
จาก Sponge Cake แบบเจ้าอาณานิคม สู่ขนมคู่ร้านติ่มซำแบบฮ่องกง
มาไลโกว (馬拉糕) หรือ หม่าไหลเกา ตามสำเนียงจีนกลาง เป็นเค้กนึ่งอย่างหนึ่งที่มีประวัติศาสตร์น่าสนุก เพราะมันเป็นเค้กที่ตั้งต้นมาจากเค้กฟองน้ำ (Sponge Cake) อย่างฝรั่ง แต่สุดท้ายไปจบลงที่การเป็นเค้กโบราณแบบฮ่องกงไปเสียอย่างนั้น

เฉพาะชื่อ ‘มาไลโกว’ เองก็บอกใบ้ถึงที่มาของเค้กนึ่งชนิดนี้อยู่กลายๆ เพราะ คำว่า 馬拉 (maa5 laai1) หมายถึง มลายู ส่วน 糕 (gou1) ก็หมายถึงเค้กหรือขนม จุดเริ่มต้นของเค้กนึ่งแบบนี้ มีการสันนิษฐานกันว่าน่าจะมาจากการที่ชนชั้นปกครองและพ่อค้าชาวอังกฤษได้นำธรรมเนียมการดื่มน้ำชายามบ่าย (Afternoon tea) เข้ามาในมาเลเซียด้วยในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 จนถึงศตวรรษที่ 19 ซึ่งเป็นช่วงที่อังกฤษเริ่มมีอิทธิพลมากขึ้นในคาบสมุทรมลายู แน่นอนว่า เมื่อมีการรับเอาวัฒนธรรมน้ำชามาจากอังกฤษ ก็ยอมมีการรรับวัฒนธรรมขนมและเบเกอรีต่างๆ เข้ามาด้วย รวมถึงเค้กฟองน้ำหรือสปันจ์เค้กซึ่งเป็นเค้กพื้นฐานอย่างตะวันตกด้วย
ภายหลัง ในช่วงศตวรรษที่ 19 ถึงกลางศตวรรษที่ 20 ซึ่งเป็นช่วงที่มาเลเซียอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ สปันจ์เค้กแบบฝรั่งก็ถูกทำให้ถูกปากและเหมาะกับวัตถุดิบแบบท้องถิ่นมากขึ้นด้วยการใช้กะทิแทนนมวัว เปลี่ยนมาใช้วิธีการนึ่งแทนการอบ และบางสูตรอาจใส่ใบเตยเพื่อให้สีเขียวสวยและมีกลิ่นหอม ไปๆ มาๆ สปันจ์เค้กจึงแตกแขนงออกมาเป็นเค้กแบบใหม่สไตล์มลายู จึงได้ชื่อว่ามาไลโกวหรือเค้กแบบมลายูนั่นเอง
ชาวกวางตุ้งโพ้นทะเลมีการติดต่อไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ มาไลโกวจากมลายูจึงสามารถข้ามน้ำข้ามทะเลไปโด่งดังในเกาะฮ่องกงได้ ด้วยการที่เชฟท้องถิ่นได้ปรับให้รสชาติมาไลโกวเข้ากับรสนิยมและวัตถุดิบแบบฮ่องกง โดยการถอดใบเตยออกจากสูตร มาไลโกวแบบฮ่องกงจึงมีสีเหลืองทอง หอมกลิ่นไข่และน้ำตาลทรายแดง จนกลายเป็นเมนูยอดนิยมคู่ร้านหยำฉ่าหรือร้านติ่มซำแบบฮ่องกงมาจนถึงปัจจุบัน สำหรับชาวฮ่องกง มาไลโกวถือเป็นขนมย้อนยุคหรือขนมโบราณอีกอย่างหนึ่งเลยทีเดียว


