มะเขือม่วงมากประโยชน์ แปลงร่างเป็นอาหารญี่ปุ่นแสนอร่อย
ปกติ ‘มะเขือ’ ที่เป็นผักแสนอร่อยและเป็นของโปรดใครหลายๆ คน มักจะไปอยู่ในรูปแบบที่เป็นเครื่องเคียงต่างๆ เช่นมะเขือชุบไข่ทอด มะเขือลวก หรือแม้กระทั่งนำมะเขือไปเผาหรือต้มเอามาทำเป็นน้ำพริกหรือเป็นตำมะเขือ ที่มักจะเป็นเครื่องจิ้ม หรือจะไปอยู่ในแกง เช่นแกงเขียวหวาน แกงแดง หรือว่าแกงป่า บางคนก็กินมะเขือชนิดลูกเล็กๆ แบบสดเป็นผักแนม แต่จะมีมะเขืออยู่ชนิดหนึ่ง ที่คนไทยไม่ค่อยคุ้นเคยกับมันมากนัก นั่นก็คือ ‘มะเขือม่วง’ หรือว่า ‘Eggplant’
อาจจะมีคนแย้งขึ้นมาได้ว่า เอ้า!ก็มีอยู่ที่ตลาดนี่ ลูกเล็กๆ ใช่ค่ะ แต่มะเขือม่วงที่เราหมายถึงคือมะเขือม่วงลูกใหญ่ๆ ยาวๆ ที่มีก้านสีเขียวหรือดำก็แล้วแต่พันธุ์ ความใหญ่ๆ ยาวๆ ที่ว่านี่เราหมายถึงมีลักษณะที่ใหญ่มากๆ น้ำหนักต่อลูก 150-300 กรัม หรือมากกว่านั้น และแบบเรียวยาวก็หนักตั้งแต่ 100-200 กรัมกันเลย ข้อดีของมะเขือม่วงไม่ใช่แค่ใหญ่อย่างเดียวนะ เนื้อสัมผัสของมะเขือม่วงลูกใหญ่จะเนื้อเยอะเปลือกมีความหนากว่า มีรสชาติหวาน เมื่อสุกแล้วเนื้อจะนุ่ม และยังมีประโยชน์มากอีกด้วย
สีม่วงที่เห็นๆ กัน เกิดการสารแอนโทไซยานิน ซึ่งสารตัวนี้เนี่ยแหละที่ทำให้มะเขือม่วงเป็นผักที่ควรค่าแก่การรับประทานที่สุด เพราะมีความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระได้สูง และยังพบสารต้านอนุมูลอิสระอื่นๆ เช่น สารโพลีฟีนอลและกรดคลอโรจินิก รวมทั้งวิตามิน แร่ธาตุอื่นๆ อีกมากมายที่ส่งผลต่อร่างกายดังนี้
- ลดการอักเสบและช่วยสมานแผล
- ปกป้องหลอดเลือด กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจหลอดเลือด
- ลดคอเลสเตอรอลในเลือด เพราะแอนโทไซยานินมีฤทธิ์ขยายเส้นเลือด ลดความเสี่ยงการเป็นโรคหัวใจและอัมพาต
- ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองและป้องกันโรคที่มักเกิดในผู้สูงอายุ เช่น โรคอัลไซเมอร์
- ช่วยต้านมะเร็ง อย่างที่รู้จักกันดี เมื่อใดที่มีสารต้นอนุมูลอิสระ ก็จะสามารถช่วยต้านมะเร็งได้อย่างดี
- ป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุนและปัญหาเกี่ยวกับกระดูก เพราะมีสารประกอบฟีนอล ช่วยบำรุงและเพิ่มความหนาแน่นของมวลกระดูก
