เปิด "ตำราอาหาร" ได้ที่นี่

 

cooking post

แจกสูตรเค้กโบราณตำนานแห่งยุค 90 เนื้อนุ่มชุ่มซอสส้ม ต้นทุนไม่ถึง 10 บาท! 

Story by นภาพร สิมณี

รสชาติในตำนาน อร่อยย้อนวัย ประทับใจเมื่อได้กิน

พ่อค้าแม่ค้าขายขนมเชิญทางนี้ ครัวมีสูตร ‘เค้กโบราณ’ รสชาติในตำนานที่ไม่ว่าใครๆ ก็ซื้อเป็นของขวัญปีใหม่ รสชาติที่ทุกคนจะต้องถึงบางอ้อ เมื่อเห็นหน้าตาของขนมเค้กโบราณ

 

 

 

 

เค้กโบราณเป็นเนื้อเค้กสปันจ์วานิลลาธรรมดา ที่ราดด้วยแยมส้มหรือซอสส้ม บีบบัตเตอร์ครีมเป็นลายดอกไม้เล็กๆ ง่ายๆ ไม่ใช่เค้กเวอร์วังอะไร แต่ด้วยความเรียบง่ายแบบนี้นี่แหละ ที่ทำให้เค้กชนิดนี้เคยฮอตฮิตติดลมบน จนกลายเป็นเค้กที่ต้องซื้อฝากกันในวันปีใหม่ หรือเทศกาลต่างๆ

 

 

 

 

ความฮิตของเค้กโบราณค่อยๆ น้อยลง เพราะมีคนทำเค้กสูตรอื่นๆ เป็นมากขึ้น ทั้งอร่อย ถ่ายรูปสวย เลยเป็นที่นิยมแทนในปัจจุบันสังเกตจากคาเฟ่ที่เปิดมากขึ้น ทั้งในต่างจังหวัดและในกรุงเทพฯ และอีกเหตุผลที่ทำให้เค้กชนิดนี้ไม่ได้ป๊อปปูล่าเท่าเค้กชนิดอื่นๆ เพราะหน้าตาเค้กอาจจะดูไม่ทันสมัย ถ่ายรูปออกมาอาจจะไม่สวยเท่า และที่สำคัญอีกอย่างนึงคือ ‘เนื้อเค้กแห้ง’ ไม่ได้นุ่มละลายในปาก อาจจะเพราะราคาตลาดที่ขายกันของเค้กชนิดนี้ค่อนข้างถูก เนื้อเค้กเลยต้องแลกมาด้วยความแห้ง ไม่ชุ่มฉ่ำ เพื่อคุมต้นทุนไม่ให้สูงจนเกินไป และยังขายได้ในตลาด

 

 

 

 

 

 

 

แต่วันนี้เรามีสูตรที่เนื้อเค้ก นุ่ม!! แต่ก็ยังควบคุมต้นทุนไม่ให้แพงเกินกว่าราคาตลาดมากนะ และก็ต้องบอกก่อนว่าจะหวังให้เค้กสูตรนี้ชุ่มฉ่ำ ละลายในปาก เหมือนเค้กราคาสูงๆ ก็คงจะไม่ถึงขั้นนั้น แต่รับรองว่าไม่แห้งจนฝืดคอแน่นอน

 

 

 

 

 

 

 

เนื้อเค้กของเราในวันนี้จะใช้เป็น ‘เนื้อสปันจ์’ ที่มีไข่เป็นส่วนผสมหลัก ในการทำเค้กชนิดนี้ และเรามีตัวช่วยอย่าง SP ที่เป็นสารเสริมในการช่วยตีไข่ให้ขึ้นฟู ไม่ยุบตัวง่าย และอยู่ตัวได้นาน เหมาะกับสายเบเกอร์รีที่ต้องตีส่วนผสมเค้กไว้ทีละเยอะๆ แล้วต้องทยอยเอาเข้าอบ สารเสริม SP ถือว่าเป็นตัวช่วยร้านเบเกอร์รีหลายๆ ร้าน โดยวิธีใช้ก็สามารถใส่ลงไปในโถตีได้เลย หรือปาดไว้ที่หัวตีก็ได้ (เพื่อให้ SP กระจายทั่ว) และถ้าถามว่าทำกินที่บ้านไม่ใช้สารเสริมได้ไหม ได้! แต่ข้อควรระวังคือเมื่อผสมส่วนผสมเสร็จแล้วต้องนำเข้าอบทันที ไข่ไก่ที่ใช้ต้องมั่นใจว่าสดจริง ตีขึ้นฟูได้ดี

