าเต็มรูปแบบที่เต็มไปด้วยความตั้งใจ และอยู่ยาวมาถึงทุกวันนี้

ร้านเริ่มจากเมนูเรียบง่ายแบบที่ทุกคนคุ้นเคย ไม่ว่าจะเป็นกาแฟโบราณ ขนมปังปิ้ง หรือเค้ก แต่ด้วยความที่ราชบุรีเป็นเมืองแห่งโอ่ง เจ้าของร้านก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมาเล่นๆ ว่า “ถ้าทำเค้กใส่โอ่งล่ะ?”

อีกครั้งที่ไอเดียกลายเป็นจริง เมื่อเขานำฟรุตเค้กใส่ลงในโอ่งเซรามิก ผลคือได้เสียงตอบรับดีเกินคาด เค้กโอ่ง กลายเป็นของขึ้นชื่อที่ใครมาเป็นต้องสั่ง

เบื้องหลังความสำเร็จนั้น ยังโยงกลับไปถึงรากเหง้าของครอบครัวที่ทำเบเกอรี่มาตั้งแต่ปี 2529 คุณมิกซ์โตมากับกลิ่นขนมปังอบใหม่ๆ ในบ้าน พอถึงเวลาต้องเลือกเส้นทางชีวิต เขาก็ไม่ลังเลที่จะต่อยอดในสายอาหารที่ผูกพันมาตั้งแต่เด็ก

ช่วงแรกเค้กโอ่งทำจากฟรุตเค้กบรรจุลงในโอ่งเซรามิกด้วยความตั้งใจให้เมื่อกินเค้กหมดก็ยังได้โอ่งเซรามิกใบน้อยไว้เป็นของที่ระลึก แต่พบว่าเนื้อเค้กแน่นหนักเกินไปจึงตัดสินใจเปลี่ยนเป็น ‘เค้กนมสด’ ที่เนื้อนุ่ม กินง่าย และใส่ลงในโอ่งที่ทำจาก ‘แป้งขนมปัง’ กินได้หมดทั้งชิ้น

แต่เรื่องยังไม่จบ เพราะความคิดถึงฟรุตเค้กก็ยังวนเวียนอยู่ในใจ พอสูตรขนมปังโอ่งเริ่มนิ่ง โดยที่เปลือกโอ่งมีรสเค็มอ่อนๆ เขาก็ลองใส่ฟรุตเค้กกลับเข้าไปอีกครั้ง เพื่อให้รสหวานอมเปรี้ยวของเค้กตัดกับรสเค็มของโอ่ง

และในครั้งนี้… มันเวิร์กจริงๆ

จากโอ่งจริงสู่โอ่งกินได้ ไอเดียนี้เกิดขึ้นมาได้ยังไง?

คุณมิกซ์เล่าว่าวันหนึ่งมีลูกค้าแซวขำๆ ว่า “โอ่งนี่กินได้จริงมั้ย?”

คำถามเล่นๆ แบบนั้น กลับกลายเป็นจุดเริ่มต้นของไอเดียใหญ่ ที่ทำให้เขาเริ่มคิดต่ออย่างจริงจัง ลองผิดลองถูกอยู่นาน และสุดท้ายก็ทำให้ ‘โอ่งกินได้’ เกิดขึ้นจริงๆ”

“ผลตอบรับดีมากครับ ลูกค้าชื่นชอบเค้กในโอ่งเซรามิกกันจริงๆ เพราะรูปลักษณ์มันแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร แถมเข้าถึงง่าย เพราะเราไม่ได้ตั้งราคาแพงในตอนเริ่มต้น เรามองไว้แล้วว่าลูกค้าหลักจะเป็นนักท่องเที่ยวจากต่างพื้นที่ เพราะเราอยากเป็นส่วนหนึ่งของตลาดท่องเที่ยวของราชบุรี เค้กโอ่งจึงถูกวางไว้ให้เป็นเมนูเรือธงของร้านตั้งแต่แรก ด้วยความที่มันสะดุดตา คนเห็นแล้วแชร์ต่อ ปากต่อปากเลยทำให้เริ่มบูมขึ้นมา แต่อย่างที่รู้กันครับว่าของที่ดูดี บางทีก็แลกมาด้วยต้นทุนที่สูง โอ่งเซรามิกแม้สวย แต่แตกง่าย ส่งลำบาก และใช้เวลาในการผลิตเยอะ แรก ๆ ยังพอไปได้ เพราะเรามีความสัมพันธ์กับเจ้าของโรงโอ่ง เขาก็ให้ราคาพิเศษสนับสนุนไอเดียของเรา

