พาเที่ยว 4 ร้านหนังสืออิสระ แล้วคุยเรื่องรักกับคนขายหนังสือให้ลึกซึ้ง
การสบตากันครั้งแรกสร้างแรงกระเพื่อมให้หัวใจฉันใด เดตแรกก็สร้างแรงดึงดูดในความสัมพันธ์ได้ฉันนั้น การเริ่มต้นเดตแรกจึงเป็นเรื่องที่หนุ่มสาวให้ความสำคัญแบบต้องคิดแล้วคิดอีก เพราะนัยหนึ่งก็เป็นการเดาใจอีกฝ่ายว่าจะนิยมชมชอบกันได้ขนาดไหน ในขณะเดียวกันก็เป็นโมงยามเริ่มต้นที่ต่างฝ่ายต่างจะได้เรียนรู้กันและกันด้วย
ดูหนัง ฟังเพลง หรือกินข้าว เป็นกิจกรรมกุ๊กกิ๊กอันดับแรกที่คิดออกแน่นอน แต่หากทำการบ้านมาล่วงหน้าแล้วรู้ว่าคู่เดตของเราเป็นนักอ่านตัวยง โปรดอย่าลังเลที่จะนัดเขาหรือเธอไปที่ร้านหนังสือ เพราะการรู้จักหนังสือที่ใครสักคนเลือกอ่าน คือการรู้จักโลกส่วนตัวใบใหญ่ยักษ์ของคนคนนั้น นอกจากจะมีเรื่องให้พูดคุยแลกเปลี่ยนที่ลึกซึ้งมากขึ้นแล้ว การแลกหนังสือกันในเดตแรกก็เป็นของขวัญวันเดตที่ชุ่มฉ่ำหัวใจไม่น้อยเลยทีเดียว
ยิ่งกับร้านหนังสืออิสระที่คัดเลือกหนังสือมาเป็นอย่างดี พร้อมด้วยเครื่องดื่มสักแก้ว เสียงเพลงคลอเบาๆ บรรดาหนังสือมากมายสารพัดที่จะทำหน้าที่เป็นหัวข้อให้ได้พูดคุยกันไม่รู้จบ รับรองว่าจะต้องเป็นเดตที่ประทับใจหนอนหนังสือให้เก็บไปฝันถึงได้อีกหลายคืน
และนี่คือรายชื่อร้านหนังสืออิสระ 4 ร้านทั่วกรุงเทพฯ ที่เราคัดแล้วคัดอีกจนรับประกันได้ว่าเป็นพิกัดที่เหมาะเจาะจับใจคู่เดตนักอ่าน พร้อมมุมมองเรื่องรักจากคนขายหนังสือ ที่จะมาพูดเรื่องความรักผ่านหนังสือแนะนำทั้ง 4 เล่ม ให้คู่เดต คู่รัก และคู่ชีวิตได้เก็บแง่มุมจากหน้ากระดาษมาพูดคุยและขบคิดกันอย่างลึกซึ้งถึงแก่นของความรัก
ยิ่งเมื่อมี หนังสือเดินทางร้านหนังสือ : Book Passport พาสปอร์ตเล่มเล็กที่จะช่วยเก็บความทรงจำระหว่างกันและกัน สแตมป์ตราประจำร้านหนังสืออิสระไว้เป็นบันทึกเดตของคนสองคน ก็ยิ่งจะทำให้เดตที่ร้านหนังสือเป็นเรื่องน่าสนุกมากขึ้น วันหนึ่งที่ความสัมพันธ์พัฒนาไปอีกหลายๆ ขั้น ทริปเดินทางตามเก็บรอยสแตมป์ก็อาจขยายระยะทางไปถึงร้านหนังสือในจังหวัดอื่นๆ ให้คนทั้งประเทศได้อิจฉากันเล่นๆ ก็ได้ ทำเป็นเล่นไป!