ส่วนตัวฉันเคยเจอเค้กนึ่งที่หน้าตาและรสชาติเหมือนกับมาไลโกวอยู่หลายครั้ง ทั้งแถวเยาวราชและย่านตลาดดั้งเดิมที่มีคนไทยเชื้อสายจีนอยู่มาก โดยบางร้านก็เรียกว่าหมั่นโถวโอวทึ้ง หมั่นโถวเยาวราช หมั่นโถวน้ำตาลทรายแดง ฯลฯ เมื่อดูจากส่วนผสมและวิธีทำแล้วก็พบว่าต่างกันไม่มากนัก จึงเป็นไปได้ว่าหมั่นโถวโอวทึ้งบ้านเราอาจเป็นญาติห่างๆ กับมาไลโกวแบบฮ่องกงด้วยก็ได้ อันนี้หากใครมีข้อมูลเพิ่มเติมก็มาเล่าให้ฟังได้นะคะ
เล่ามาเสียยืดยาวขนาดนี้ คงจะจบแบบใดอื่นไปไม่ได้ นอกจากการแจกสูตรมาไลโกวฉบับง่าย ปรับวิธีทำจากสูตรดั้งเดิมที่มักจะเลี้ยงแป้งหัวเชื้อ (levain) ขึ้นมาเองแบบ from scratch เปลี่ยนมาใช้ยีสต์สำเร็จรูปเพื่อลดทอนขั้นตอนให้ซับซ้อนน้อยลง สูตรนี้ใครๆ ก็ทำได้ ตัดกินตอนนึ่งเสร็จใหม่ ร้อนๆ หอมๆ กับชาสักป้านรับรองว่าติดใจแน่นอนค่ะ
สูตรมาไลโกว
(ปริมาณสำหรับ 4-5 คน)
ส่วนผสม
– น้ำตาลทรายแดง 90 กรัม
– น้ำ 180 กรัม
– แป้งสาลีอเนกประสงค์ 125 กรัม
– แป้งมันสำปะหลัง 75 กรัม
– ยีสต์ ½ ช้อนชา
– ผงฟู ½ ช้อนชา
– น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
– น้ำมันพืชสำหรับทาถาด
– อุปกรณ์ พิมพ์อะลูมิเนียมขนาด 6x6x2 นิ้ว

เริ่มต้นจากการตั้งน้ำตาลทรายแดงและน้ำบนไฟกลาง คนจนละลายดี เมื่อน้ำเดือดแล้วปิดไฟแล้วพักไว้ให้เย็น ระหว่างนี้ผสมแป้งสาลีแป้งมัน และยีสต์ให้เข้ากันในอ่างผสม เมื่อน้ำตาลที่ละลายไว้เย็นแล้ว ให้เทลงไปกับผสมกับแป้งที่เตรียมไว้

คนแรงๆ ทั่วๆ ให้ส่วนผสมเข้ากันจนไม่เหลือเม็ดแป้ง

เสร็จแล้วปิดอ่างผสมด้วยพลาสติกแรป แล้วพักไว้ในอุณหภูมิห้องประมาณ 2 ชั่วโมงจนแป้งเกิดโพรงอากาศและขึ้นฟูเป็น 2 เท่า

เมื่อแป้งฟูดีแล้ว คนแป้งเพื่อไล่ฟองอากาศออก

จากนั้นใส่จากนั้นใส่ผงฟู น้ำมันพืช แล้วคนส่วนผสมจนเข้ากันดี

เตรียมพิมพ์ด้วยการทาน้ำมันบางๆ แล้วรองด้วยกระดาษไข ก่อนเทส่วนผสมที่เตรียมไว้ลงไป เคาะไล่ฟองอากาศออก แล้วนำไปนึ่งด้วยไฟกลางนาน 30 นาทีหรือจนขนมสุกดี

นำขนมออกจากพิมพ์ พักขนมไว้ให้คลายร้อนเล็กน้อย

เสร็จแล้วตัดเค้กเป็นชิ้นๆ

เสิร์ฟแบบอุ่นๆ ร้อนๆ จะได้เนื้อเค้กนุ่มๆ หอมๆ เค้กสูตรนี้ไม่หวานมาก ไม่มีส่วนผสมของผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เด็กกินได้ ผู้ใหญ่กินดี จะกินวีแกนหรือมังสวิรัติก็ใช้สูตรนี้ได้ทั้งนั้น

ส่วนใครอยากลองปรับสูตรดู ถ้าเปลี่ยนน้ำตาลอ้อยเป็นน้ำตาลทรายขาว ก็จะได้กลิ่นไข่ชัดขึ้น ถ้าละลายกาแฟสำเร็จรูปสัก 1-2 ช้อนโต๊ะลงในน้ำเปล่าในสูตร ก็จะได้มาไลโกวรสกาแฟ หรือถ้าเปลี่ยนน้ำเปล่าเป็นน้ำคั้นใบเคย ก็จะได้มาไลโกวใบเตยที่มีกลิ่นหอมต่างออกไป ใครอยากเพิ่มความหอมมัน ลองปรับอัตราส่วนของเหลวในสูตรให้เป็นนมหรือกะทิ แล้วลดปริมาณน้ำมันพืชในสูตรลงก็ได้เหมือนกันค่ะ
ขอให้มีความสุขกับมาไลโกวค่ะ : – )

Contributor
Recommended Articles
Recommended Videos