- ช่วยรักษาโรคโลหิตจาง เพราะมีวิตามินบี 2 มีส่วนช่วยในการป้องกันโลหิตจาง
ทั้งใหญ่และมีประโยชน์เยอะขนาดนี้ ชาวครัวอย่างเราจะไม่นำมาทำอาหารได้อย่างไร แต่เอ๊ะ…จะเอามาชุบไข่ทอด กินกับน้ำพริกมันก็คงจะธรรมดาเกินไปหน่อย สายครีเอทอย่างเราๆ มันก็ต้องหาทำเมนูที่มันดูหรูหราหมาเห่ากันหน่อย ก็เอามาทำเป็น ‘อาหารญี่ปุ่น’ กันไปเลยสิคะ
เมื่อลองหาข้อมูลของมะเขือม่วงดูแล้ว จริงๆ คนญี่ปุ่นนิยมบริโภคมะเขือม่วงเยอะกว่าบ้านเรามาก เลยมักจะมีเมนูมะเขือม่วงให้เราได้ลองทำตามกันอยู่บ้าง ด้วยเนื้อของมะเขือม่วงถ้ามาเอามาทำให้สุกแล้วจะมีลักษณะนุ่มและรสชาติออกหวาน เวลาเอามาปรุงก็จะสามารถใช้แทนเนื้อสัตว์หลักได้เลยเพราะขนาดใหญ่พอสมควร
วันนี้เราเลยจะมาทำเมนูที่ใช้มะเขือม่วงเป็นหลัก แบบไร้เนื้อสัตว์ แต่เสมือนเนื้อสัตว์ที่นุ่มหวานอร่อยถึง 3 เมนูด้วยกัน เริ่มจากเมนูแรก ข้าวหน้ามะเขือม่วง ดูจากรูปก็แอบคล้ายอูนางิด้งหรือข้าวหน้าปลาไหลเหมือนกันนะ ถ่ายรูปเอาไปหลอกเพื่อนว่า ฉันทำข้าวหน้าปลาไหลกินเองที่บ้าน เพื่อนก็เชื่อนะเนี่ย
เราเลือกใช้มะเขือม่วงลูกยาว ขนาด (100-150กรัม) เอาให้ขนาดที่ไม่ใหญ่เกินหรือไม่ยาวจนเกินไป หรือถ้ายาวก็ตัดครึ่งเขาสักหน่อย ให้ขนาดมันพอจะวางบนข้าวได้ เนื่องจากเมนูนี้เราอยากให้เนื้อมะเขือม่วงนุ่มนิ่ม คล้ายกินปลาไหล เลยนำมะเขือม่วงไปนึ่งเสียก่อน ให้มะเขือม่วงสุกนิ่ม สามารถเช็คความสุกได้โดยเอาไม้ปลายแหลมจิ้มให้ถึงกลางลูก ถ้าจิ้มลงไปได้ง่ายก็ถือว่าเป็นอันสุกใช้ได้
จากนั้นผ่าครึ่งมะเขือม่วงตามยาว แต่ไม่ให้ขาดออกจากกัน บั้งตามขวางถี่ๆ ให้มีลักษณะคล้ายตาราง นำไปย่างในกระทะให้เกรียมเล็กน้อย ใส่ซอสที่ผสมซีอิ๊ว สาเก มิริน น้ำตาลทรายและน้ำลงไป เคี่ยวจนซอสเข้าเนื้อมะเขือม่วง อย่าให้งวดจนเกินไป เหลือซอสไว้ประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ วางลงบนข้าวราดซอส โรยงาขาวคั่วและต้นหอม เท่านี้เป็นอันเรียบร้อย
- เมนูนี้ไม่แนะนำให้ใช้มะเขือม่วงลูกใหญ่ เพราะจะใช้เวลาในการนึ่งนานมาก และเปลือกค่อนข้างหนาจะทำให้เหนียว