(ติดตามรายละเอียดของ หนังสือเดินทางร้านหนังสือ : Book Passport ได้ที่ facebook.com/BookPassportTH )
เขียนโปสการ์ดแลกกันอ่าน ที่ร้านหนังสือเดินทาง Passport Bookshop
ร้านหนังสือประจำย่านพระสุเมรุที่อยู่คู่กับนักอ่านมานับ 20 ปี แม้จะเป็นร้านขนาด 1 คูหาแต่อัดแน่นด้วยหนังสือ จากทั่วทุกมุมโลก เหมือนมีอาณาจักรของคนที่รักหนังสือและรักการเดินทางย่นย่อขนาดให้อยู่ในร้านหนังสือร้านนี้ สิ่งที่ทำให้ เราแนะนำร้านนี้สำหรับคู่เดตก็คือการแบ่งหมวดหมู่หนังสือที่มีเอกลักษณ์ แตกต่างจากการแบ่งด้วยทศนิยมดิวอี้ในห้องสมุด ทำให้สามารถค่อยๆ เดินดูได้ทั่วร้านแบบไม่มีเบื่อ
หากดูหนังสือเพลินจนเกิดหิวขึ้นมา ร้านหนังสือเดินทางก็มีเมนูง่ายๆ ไว้ให้รองท้องไม่ว่าจะเป็นวาฟเฟิล ชา กาแฟ หรือจะเป็นโยเกิร์ตผลไม้รวมถ้วยขนาดกำลังดี กินได้ 2 คนแบบอยู่ท้องสบายๆ อิ่มแล้วค่อยเลือกโปสการ์ดสวยๆ เพื่อเขียนแล้วส่งแลกกันเป็นของขวัญวันเดตก็ชวนลุ้นดีไม่หยอก แล้วการรอคอยจะหอม หวานขึ้น มาทันตาเห็นเชียวล่ะ
หนังสือแนะนำ : จดหมายถึง D. (Lettre à D.) โดย อ็องเดร กอร์ซ
“เล่มนี้มันเป็นเรื่องราวของผู้ชายคนหนึ่งที่วันหนึ่งตัดสินใจเขียนจดหมายแปะไว้หน้าบ้าน เพื่อบอกว่าถ้าคุณเปิดเข้ามาแล้วเจอ ศพสองศพไม่ต้องแจ้งตำรวจนะ นี่คือการเต็มใจพรากชีวิตตัวเองให้หายไปจากโลกนี้ คำถามคือมันเกิดอะไรขึ้น ทำไม คนบางคนถึงตัดสินใจหรือเต็มใจที่จะทำอย่างนั้น ในเนื้อเรื่องเนี่ย ตัวละครที่เป็นฝ่ายหญิงป่วย ส่วนผู้ชายที่เห็นคนรักป่วย มันไม่สามารถไปป่วยแทนกันได้ เราจะรับมือในภาวะนั้นได้อย่างไร
“ผมคิดว่าถ้าเรามองในเชิงความรัก บางทีในวัยหนุ่มสาว ในช่วงจีบกัน ทุกอย่างมันสวยงามไปหมด แต่ถ้าจะทำให้ความรักยืนยาว มันต้องมองอีกมิติหนึ่งว่าเอาเข้าจริงแล้วในชีวิตคู่ในการประคองความรัก มันมีอีกด้านหนึ่งที่ซ่อนอยู่นะ ซึ่งในวัยหนุ่มสาวเราอาจจะยังมองไม่เห็น และถ้าคุณมองไม่เห็นเลย ความรักมันอาจจะไม่ยืนยาวก็ได้ แต่ถ้าตราบใดคุณตระหนักรู้ คุณมองเห็นตรงนั้น พี่เชื่อว่ามันจะทำให้คุณเจอรักแท้ มันจะทำให้คุณมีเครื่องมือบางอย่างในการประคองชีวิตคู่ของคุณให้ยืนยาว หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่หนังสือสำหรับผู้ใหญ่เสียทีเดียวหรอก ใครก็ตามที่มีความรักน่าจะได้อ่านเพื่อได้มองอีกมุมหนึ่งเหมือนกัน แล้วค่อยหยิบตรงนั้นมาประยุกต์ใช้มากกว่า
