เปิด "ตำราอาหาร" ได้ที่นี่
Serves
6 คน
Level
2
INGREDIENTS
แห้วดิบ
500 กรัม
แป้งมัน
2 ถ้วย
สีฝางเข้มข้น*
อุปกรณ์ กระชอนตาถี่สำหรับร่อนทับทิมกรอบ
น้ำหรือน้ำลอยดอกมะลิ
2 ถ้วย
น้ำตาลทราย
400 กรัม
หัวกะทิ
2 ถ้วย (มะพร้าวขูดขาว 1 กิโล คั้นไม่ใส่น้ำ)
เกลือสมุทร
1/4 ช้อนชา
ใบเตยมัดปม
1 มัด
น้ำเชื่อมลอยดอกไม้
1 3/4 ถ้วย
METHOD
วิธีทำน้ำเชื่อมลอยดอกไม้
- ใส่น้ำลอยดอกมะลิและน้ำตาลทรายลงในหม้อ ยกขึ้นตั้งบนไฟกลางจนน้ำตาลละลายหมด ปิดไฟ พักไว้ให้เย็นสนิท
วิธีทำน้ำกะทิ
- ใส่หัวกะทิ เกลือสมุทรและใบเตยมัดปมลงในหม้อ ยกขึ้นตั้งบนไฟอ่อน คนไปเรื่อยๆจนกะทิเริ่มร้อน (อย่าปล่อยให้กะทิเดือด มิเช่นนั้นจะแตกมัน) ใส่น้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ คนให้เข้ากัน รอให้น้ำกะทิร้อนขึ้นเล็กน้อย ปิดไฟ
วิธีทำทับทิมกรอบ
- ล้างแห้วหลายๆน้ำจนสะอาด ปอกเปลือกออกจนหมด จะได้แห้วประมาณ 325 กรัม ล้างน้ำสะอาดอีกครั้ง หั่นเป็นสี่เหลี่ยมด้านเท่าขนาด 0.5 ซม. พักไว้
- ตั้งหม้อน้ำบนไฟแรง รอจนเดือด นำแห้วที่หั่นไว้ลงลวกประมาณ 30 วินาทีจนสุก ตักขึ้นผ่านน้ำเย็นจัด แล้วสงขึ้นตะแกรงสะเด็ดน้ำพอหมาด แต่ต้องไม่แห้ง ใส่แห้วลงในอ่างผสม ใส่สีฝางเข้มข้นที่เตรียมไว้ตามความชอบ เคล้าให้ติดกันโดยทั่ว พักไว้อย่างน้อย 10 นาทีให้แห้วดูดสี ก่อนนำไปเคล้าแป้งมัน
- เตรียมอ่างผสมขนาดกำลังพอดี 2 ใบ และกระชอน1อัน อ่างผสมใบแรกใส่แป้งมัน อ่างผสมอีกใบวางกระชอนตาถี่พาดปากชามรอไว้ แบ่งแห้วที่ชุบสีแล้วประมาณ 1/3 ส่วนใส่ลงในอ่างแป้งมัน ใช้มือคลุกเคล้าให้แห้วกระจายตัวในแป้งมันได้ดีขึ้น เทแห้วที่คลุกแป้งทั้งหมดลงในอ่างผสมที่มีกระชอนรออยู่ ร่อนแป้งมันส่วนเกินออกจนหมด ใช้เฉพาะเนื้อแห้วที่ติดแป้งทั่วสนิท เมื่อไม่มีแป้งส่วนเกินแล้ว เทใส่ถาดเตรียมไว้ ทำเช่นเดียวกันนี้กับแห้วคลุกสีที่เหลือทั้งหมด หากทำเช่นนี้ชั้นของแห้วจะสุกใส สวยงาม
- เตรียมลวกทับทิมกรอบโดยตั้งหม้อน้ำบนไฟกลางค่อนแรง เตรียมอ่างใส่น้ำเย็นจัด และอ่างใส่น้ำเชื่อมลอยดอกไม้ไว้ พอน้ำในหม้อเดือดพล่าน นำทับทิมกรอบลงลวก (แบ่งลวก 3 รอบ) สังเกตทับทิมกรอบจะเริ่มลอยขึ้นและแป้งสุกใส มองเห็นเนื้อแห้วด้านใน ใช้กระชอนตาหยาบ ตักทับทิมกรอบขึ้นใส่น้ำเย็นจัด (น้ำใส่น้ำแข็ง) พอหายร้อนแล้วตักทับทิมกรอบย้ายไปใส่อ่างน้ำเชื่อมที่เตรียมไว้ ทำเช่นเดียวกันกับทับทิมกรอบที่เหลือ แช่ทับทิมกรอบไว้ในน้ำเชื่อมสักครู่ เมล็ดทับทิมจะเริ่มอิ่มตัวและใสขึ้น
วิธีจัดเสิร์ฟ
- ตักทับทิมกรอบใส่ถ้วย ราดด้วยน้ำกะทิ ใส่น้ำแข็งป่นตามชอบ รับประทานเย็นๆ
หมายเหตุ