เมนูนี้หน้าตาดูญี่ปุ๊นญี่ปุ่น นั่นก็คือ ข้าวแกงกะหรี่มะเขือม่วง นำมะเขือม่วงลูกใหญ่มาหั่นเป็นแผ่นหนาเอามาชุบแป้ง ชุบเกล็ดขนมปัง จากนั้นทอดให้มะเขือม่วงสุก เพื่อนำมาแทนหมูทอดทงคัตสึ สามารถหั่นให้บางลงได้ แต่สำหรับคนที่ชอบแบบกรอบนอกนุ่มในให้หั่นหนาหน่อย และเพิ่มเวลาในการทอดให้นานขึ้น
เคล็ดไม่ลับที่ทำให้แกงกะหรี่ญี่ปุ่นอร่อยอย่างรวดเร็วไม่ต้องรอนาน ก็คือขูดเนื้อแอปเปิลใส่ลงไปในแกงกะหรี่ ซึ่งปกติจะหั่นใส่เป็นชิ้นๆ เพื่อให้เนื้อแอปเปิ้ลค่อยๆ ละลาย ทางลัดของเราก็คือขูดลงไปเลยค่ะ ใช้เวลาแค่ 20 นาที ให้แค่มันฝรั่งและแครอทสุกเท่านั้นก็เป็นอันใช้ได้
คลิกสูตรข้าวแกงกะหรี่มะเขือม่วง
- สามารถใช้มะเขือม่วงยาวทอดได้สไลซ์เป็นชิ้นๆ แต่จะไม่ได้เนื้อสัมผัสความนุ่มแบบเนื้อมะเขือม่วงลูกใหญ่ เพราะมีความหนากว่า
เมนูสุดท้าย ท้ายสุด แต่เป็นเมนูเบสิคที่คนชอบกินมะเขือม่วงลูกใหญ่ๆ น่าจะเคยทำกันมาอยู่บ้าง นั่นก็คือ มะเขือม่วงย่างซอสมิโสะ ความหวานของมะเขือม่วงและความเค็มนัวของมิโสะ เป็นอะไรที่ลงตัวสุดๆ และบอกได้เลยว่าวิธีทำง่ายมากกกก ใช้เพียงกระทะใบเดียวเท่านั้น
เริ่มแรกให้ใส่น้ำมันลงในกระทะเล็กน้อย รอจนกระทะร้อนจัด นำมะเขือม่วงผ่าครึ่งลูกลงไปย่างจนสีสวย จากนั้นทาซอสมิโสะบนมะเขือม่วง เติมน้ำลงในกระทะ ปิดฝาอบจนมะเขือม่วงสุก ระหว่างอบก็เปิดฝาทาซอสเรื่อยๆ จนซอสเข้าเนื้อมะเขือดี เวลาจะกินก็โรยพริกญี่ปุ่น ต้นหอม และงาขาวคั่วหน่อย จะกินเปล่าๆ ก็ได้ กินกับสลัดก็อร่อย
คลิกสูตรมะเขือม่วงย่างซอสมิโสะ
- เมนูนี้ใช้มะเขือม่วงลูกยาวหรือใหญ่ตามความชอบได้เลย ถ้าใครชอบแบบเนื้อหนานุ่มใช้ลูกใหญ่ ใครชอบแบบนุ่มเละทานง่ายก็ลูกยาวได้จ้า
ทั้ง 3 เมนู เป็นเมนูที่ไม่ยากแต่ดูดีใช้ได้เลยใช่ไหมล่ะ พิกัดซื้อมะเขือม่วงก็สามารถหาซื้อได้ตามซูเปอร์มาร์เก็ตหรือตลาดสดขนาดใหญ่หน่อย ใครมีเมนูสุดครีเอทที่ทำจากมะเขือม่วงเมนูไหนอีก สามารถคอมเมนต์อวดรูปกันได้นะคะ ช่วงนี้อินมะเขือม่วงหนักมาก เห็นว่าช่วยเรื่องกระดูกกระเดี้ยว สาวออฟฟิศที่มีโรคประจำตัวอย่างปวดหลังบ้าง ปวดคอบ้าง ก็ต้องหาเมนูใหม่ๆ มาทำกินอีกแล้ว เผื่อจะช่วยให้ปวดหลังน้อยลง ฮือๆ
อ้างอิง
อ่านบทความเพิ่มเติม
Contributor
Recommended Articles
Recommended Videos