“ที่แนะนำเล่มนี้ มันก็ไม่ถึงกับว่าผมยื่นยาขมให้เลยนะ แต่ผมมองในโลกของความเป็นจริงมากกว่า ผมเคยเจอหนุ่มสาวบางคนงอนกันบนรถเมล์ อย่างนี้อย่างโน้น คุณชอบเหรอโมเมนต์แบบนั้น ในหนังสือเล่มนี้เขาเจอภาวะที่ใหญ่กว่าอีก มันมีประโยคหนึ่งที่ประทับใจพี่มาก เขาบอกว่า ในเมื่อคนรักป่วย ฉันรู้สึกแย่จังเลยที่ฉันไม่สามารถไปป่วยแทนเขาได้ ฉันไม่สามารถแบ่งเบาภาวะความเจ็บปวดที่เธอรับอยู่มาได้เลย ฉันอยากจะแบ่ง แต่มันเป็นภาวะที่เธอต้องประสบด้วยตัวเอง ผมว่าภาวะแบบนี้ ถ้าเราได้เข้าใจ ได้รู้ มันจะทำให้เราง้องแง้งน้อยลง (หัวเราะ)
“เล่มนี่เป็นหนังสือที่อ่านแล้วน้ำตาตก แต่ก็ยิ้มได้ มันจะทำให้เรามีองค์ประกอบในการมองชีวิตครบถ้วนมากขึ้น กลมมากขึ้น ในมุมของผม ผมว่ามันมีโอกาสสูงที่ความสัมพันธ์จะยืนยาว มันมีโอกาสสูงที่ในปฏิสัมพันธ์ของเราจะเป็นการเสริมแรงให้กัน แบบนั้นมากกว่า จดหมายถึงดีเนี่ย มันต้องรักแท้ ถึงจะเข้าใจได้แบบนี้ มันเป็นความรู้สึกปรารถนาอยากให้คนที่เรารักข้ามพ้นหรือหลุดพ้นจากภาวะเหล่านั้น มันอาจจะไปไกลเกินกว่าเรื่องการรักตัวเองแล้วแหละ รักแท้มันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่ออีกฝั่งหนึ่งได้ใช้ชีวิตคู่แล้วรู้สึกว่าฉันหาคนแบบเธอไม่ได้อีกแล้ว”
ร้านหนังสือเดินทาง Passport Bookshop
จิบกาแฟและเกาคางน้องแมว ที่ A BOOK with NO NAME
ร้านหนังสืออิสระที่เต็มไปด้วยความนุ่มนิ่มจากน้องแมว และความกันเองจากคนขายหนังสืออารมณ์ดีประจำร้าน คืออีกหนึ่งพิกัดที่เราอยากชวนคู่รักมาใช้เวลาร่วมกันที่นี่สักครึ่งวัน โดยเฉพาะหนอนหนังสือสายวรรณกรรม เพราะที่ A BOOK with NO NAME จะเต็มไปด้วยหนังสือวรรณกรรมดีๆ ทั้งวรรณกรรมไทยและวรรณกรรมแปล
ที่สำคัญคือ A BOOK with NO NAME มีบรรยากาศและพื้นที่ที่ชวนให้บทสนทนาสามารถลื่นไหลไปได้อย่างน่าประหลาดใจ อาจเป็นด้วยเวทย์มนตร์ของกลิ่นหนังสือ แมว กาแฟ หรือเพราะเหตุผลอื่นใดก็ตามแต่ แต่เราเชื่อว่าคู่เดตทุกคู่จะมีชั่วโมงคุณภาพเกิดขึ้นในร้านหนังสือร้านนี้อย่างแน่นอน