“แต่พอขายระยะยาว ต้นทุนทุกอย่างก็ขยับขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าวัตถุดิบ ค่าแก๊สที่ใช้เผาโอ่งก็แทบจะเพิ่มขึ้นเท่าตัว กลายเป็นว่าเราทุกคนกินทุนกันอยู่เงียบๆ ธุรกิจมันก็โตแบบไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ เลยตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้โอ่งที่กินได้ ซึ่งช่วยแก้ปัญหาหลายอย่าง ทั้งเรื่องการขนส่ง อายุเก็บรักษา และต้นทุนโดยรวม”

โอ่งกินได้กลายเป็นทางออกที่ดี ลูกค้ายังชอบอยู่ คุณมิกซ์เองก็สามารถพัฒนารสชาติให้เข้ากันได้ดี ตัวเปลือกโอ่งที่เป็นขนมปังจะมีรสเค็มอ่อนๆ พอจับคู่กับเค้กหวานๆ อย่างนมสดหรือฟรุตเค้ก ก็ยิ่งอร่อยลงตัวมากขึ้น

ส่วนใครที่ยังอยากได้โอ่งจริง ทางร้านก็ยังมีจำหน่ายอยู่ แต่จะเป็นแบบสั่งทำล่วงหน้า หรือถ้าไม่ซีเรื่องเค้ก เลือกเป็นคุกกี้โอ่งที่เปลี่ยนจากเค้กเป็นคุกกี้ บรรจุในโอ่งขนาดเล็กน่ารักๆ แทนก็ได้ มีพร้อมจำหน่ายทุกวัน

“ทุกวันนี้เรายังคิดค้นสูตรใหม่อยู่เสมอครับ อย่างเค้กโอ่งบราวนี่ที่ทดลองไว้ก็พร้อมจะปล่อยเมื่อถึงจังหวะที่เหมาะสม ส่วนโอ่งที่กินไม่ได้เราก็จะทำเป็นตัวคุกกี้โอ่ง มีทั้งใบเล็กใบใหญ่ เก็บคุกกี้ไว้กินได้นานและเก็บโอ่งเป็นที่ระลึกได้ด้วย”

ใครมาราชบุรีก็ต้องมากินอาหารเช้าที่อาตี๋โกปี๊

อาตี๋โกปี๊เริ่มต้นจากการเป็นร้านขายของฝากที่เน้นกลุ่มนักท่องเที่ยว แต่เมื่อย้ายร้านมาสู่ทำเลใหม่ในปี 2557 กลยุทธ์เดิมกลับไม่เวิร์กเหมือนที่ผ่านมา นั่นจึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้ร้านหันมาทบทวนแนวทางใหม่ แทนที่จะเป็นร้านสำหรับนักท่องเที่ยว ก็เริ่มต้นใหม่จากคำถามง่ายๆ ว่า “แล้วถ้าทำร้านอาหารเช้า จะเป็นยังไง?”

คำตอบเริ่มต้นจาก 3 เมนูง่ายๆ ไข่กระทะ อาหารเช้าสไตล์ฝรั่ง และ ข้าวต้ม เน้นเมนูคุ้นเคย กินง่าย เข้าถึงได้สำหรับทุกคน ไม่นานลูกค้าท้องถิ่นก็เริ่มแวะมามากขึ้น หลายคนถามว่า “มีเมนูข้าวมั้ย? มีของกินเล่นมั้ย?” ร้านจึงเริ่มขยับ เพิ่มห้องครัว ขยายเมนูให้มากขึ้น ตามเสียงเรียกร้องของลูกค้า

จากปอเปี๊ยะทอด ฮ่อยจ๊อ จนถึงเมนูอาหารเช้าหลากหลายที่มีให้เลือกมากมายในทุกวันนี้ อาตี๋โกปี๊ค่อยๆ เปลี่ยนบทบาทจากร้านสำหรับนักท่องเที่ยว กลายเป็นร้านอาหารเช้าที่คนในพื้นที่รัก และนักท่องเที่ยวก็หลงเสน่ห์

เพราะทุกอย่างไม่ได้เกิดจากสูตรสำเร็จแต่อยู่ที่การ ‘ฟังลูกค้า’ และ ‘ลงมือทำจริง’ ทีละก้าว อย่างมั่นคง

ทำไมถึงเลือกเสิร์ฟอาหารเช้าสไตล์จีน?

