เปิด "ตำราอาหาร" ได้ที่นี่
Serves
4 คน
Level
2
ซีฟู้ดชุบแป้งทอดกรอบเนื้อโปร่งเบาจากฟองไข่ขาว นำไปทอดจนเหลืองกรอบ กินจิ้มกับซอสมายองเนสกระเทียมสไตล์ฝรั่งเศสเป็นอาหารปาร์ตี้แบบง่ายๆ
INGREDIENTS
กุ้งกุลาดำเด็ดหัวไว้หาง
150 กรัม
เนื้อปลาเก๋าหั่นแท่งยาว 2 นิ้ว
250 กรัม
น้ำมันมะกอก
1/4 ถ้วย
ไธม์ ออริกาโน อย่างละ
1/2 ช้อนชา
โรสแมรี พริกคาเยนป่น อย่างละ
1/4 ช้อนชา
ผงกระเทียม
1/2 ช้อนชา
ผงปาปริก้า พริกไทยป่น เกลือสมุทร อย่างละ
1/2 ช้อนชา
น้ำมันปาล์มสำหรับทอด
ไธม์และเลมอนหั่นเสี้ยวสำหรับจัดเสิร์ฟ
กระเทียมทั้งกลีบ
5 กลีบ
น้ำมันมะกอกสำหรับอบกระเทียม
1 ช้อนโต๊ะ
มายองเนส
1/2 ถ้วย
โฮลเกรนมัสตาร์ด
1 ช้อนชา
น้ำมะนาวหรือน้ำเลมอน
1/2 ช้อนชา
แป้งเค้ก
1 ถ้วย+2 ช้อนโต๊ะ
แป้งข้าวโพด
1 1/4 ถ้วย
น้ำเย็นจัด
1 ถ้วย
ไข่ขาวไข่ไก่
2 ฟอง
METHOD
1. ใส่กุ้งและปลากับเครื่องปรุงทั้งหมดเข้าด้วยกันในอ่างผสม เคล้าให้เข้ากัน พักไว้ในตู้เย็นช่องธรรมดาประมาณ 30 นาที
2. ทำซอสมายองเนสกระเทียมโดยอุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 200 องศาเซลเซียส เคล้ากลีบกระเทียมกับน้ำมันมะกอก ห่อด้วยแผ่นอะลูมิเนียมฟอยล์ อบในเตาอบที่อุ่นไว้ประมาณ 40 นาที จนกระเทียมนุ่ม นำกระเทียมออกจากเตาอบ บีบเอาแต่เนื้อกระเทียมด้านในที่นุ่มแล้ว ยีกระเทียมอบให้ละเอียด นำไปผสมกับมายองเนส โฮลเกรนมัสตาร์ด และน้ำมะนาวหรือน้ำเลมอน พักไว้
3. ทำแป้งสำหรับชุบทอดโดยผสมแป้งเค้ก 1 ถ้วย แป้งข้าวโพด น้ำเย็นจัด คนให้เข้ากัน พักไว้ ตีไข่ขาวด้วยตะกร้อจนขึ้นฟู นำไปผสมรวมกับส่วนผสมแป้งทั้งสองชนิด เตรียมไว้
4. ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟกลาง นำกุ้งและปลาออกจากตู้เย็น ซับให้แห้ง นำไปเคล้ากับแป้งเค้กที่เหลือบางๆ ชุบในส่วนผสมแป้งที่เตรียมไว้ นำลงทอดในน้ำมันร้อนจนสุกกรอบ ตักขึ้นพักไว้บนตะแกรง
5. จัดใส่จาน ตกแต่งด้วยไธม์และเลมอนหั่นเสี้ยว เสิร์ฟพร้อมกับซอสมายองเนสกระเทียม
อ่านบทความเพ่ิมเติม
Gallery
Recommended Articles