นอกจากเค้กและเบเกอรีโฮมเมดที่เป็นจุดเด่นของที่นี่แล้ว A BOOK with NO NAME ยังมีเมนูเครื่องดื่มที่เอาใจคนรักหนังสือโดยเฉพาะอยู่ด้วย อย่างเช่น T.S. coffee กาแฟผสมชาพีชซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากบทหนึ่งของหนังสือ The love song of J. Alfred Prufrock โดย T.S. Eliot ที่ใช้ความหอมหวานชุ่มฉ่ำจากผลพีชมาพรรณนาเปรียบกับความรัก หรือจะเป็น Tortilla flat กาแฟผสมน้ำแอปเปิ้ลที่เพิ่มมิติของความหวานได้เป็นอย่างดี และแน่นอนว่าเมนูนี้ก็ถูกตั้งชื่อตามหนังสือ Tortilla flat หรือ โลกียชน ผลงานชิ้นเอกของ จอห์น สไตน์เบ็ก นั่นเอง
หนังสือแนะนำ : รถหนังสือเร่ของคนพเนจร (Parnassus on wheels) โดย คริสโตเฟอร์ มอร์ลีย์
“มันเป็นเรื่องของเกวียนเร่ขายหนังสือคันหนึ่ง ที่จะไปขายหนังสือให้นักเขียน เป็นพี่ชายของตัวเอกในเรื่อง แต่ว่าพี่ชายคนนี้ไม่อยู่ น้องสาวก็เลยซื้อไปแทน เพราะว่าหมั่นไส้พี่ชาย ที่พี่ชายสามารถเดินทางไปที่อื่นได้แต่ตัวเองต้องทำกับข้าว เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ คอยทำงานบ้านให้พี่ แต่พี่กลับสามารถท่องโลกกว้างได้
“พอดีตอนนั้นพี่ชายเขาที่เป็นนักเขียนยังไม่กลับมา นางเอก ตัวเอกของเรื่อง ก็คือคนที่เป็นน้องสาวก็เลยแปะจดหมายไว้ ว่าไข่อยู่ตรงไหน ทำกับข้าวยังไง แล้วก็หนีออกจากบ้านไปพร้อมกับรถหนังสือ แสบมากเลยนะ (หัวเราะ) หลังจากนั้นก็ออกเดินทางขายหนังสือตามแผนที่ ตามคู่มือที่เจ้าของรถคันเก่าให้ไว้ แล้วก็มีเรื่องให้กุ๊กกิ๊กกัน แล้วผู้ชายก็ขอแต่งงานด้วยประโยคที่แบบว่า หูย… ไม่เล่าแล้ว เล่าแค่นี้เดียวสปอยล์ (หัวเราะ) แต่มันน่ารัก แล้วก็เล่มเล็กๆ สองชั่วโมงก็จบแล้ว
“แล้วที่ชอบมากๆ ในหนังสือเล่มนี้คือมันยกย่องคนขายหนังสือ ว่าเป็นอาชีพที่เหมือนจะไม่มีอะไรนะ แต่มันสำคัญจริงๆ คนขายหนังสือ เป็นอาชีพแสนโดดเดี่ยวที่ควรจะมีอยู่ในทุกเมือง”
A BOOK with NO NAME
เดินดูงานศิลปะ แล้วแวะมา Bookmoby
นอกจากร้านหนังสือแล้ว พิพิธภัณฑ์หรือหอศิลป์ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เหมาะจะจูงมือกันไปเดินเล่น แล้วจะดีขนาดไหนถ้าเรามีร้านหนังสืออยู่ในหอศิลป์ด้วยเลย ดังนั้นร้านหนังสืออิสระอีกร้านหนึ่งที่เราภูมิใจนำเสนอสำรับคู่รักคู่เดตก็คือร้าน Bookmoby ร้านหนังสือไซส์กะทัดรัดที่อยู่ในหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) แบบที่ว่าเดินสยามอยู่ก็สามารถเปลี่ยนบรรยากาศมาเจอความเงียบสงบที่นี่ได้เลย