 

 

 

 

 

 

 

 

เริ่มทำเนื้อสปันจ์โดยใส่แป้งเค้กน้ำตาลทรายขาว เกลือป่น ผงฟู ไข่ไก่ กลิ่นวานิลลาและนมสดจืด

 

 

 

 

 

 

 

 

ปาด SP ไว้ที่หัวตะกร้อตี จากนั้นตีสปีดต่ำเพื่อให้เนื้อเค้กเข้ากันประมาณ 4 นาที ครบเวลาตีต่อด้วยสปีดสูงสุด 6 นาที จนเนื้อเค้กมีเนื้อที่ฟู จากนั้นลดเป็นสปีดต่ำ ตีต่ออีก 1 นาที ระหว่างนั้นค่อยๆ เทน้ำมันพืชลงไปจนหมด ปิดเครื่อง ใช้ไม้พายคนส่วนผสมจากก้นโถขึ้นมาด้านบนพอเข้ากัน เนื้อเค้กที่ผสมเสร็จแล้ว เมื่อนำมาวาดจะเป็นเส้นๆ เนื้อจะมีความหนักเล็กน้อย ระหว่างนี้อย่าลืมไปอุ่นเตาอบที่ อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เตรียมไว้ด้วยละ

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

นำกระดาษรองคัพเค้กวางใส่พิมพ์ขันข้าวขนาด 8.5-9 cm เทเนื้อสปันส์ลงในถ้วย (ถ้วยละ 40 กรัม) เคาะไล่ฟองอากาศออกซัก 2 ที ทำจนหมด นำเข้าอบในเตาอบที่อุ่นไว้ อบนาน 15 นาที เสร็จแล้วนำออกมาพักให้เย็น

 

 

 

 

 

 

 

ระหว่างรอให้เตรียมซอสส้มโดยใส่น้ำส้มเข้มข้น น้ำ น้ำตาลทรายขาวและแป้งกวนไส้ลงในหม้อใช้ตะกร้ามือคนให้เข้ากัน ยกขึ้นตั้งไฟกลางค่อนอ่อน คนอย่างสม่ำเสมอเพื่อไม่ให้ซอสไหม้ เมื่อได้ความข้นที่ต้องการ ปิดไฟใส่เนยจืดลงไป คนให้เนยละลายเป็นอันใช้ได้ น้ำส้มเข้มข้นให้ที่ใช้ในสูตรนี้เป็นยี่ห้อซันควิซ ราคาจะค่อนข้างสูง แต่รสชาติจะเปรี้ยวนม กลิ่นส้มชัดเจน ถ้าอยากลดต้นทุนมากกว่านี้ ให้ใช้ยี่ห้อที่ถูกลงมา

 

 

 

 

 

 

 

ใช้ช้อนตักซอสส้มที่ยังอุ่นๆ ย้ำ ‘อุ่นๆ’ มาราดบนหน้าเค้ก ราดแบบมั่นใจครั้งเดียว ความร้อนที่อยู่ในซอสจะช่วยให้หน้าขนมเรียบสวย ไม่แนะนำให้ใช้ช้อนเกลี่ยหลังจากซอสเริ่มเซ็ตตัวบบนหน้าขนมแล้ว เพราะจะทำให้หน้าขนมไม่เรียบสวย พักให้ซอสเย็นและเซ็ตตัวดี

 

 

 

 

 

 

 

 