หากสังเกตดีๆ เมนูอาหารเช้าของร้านอาตี๋โกปี๊ จะเห็นว่าไม่ได้มีแค่ไข่กระทะหรือข้าวต้มแบบที่คุ้นเคย แต่ยังมีติ่มซำและอาหารร้อนสไตล์จีนให้เลือกมากมาย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ร้านนี้แตกต่างจากร้านอาหารเช้าทั่วไป นั่นเป็นเพราะตัวคุณมิกซ์เองชื่นชอบอาหารเช้าสไตล์จีนเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงไม่ใช่แค่การออกแบบเมนูให้ตอบโจทย์ลูกค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นการหยิบเอาความชอบส่วนตัวมาเติมลงไปในจานอาหารแต่ละจานด้วย โดยวางเมนูให้ครอบคลุม ทั้งคนที่อยากกินแบบง่ายๆ เร็วๆ อย่างข้าวต้ม และคนที่อยากนั่งละเลียดกาแฟ กินติ่มซำสบายๆ ในบรรยากาศคลาสสิก

เมื่อร้านเป็นที่รู้จักมากขึ้น เมนูอาหารเช้าอย่างเดียวเริ่มไม่พอ จึงขยับขยายเพิ่มเมนูมื้อกลางวันเข้ามา ไม่ว่าจะเป็น ข้าวคลุกกะปิ ข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ หรือข้าวผัดน้ำพริกกุ้งสด เท่านั้นยังไม่พอ… เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่อยากกินอะไรเล่นๆ แต่คุณภาพต้องถึง จึงมีการเพิ่มเมนูวัตถุดิบพรีเมียม เช่น ฮ่อยจ๊อปู ที่ทางร้านทำเองทั้งหมดเพื่อให้ทั้งรสชาติและวัตถุดิบสะท้อนความตั้งใจ แม้จะเป็นแค่เมนู ‘ของทานเล่น’ ก็ตาม

อร่อยกับติ่มซำ ‘สไตล์ใต้’

เมนูติ่มซำของอาตี๋โกปี๊ไม่ได้มาแบบสุ่มเลือก แต่เป็น ติ่มซำสไตล์ใต้ ได้รับอิทธิพลจากเมืองใหญ่อย่างหาดใหญ่และภูเก็ตที่เจ้าของร้านไปศึกษาสูตรด้วยตัวเองกับคนพื่นที่ด้วยความชอบในติ่มซำของภาคใต้ ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของรสชาติที่เข้มข้นกลมกล่อม แต่ยังสะท้อนวิธีการกินแบบคนใต้ที่เน้น ‘การเลือก’ และ ‘การหยิบ’ เป็นหลัก

ร้านจึงเตรียมหน้าติ่มซำไว้ให้เลือกมากถึง 60-70 ชนิดต่อวัน! เรียกได้ว่ามาเช้าได้เปรียบ เพราะถ้ามาช้า… บางอย่างก็หมดก่อน
ซึ่งก็เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการกินติ่มซำในแบบชาวใต้ ที่มีให้เลือกได้เยอะและกินได้สนุก

เมนูแนะนำ มาแล้วห้ามพลาด!

จริงๆ แล้วเมนูที่ไม่ควรพลาดน่าจะเรียกได้ว่าแทบทุกอย่าง เพราะแต่ละเมนูไม่ได้เกิดจากการจับวางแบบสุ่มๆ แต่มาจากการค่อยๆ เพิ่ม ค่อยๆ พัฒนา ด้วยความตั้งใจอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมา

เพราะร้านนี้เริ่มต้นจากร้านกาแฟโบราณ ที่เจ้าของร้านมีพื้นฐานด้านกาแฟสดอยู่แล้ว จึงเลือกที่จะรวมสองสิ่งนี้เข้าด้วยกันทั้งกาแฟสดและกาแฟโบราณ เพื่อให้ลูกค้าได้เลือกดื่มในแบบที่ชอบ

และเพราะมีพื้นฐานด้านอาหารอยู่เดิม การพัฒนาเมนูของร้านจึงไม่ใช่แค่ขยายให้หลากหลาย แต่ยัง ‘คัดมาแล้ว’ ทุกจาน ว่าเหมาะกับเวลาเช้า และมีรสชาติที่มั่นใจว่าน่าจะถูกปาก