ความน่ารักของ Bookmoby นอกจากจะเดินดูงานศิลปะแล้วแวะเข้ามาหาหนังสือดีๆ อ่านสักเล่มได้เลยแล้ว ยังอยู่ที่กิมมิกในการพรีเซนต์หนังสือ ซึ่งบางทีแวะเข้าไปเราก็จะเจอหนังสือหลากไซส์ที่ห่อด้วยกระดาษน้ำตาลไม่ให้เห็นปก มีเพียงแค่คำบรรยายสั้นๆ ไม่กี่ย่อหน้าให้เราเลือกจะ ‘นัดบอด’ เลือกหยิบหนังสือตามคำบรรยายเหล่านั้น ซึ่งแน่นอนว่าย่อมหมายถึงการเลือกหนังสือที่ไม่เห็นหน้าปก ไม่รู้จักชื่อคนเขียน แต่เชื่อไหมว่าเราอาจจะเจอเนื้อคู่ตุนาหงันผ่านการนัดบอดแบบนี้ก็ได้เหมือนกัน
หรือบางช่วงบางทีก็อาจจะมีเครื่องดื่มพิเศษพร้อมวิธีการสั่งแบบแปลกประหลาด โดยให้เราเลือกเล่าเรื่องหรือเล่าความรู้สึกที่อยู่ในใจ ณ ขณะนั้น แล้วบรรณาริสต้าประจำร้านก็จะชงเครื่องดื่มให้เข้ากับเรื่องเล่าของเรา ก็เป็นเมนูที่น่าสนุกไม่หยอก ส่วนเมนูแนะนำสำหรับคู่รัก Bookmoby ขอยกให้ช็อกโกแลตเย็นหวานมัน พร้อมเพิ่มรสสัมผัสด้วยช็อกโกแลตขูดที่ท็อปเพิ่มมาด้านบน รสชาติหอมหวานเข้มข้นเหมือนความรักที่ไม่ว่าจะเดตแรกหรือเดตไหนก็ยังกลมกล่อมชวนฝันอยู่เหมือนเดิม
หนังสือแนะนำ : In conversation โดย ใบพัด นบน้อม
“ที่เลือกเล่มนี้ก็เพราะว่ามันเป็นบทสัมภาษณ์ที่รวบรวมบุคคลที่กำลังได้รับความสนใจ เป็นคนที่มีแนวคิดร่วมสมัยรวบรวมอยู่ในนั้นทั้งหมด เวลาที่เราได้อ่านบทสัมภาษณ์ของแต่ละคนมันก็จะได้เห็นมุมมอง ได้เห็นความเป็นมนุษย์ของแต่ละคน
“การสนทนามันเป็นเรื่องของความสัมพันธ์ด้วยอีกแบบหนึ่งนะ ในนั้นก็จะมีของหลายคนที่พูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ พูดถึงความรัก พูดถึงความเหงาและปรัชญาของมัน เราคิดว่าการได้อ่านบทสัมภาษณ์ของคนที่มีความหลากหลาย มันจะทำให้เรามีบทสนทนาระหว่างกันและกันมากขึ้น คิดยังไงกับประเด็นนี้ หรือว่าคนนี้เขาพูดว่าแบบนี้ เธอคิดว่ายังไง
“คนที่จะคบกันก็ควรจะรู้จักกันในแง่มุมอื่นๆ ด้วยนะ เราคิดว่ามันเป็นเรื่องของทัศนคติบางอย่างที่มันครอบพฤติกรรมทั้งหมดอยู่ เหมือนกับว่า ทำไมเธอถึงทำแบบนี้? สมมติว่านั่งกินข้าวอยู่แล้วมีเด็กๆ มาขายดอกไม้ ทำไมเธอถึงซื้อ หรือทำไมเธอถึงไม่ซื้อ มันเป็นเรื่องเดียวกันทั้งหมด เธอมีความเปิดกว้างเรื่องรสชาติ หรือเรื่องการเสพอะไรบางอย่างมากน้อยแค่ไหน หนังสือเล่มนี้มันก็ช่วยเปิดบทสนทนาให้กับคู่รักได้ดีเลยค่ะ”