- สกัดสีฝางธรรมชาติโดยล้างฝาง 2 แท่งให้สะอาด ใส่ลงในหม้อพร้อมกับน้ำสะอาด 1 ถ้วย ค่อยๆเคี่ยวด้วยไฟอ่อนจนได้สีแดงอมชมพูเข้ม เคี่ยวไปเรื่อยๆจนเหลือน้ำสีแดงเข้มประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ
Gallery
Recommended Articles
"กล้วยปิ้งทรงเครื่องซอสคาราลเมลกะทิ" ชวนทำเมนูกล้วยปิ้งที่หน้าตาธรรมดา ให้สวยงาม เข้าถึงง่าย ถ่ายรูปสวย และยังเหลือความอร่อยแบบดั้งเดิมของเมนูนี้อยู่ ด้วยการเพิ่มท็อปปิ้งหลายสี ปรับสูตรซอสกะทิที่ราดให้มีความทันสมัยขึ้น จากที่ใช้น้ำตาลมะพร้าวไปเคี่ยวกับกะทิเฉยๆ ก็เพิ่มน้ำตาลทรายที่นำมาทำให้ไหม้ จนกลายเป็นคาราเมล แล้วค่อยนำไปผสมกับซอสกะทิสูตรปกติ
ลงสรง เมนูนี้จะแบ่งองค์ประกอบออกเป็น 4 อย่าง อย่างแรก คือ ผัดวุ้นเส้น ปรุงรสชาติอ่อนๆ ลิ้นหมูและหูหมูต้มพะโล้ ซึ่งปกติแล้วที่บ้านเชฟน่านจะมีเจ้าอร่อย ไม่ได้ทำเอง ซื้อมาแล้วเอามาหั่นเป็นชิ้นพอคำ ต่อมาคือ ผักสดนานาชนิด ทั้งผักใบ ผักหอมสมุนไพรต่างๆ อาทิ ผักชี โหระพา สะระแหน่ ผักแพ้ว เพียบ! และสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ก็คือ น้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ออกสีเหลืองอมชมพู วิธีรับประทานให้เด็ดผักต่างๆใส่ในชามตามชอบ ตามด้วยผัดวุ้นเส้น หูหมูเเละลิ้นหมูตุ๋นพะโล้ ปิดท้ายด้วยน้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ เคล้าให้เข้ากัน กินองค์ประกอบครบทั้ง 4 อย่างพร้อมกันในคำเดียว อร่อยมากๆ
มะเขือเทศอบแห้งหรือตากแห้งเป็นภูมิปัญญาของชนชาติอิตาเลียนที่ผูกพันธ์กับมะเขือเทศเป็นชีวิตจิตใจจนหาวิธีถนอมมะเขือเทศเทศลูกเล็กใหญ่ให้ออกมาเป็นของแห้งเก็บไว้กินได้นานขึ้น วิธีการทำก็ไม่ยากเลย หาช่วงที่อากาศเป็นใจ แดดร้อนจัดๆ นำมะเขือเทศผ่าครึ่งแล้วโรยเกลือไปตากแดด 7-10วันจนแห้งสนิท แล้วเก็บไว้ในน้ำมันมะกอก ใครชอบกลิ่นเครื่องเทศ สมุนไพรหน่อยจะใส่กระเทียม พริกไทยเข้าไป น้ำมันนี้เอาไปผัดพาสต้าหรือใส่น้ำสลัดก็อร่อย หาวันที่ฟ้าฝนเป็นใจแล้วลองทำดูค่ะ
"กล้วยปิ้งทรงเครื่องซอสคาราลเมลกะทิ" ชวนทำเมนูกล้วยปิ้งที่หน้าตาธรรมดา ให้สวยงาม เข้าถึงง่าย ถ่ายรูปสวย และยังเหลือความอร่อยแบบดั้งเดิมของเมนูนี้อยู่ ด้วยการเพิ่มท็อปปิ้งหลายสี ปรับสูตรซอสกะทิที่ราดให้มีความทันสมัยขึ้น จากที่ใช้น้ำตาลมะพร้าวไปเคี่ยวกับกะทิเฉยๆ ก็เพิ่มน้ำตาลทรายที่นำมาทำให้ไหม้ จนกลายเป็นคาราเมล แล้วค่อยนำไปผสมกับซอสกะทิสูตรปกติ