ขนมเทียนบ้านเชฟน่าน เป็นอาหารสัญชาติไหนก็ยากจะบอกได้ แต่รูปลักษณ์คล้ายกับขนมเทียนไหว้เจ้าของชาวจีน เป็นรูปสามเหลี่ยมปีระมิด ใช้แป้งข้าวเหนียวเป็นหลักมีผสมแป้งข้าวเจ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไส้ด้านในเป็นไส้คาว คือ หมูสับผัดกับกุ้งแห้ง เห็ดหูหนูดำ และต้นหอม กินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน เป็นเมนูที่ค่อนข้างซับซ้อน มีขั้นตอนในการทำมาก ดังนั้นจึงได้กินเมนูนี้ก็ในช่วงเวลาพิเศษจริง ๆ เช่น สงกรานต์ หรือ ปีใหม่ ที่มีวาระรวมญาติๆ มาล้อมวงช่วยกันปั้นขนมเทียน
อาหารว่างโบราณที่นับว่าหากินอยากอีกชนิดหนึ่งคือกระทงทอง นับวันจะยิ่งไม่ค่อยนิยมทำตามร้านอาหารเพราะต้องละเมียดในการทอดกระทงทีละชิ้น ทีละคำเพื่อใส่ไส้ อีกทั้งจะทอดทิ้งไว้ก็กลัวจะไม่อร่อย กระทงทองจึงเป็นอาหารที่นิยมทำกินเองที่บ้านหรือแจกจ่ายให้เพื่อนสนิทมิตรสหายรักเสียมากกว่า เมื่อได้แป้งกระทงทองที่กรอบบาง ไม่อมน้ำมันแล้ว ไส้กระทงทองก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบ เช่น ไส้ยำส้มโอ ไส้เมี่ยงลาว ไส้ปู ไส้ซอสขาว
เฉาก๊วยเนื้อหนึบหนับ รสชาติหวานกำลังดี กินเย็นๆแล้วชื่นใจสุดๆ เนื้อเฉาก๊วยดำๆนั้นเกิดจากการนำเอาหญ้าเฉาก๊วย มาล้างน้ำให้สะอาดก่อนจะนำไปต้มในน้ำเดือดกับใบเตย ต้มให้เปื่อยดีแล้วคันเอาแต่น้ำก็จะได้เนื้อเฉาก๊วยจากนั้นค่อยนำไปกวนกับน้ำตาลทรายแดงพอให้ละลายดีเข้ากันจากนั้นก็เติมแป้งมันที่ละลายน้ำแล้วก็จะได้เนื้อเฉาก๊วยหนึบหนับไว้กิน
ขนมเทียนบ้านเชฟน่าน เป็นอาหารสัญชาติไหนก็ยากจะบอกได้ แต่รูปลักษณ์คล้ายกับขนมเทียนไหว้เจ้าของชาวจีน เป็นรูปสามเหลี่ยมปีระมิด ใช้แป้งข้าวเหนียวเป็นหลักมีผสมแป้งข้าวเจ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไส้ด้านในเป็นไส้คาว คือ หมูสับผัดกับกุ้งแห้ง เห็ดหูหนูดำ และต้นหอม กินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน เป็นเมนูที่ค่อนข้างซับซ้อน มีขั้นตอนในการทำมาก ดังนั้นจึงได้กินเมนูนี้ก็ในช่วงเวลาพิเศษจริง ๆ เช่น สงกรานต์ หรือ ปีใหม่ ที่มีวาระรวมญาติๆ มาล้อมวงช่วยกันปั้นขนมเทียน