เมนูที่ขึ้นแท่นขายดีอันดับต้นๆ ได้แก่

ไข่กระทะจอมพลัง (70 บาท) เมนูนี้ดูเหมือนธรรมดา แต่ทางร้านมีเทคนิคพิเศษ คือนำเครื่องไปผัดก่อน แล้วค่อยราดบนไข่ ทำให้ได้รสชาติที่เข้มข้น หอมมันกว่าไข่กระทะทั่วไป
บักกุ๊ดเต๋ (165 บาท) หนึ่งในเมนูซิกเนเจอร์ที่ไม่ค่อยเห็นในร้านอาหารเช้า กว่าจะได้สูตรนี้คุณมิกซ์ต้องไปชิมจากหลายเจ้า ลองผิดลองถูกอยู่พักใหญ่ จนได้รสชาติที่ลงตัวเข้มข้นแบบจีน
ข้าวต้มปลา (65 บาท) อีกหนึ่งเมนูต้นตำรับที่ยังคงเสิร์ฟอยู่ตั้งแต่วันแรก วัตถุดิบสด รสชาติไม่ต้องปรุงเพิ่ม เหมาะกับเช้าที่อยากได้อะไรเบาๆ แต่คุณภาพแน่น

ขาหมูหมั่นโถว (95บาท) ขาหมูเปื่อยนุ่ม เคี่ยวจนรสชาติเข้าเนื้อ เสิร์ฟพร้อมหมั่นโถวนึ่งเหนียวนุ่มกำลังดี กินคู่กันคำต่อคำ ทั้งหอมทั้งละมุน

ขนมปังนึ่งสังขยา (70 บาท) ขนมปังนึ่งร้อนๆ เนื้อนุ่มฟู เสิร์ฟพร้อมสังขยาใบเตยหอมๆ รสชาตินุ่มละมุน ไม่หวานจัด

โกปี๊เวียดนามร้อน (65 บาท) กาแฟเวียดนามร้อนที่ชงด้วย ‘ฟินเวียดนาม’ แบบดั้งเดิม ปล่อยให้กาแฟค่อยๆ หยด ไหลผ่านช้าๆ ลงในนมข้นหวาน หอมมันเข้ากัน กาแฟรสเข้ม กลิ่นหอมคั่วชัดเจน

ไม่ว่าจะเป็นสายกาแฟ สายข้าวต้ม หรือสายติ่มซำ อาตี๋โกปี๊ มีให้เลือกครบ อยู่ที่ว่าเช้าวันนั้น คุณอยากเริ่มต้นแบบไหน

และแม้จะเป็นร้านที่เปิดมาเกือบ 20 ปีแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ ‘ความตั้งใจ’ โดยแนวคิดของร้านในตอนนี้คือการทำให้ทุกอย่างสม่ำเสมอที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องวัตถุดิบ ขั้นตอนการปรุง หรือรสชาติอาหาร ทุกจานต้องมีมาตรฐาน และทุกบริการต้องทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด

ในขณะเดียวกัน คุณมิกซ์ (ผู้เรียนทางด้าน food science) ก็ยังคงพัฒนาเมนูใหม่ๆ อยู่เสมอ มีหลายเมนูที่อยู่ในช่วงทดลอง และรอจังหวะเปิดตัวอย่างเต็มรูปแบบ หากเมนูไหนคุณภาพยังไม่ถึงก็ไม่รีบร้อน และถ้าเมนูไหนผ่านมาตรฐาน ก็จะพยายามรักษารสชาติและคุณภาพให้ดีที่สุด

ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่แค่การเพิ่มเมนู แต่คือความพยายามในการ ‘เติบโตอย่างมั่นคงและจริงใจ’ เพื่อให้ร้านแห่งนี้ยังคงอยู่ในใจของคนราชบุรีไปอีกนาน

มาเที่ยวราชบุรี แวะกินอาหารเช้า อาหารกลางวัน ซื้อเค้กโอ่งที่อาตี๋โกปี๊ได้ครับ

อาตี๋โกปี๊

พิกัด Rtee Kopi

เปิด-ปิด: 6.30-15.30 น. (ปิดวันพุธ)

FB: Facebook

เรื่องโดย: พัชรพล ธนินเปรมอนันต์