ลงสรง เมนูนี้จะแบ่งองค์ประกอบออกเป็น 4 อย่าง อย่างแรก คือ ผัดวุ้นเส้น ปรุงรสชาติอ่อนๆ ลิ้นหมูและหูหมูต้มพะโล้ ซึ่งปกติแล้วที่บ้านเชฟน่านจะมีเจ้าอร่อย ไม่ได้ทำเอง ซื้อมาแล้วเอามาหั่นเป็นชิ้นพอคำ ต่อมาคือ ผักสดนานาชนิด ทั้งผักใบ ผักหอมสมุนไพรต่างๆ อาทิ ผักชี โหระพา สะระแหน่ ผักแพ้ว เพียบ! และสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ก็คือ น้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ออกสีเหลืองอมชมพู วิธีรับประทานให้เด็ดผักต่างๆใส่ในชามตามชอบ ตามด้วยผัดวุ้นเส้น หูหมูเเละลิ้นหมูตุ๋นพะโล้ ปิดท้ายด้วยน้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ เคล้าให้เข้ากัน กินองค์ประกอบครบทั้ง 4 อย่างพร้อมกันในคำเดียว อร่อยมากๆ
มะเขือเทศอบแห้งหรือตากแห้งเป็นภูมิปัญญาของชนชาติอิตาเลียนที่ผูกพันธ์กับมะเขือเทศเป็นชีวิตจิตใจจนหาวิธีถนอมมะเขือเทศเทศลูกเล็กใหญ่ให้ออกมาเป็นของแห้งเก็บไว้กินได้นานขึ้น วิธีการทำก็ไม่ยากเลย หาช่วงที่อากาศเป็นใจ แดดร้อนจัดๆ นำมะเขือเทศผ่าครึ่งแล้วโรยเกลือไปตากแดด 7-10วันจนแห้งสนิท แล้วเก็บไว้ในน้ำมันมะกอก ใครชอบกลิ่นเครื่องเทศ สมุนไพรหน่อยจะใส่กระเทียม พริกไทยเข้าไป น้ำมันนี้เอาไปผัดพาสต้าหรือใส่น้ำสลัดก็อร่อย หาวันที่ฟ้าฝนเป็นใจแล้วลองทำดูค่ะ
"กล้วยปิ้งทรงเครื่องซอสคาราลเมลกะทิ" ชวนทำเมนูกล้วยปิ้งที่หน้าตาธรรมดา ให้สวยงาม เข้าถึงง่าย ถ่ายรูปสวย และยังเหลือความอร่อยแบบดั้งเดิมของเมนูนี้อยู่ ด้วยการเพิ่มท็อปปิ้งหลายสี ปรับสูตรซอสกะทิที่ราดให้มีความทันสมัยขึ้น จากที่ใช้น้ำตาลมะพร้าวไปเคี่ยวกับกะทิเฉยๆ ก็เพิ่มน้ำตาลทรายที่นำมาทำให้ไหม้ จนกลายเป็นคาราเมล แล้วค่อยนำไปผสมกับซอสกะทิสูตรปกติ
ลงสรง เมนูนี้จะแบ่งองค์ประกอบออกเป็น 4 อย่าง อย่างแรก คือ ผัดวุ้นเส้น ปรุงรสชาติอ่อนๆ ลิ้นหมูและหูหมูต้มพะโล้ ซึ่งปกติแล้วที่บ้านเชฟน่านจะมีเจ้าอร่อย ไม่ได้ทำเอง ซื้อมาแล้วเอามาหั่นเป็นชิ้นพอคำ ต่อมาคือ ผักสดนานาชนิด ทั้งผักใบ ผักหอมสมุนไพรต่างๆ อาทิ ผักชี โหระพา สะระแหน่ ผักแพ้ว เพียบ! และสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ก็คือ น้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ออกสีเหลืองอมชมพู วิธีรับประทานให้เด็ดผักต่างๆใส่ในชามตามชอบ ตามด้วยผัดวุ้นเส้น หูหมูเเละลิ้นหมูตุ๋นพะโล้ ปิดท้ายด้วยน้ำจิ้มเต้าหู้ยี้ เคล้าให้เข้ากัน กินองค์ประกอบครบทั้ง 4 อย่างพร้อมกันในคำเดียว อร่อยมากๆ
มะเขือเทศอบแห้งหรือตากแห้งเป็นภูมิปัญญาของชนชาติอิตาเลียนที่ผูกพันธ์กับมะเขือเทศเป็นชีวิตจิตใจจนหาวิธีถนอมมะเขือเทศเทศลูกเล็กใหญ่ให้ออกมาเป็นของแห้งเก็บไว้กินได้นานขึ้น วิธีการทำก็ไม่ยากเลย หาช่วงที่อากาศเป็นใจ แดดร้อนจัดๆ นำมะเขือเทศผ่าครึ่งแล้วโรยเกลือไปตากแดด 7-10วันจนแห้งสนิท แล้วเก็บไว้ในน้ำมันมะกอก ใครชอบกลิ่นเครื่องเทศ สมุนไพรหน่อยจะใส่กระเทียม พริกไทยเข้าไป น้ำมันนี้เอาไปผัดพาสต้าหรือใส่น้ำสลัดก็อร่อย หาวันที่ฟ้าฝนเป็นใจแล้วลองทำดูค่ะ
Recommended Videos