อาหารว่างโบราณที่นับว่าหากินอยากอีกชนิดหนึ่งคือกระทงทอง นับวันจะยิ่งไม่ค่อยนิยมทำตามร้านอาหารเพราะต้องละเมียดในการทอดกระทงทีละชิ้น ทีละคำเพื่อใส่ไส้ อีกทั้งจะทอดทิ้งไว้ก็กลัวจะไม่อร่อย กระทงทองจึงเป็นอาหารที่นิยมทำกินเองที่บ้านหรือแจกจ่ายให้เพื่อนสนิทมิตรสหายรักเสียมากกว่า เมื่อได้แป้งกระทงทองที่กรอบบาง ไม่อมน้ำมันแล้ว ไส้กระทงทองก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบ เช่น ไส้ยำส้มโอ ไส้เมี่ยงลาว ไส้ปู ไส้ซอสขาว
เฉาก๊วยเนื้อหนึบหนับ รสชาติหวานกำลังดี กินเย็นๆแล้วชื่นใจสุดๆ เนื้อเฉาก๊วยดำๆนั้นเกิดจากการนำเอาหญ้าเฉาก๊วย มาล้างน้ำให้สะอาดก่อนจะนำไปต้มในน้ำเดือดกับใบเตย ต้มให้เปื่อยดีแล้วคันเอาแต่น้ำก็จะได้เนื้อเฉาก๊วยจากนั้นค่อยนำไปกวนกับน้ำตาลทรายแดงพอให้ละลายดีเข้ากันจากนั้นก็เติมแป้งมันที่ละลายน้ำแล้วก็จะได้เนื้อเฉาก๊วยหนึบหนับไว้กิน
ขนมเทียนบ้านเชฟน่าน เป็นอาหารสัญชาติไหนก็ยากจะบอกได้ แต่รูปลักษณ์คล้ายกับขนมเทียนไหว้เจ้าของชาวจีน เป็นรูปสามเหลี่ยมปีระมิด ใช้แป้งข้าวเหนียวเป็นหลักมีผสมแป้งข้าวเจ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไส้ด้านในเป็นไส้คาว คือ หมูสับผัดกับกุ้งแห้ง เห็ดหูหนูดำ และต้นหอม กินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน เป็นเมนูที่ค่อนข้างซับซ้อน มีขั้นตอนในการทำมาก ดังนั้นจึงได้กินเมนูนี้ก็ในช่วงเวลาพิเศษจริง ๆ เช่น สงกรานต์ หรือ ปีใหม่ ที่มีวาระรวมญาติๆ มาล้อมวงช่วยกันปั้นขนมเทียน
อาหารว่างโบราณที่นับว่าหากินอยากอีกชนิดหนึ่งคือกระทงทอง นับวันจะยิ่งไม่ค่อยนิยมทำตามร้านอาหารเพราะต้องละเมียดในการทอดกระทงทีละชิ้น ทีละคำเพื่อใส่ไส้ อีกทั้งจะทอดทิ้งไว้ก็กลัวจะไม่อร่อย กระทงทองจึงเป็นอาหารที่นิยมทำกินเองที่บ้านหรือแจกจ่ายให้เพื่อนสนิทมิตรสหายรักเสียมากกว่า เมื่อได้แป้งกระทงทองที่กรอบบาง ไม่อมน้ำมันแล้ว ไส้กระทงทองก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบ เช่น ไส้ยำส้มโอ ไส้เมี่ยงลาว ไส้ปู ไส้ซอสขาว
เฉาก๊วยเนื้อหนึบหนับ รสชาติหวานกำลังดี กินเย็นๆแล้วชื่นใจสุดๆ เนื้อเฉาก๊วยดำๆนั้นเกิดจากการนำเอาหญ้าเฉาก๊วย มาล้างน้ำให้สะอาดก่อนจะนำไปต้มในน้ำเดือดกับใบเตย ต้มให้เปื่อยดีแล้วคันเอาแต่น้ำก็จะได้เนื้อเฉาก๊วยจากนั้นค่อยนำไปกวนกับน้ำตาลทรายแดงพอให้ละลายดีเข้ากันจากนั้นก็เติมแป้งมันที่ละลายน้ำแล้วก็จะได้เนื้อเฉาก๊วยหนึบหนับไว้กิน
Recommended Videos