มาทำบัตเตอร์ครีมสำหรับแต่งหน้ากันดีกว่า วันนี้เราเลือกใช้บัตเตอร์ครีมที่ผสมมาแล้ว (สำเร็จรูป) หรือถ้านึกไม่ออกก็ถามร้านเบเกอร์รีว่า ‘บัตเตอร์ครีม 2in1’ ราคาค่อนข้างที่จะถูก และข้อดีอีกอย่างก็คือเมื่อนำมาแต่งเค้กจะละลายยาก เก็บไว้นอกตู้เย็นก็ได้ โดยเราจะนำบัตเตอร์ครีมมาตีให้ขึ้นฟู มีสีขาวนวล ใส่นมข้นหวานและน้ำผึ้งเพื่อได้รสชาติที่หวาน หอม และใส่ซอสส้มที่ทำไว้เพื่อตัดเลี่ยนของบัตเตอร์ครีม นำบัตเตอร์ครีมมาผสมสีตามชอบ ใส่ถุงบีบต่างๆ เตรียมไว้

 

 

 

 

 

 

 

วิธีบีบครีม 3 แบบ

 

 

 

 

 

 

 

 

     

  • ใช้หัวบีบกลมเบอร์ 2 บีบเป็นเส้นกลมๆ โดยห่างจะขอบเค้กประมาณ 0.5 ซม. บีบวนประมาณ 2-3 รอบ จากนั้นใช้ หัวบีบแฉกเบอร์ 12 จับตั้งตรงและค่อยๆ บีบครีมลงตรงกลาง และใช้หัวบีบใบไม้เบอร์ 70 บีบเป็นใบไม้ด้านข้าง
  •  

 

 

 

 

 

 

 

 

     

  • ใช้หัวบีบแฉกเบอร์ 10 เริ่มบีบจากตรงกลางเค้กโดยบีบวนจนเกือบถึงขอบ โดยเว้นขอบไว้ประมาณ 0.5 ซม. จากนั้นหัวบีบใบไม้เบอร์ 70 มาบีบเป็นดอกไม้
  •  

 

 

 

 

 

 

 

 

     

  • ใช่หัวบีบกลมเบอร์ 10 บีบเป็นเส้นกลมรอบเค้กโดยห่างจากขอบเค้กประมาณ 0.5 ซม. นำฝอยทองมาวางลงตรงกลาง
  •  

 

 

 

 

 

 

 

สูตรนี้จะมีต้นทุนต่อชิ้นอยู่ที่ 9.92 บาท/ชิ้น โดยรวมค่าแรง ค่าอื่นๆ ไว้แล้ว แต่ยังไม่ได้รวมค่ากล่องที่จะแพ็คโดยเราสามารถใช้กล่อง 1 ปอนด์แบบเตี้ย จะใส่เค้กได้ทั้งหมด 9 ชิ้น ต้นทุนจะต่อกล่องจะอยู่ที่ประมาณ 89.27 ถ้าอยากได้กำไร 50% ของต้นทุน ราคาขายจะอยู่ที่ประมาณ 133.90 หรือจะใช้เทคนิคในการตั้งราคาขายให้น่าซื้อก็สามารถตั้งราคาต่อกล่องได้ 129 บาท หรือ 139 บาท

 

 

 

 

 

 

 

เราขายได้ในที่ราคาสูงขึ้น ถ้าเพิ่มมูลค่าให้กับเค้กโบราณได้ โดยการเปลี่ยนเนื้อเค้กให้อร่อย นุ่มขึ้น บีบครีมให้ดูมินิมอลขึ้น สีที่ใช้ก็ผสมให้เป็นสีโทนไม่จัดจ้านเกินไป ใส่แพคเกจที่ดูดี เท่านี้เราก็สามารถขายเค้กโบราณ รสชาติในตำนาน ที่อร่อยเหมือนเดิมเป๊ะๆ แต่ก็น่ารัก ทันสมัย ถ่ายรูปได้เหมือนเค้กปัจจุบัน

Share this content

Contributor

Tags:

อาหารโบราณ, เค้ก, เบเกอรี

Recommended Articles

Cookingเค้กกล้วยหอมอบชีสต้นทุนหลักสิบ! ขายหลักร้อย!
เค้กกล้วยหอมอบชีสต้นทุนหลักสิบ! ขายหลักร้อย!

สูตรเค้กกล้วยหอมอบชีสสุดฮิตแห่งปี พร้อมคำนวณต้นทุนสำหรับทำขาย

 

Recommended Videos