Bookmoby
หลบความวุ่นวายใน RCA มานั่งดื่มบนบาร์ หาหนังสืออ่านที่ Zombie book
ร้านหนังสืออิสระในย่าน night life อย่าง RCA ที่ยืนหยัดอยู่เป็นเพื่อนนักอ่านยามดึกเสมอ แม้หน้าร้านจะดูแคบเพียงหนึ่งคูหา แถมยังอยู่ในพื้นที่ที่ไม่ใช่แหล่งรวมนักอ่าน แต่เชื่อเถอะว่า Zombie book นั่นเป็นอีกหนึ่งในร้านหนังสือคุณภาพที่หากได้แวะมาสักครั้งแล้วจะติดใจเหมือนติดเชื้อซอมบี้แล้ว – อย่างไรอย่างนั้น
นอกจากบรรดาหนังสือมากมายก่ายกองอัดแน่นเต็มพื้นที่แล้ว บนชั้นสองและชั้นสามของ Zombie book ก็ยังมีพื้นที่เงียบๆ ให้ได้นั่งคุยกันหนุงหนิง มีหนังสือภาษาอังกฤษให้ได้ยืมอ่านในร้านแบบไม่อั้น และส่วนสำคัญที่ทำให้เราเลือกแนะนำ Zombie book เป็นอีกพิกัดสำหรับเดตกับหนอนหนังสือ เพราะเราเชื่อว่ามีนักอ่านจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในร่างของนักดื่มด้วยเหมือนกัน ชั้นบนสุดของร้านหนังสือแฝงตัวอยู่ในย่านราตรีร้านนี้ ยังมีบาร์ที่มาแฝงตัวอยู่บนร้านหนังสืออีกที อย่าง 1970’s Bar บาร์แสงสลัวที่จะสาดย้อมให้คู่เดตของคุณกลายเป็นนักอ่านสุดเซ็กซี่ได้ในชั่วพริบตา
1970’s Bar มีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บริการหลากหลาย แต่ด้วยเหตุผลเรื่องข้อกฎหมายบางประการเราจึงขอแนะนำเมนูคู่รักจาก Zombie book แทนไปก่อน อย่าง Mint Chocolate ช็อกโกแล็ตเย็นที่ซ่อนความสดชื่นจากมินต์ไว้ในสีเข้มข้น และ Zombie rose tea ชาจากกลีบกุหลาบ ดอกไม้ซึ่งสัญลักษณ์แห่งความรักและความหลงใหล สั่งขึ้นมาดื่มคุยกันเงียบๆ ที่ชั้นสองชั้นสาม หรือจะดื่มเพื่อรองท้องก่อนขึ้นมาเอียงคอคุยกันแบบแนบชิดที่ 1970’s Bar ก็ได้เช่นกัน
หนังสือแนะนำ : ไหม โดย อเลซซานโดร บาริกโก
“เล่มที่ขอแนะนำสำหรับคู่รักก็คือ ไหม ซึ่งเป็นงานเขียนชิ้นเอกของ อเลซซานโดร บาริกโก นักเขียนชาวอิตาลี เล่มนี้น่าจะเป็นเล่มที่เหมาะกับคู่รัก แต่เนื้อหาอาจจะไม่ใช่เรื่องโรแมนติกนะ คือมันเป็นเรื่องของผู้ชายคนหนึ่งที่มีหน้าที่ไปหาตัวไหม คือในฝั่งยุโรป อุตสาหกรรมเสื้อผ้าเขาจะต้องออกไปหาตัวไหมมาเพื่อให้ผลิตเสื้อ ผู้ชายคนนี้ก็ทำอาชีพนั้น ผู้ชายคนนี้เพิ่งแต่งงานเลย กำลังข้าวใหม่ปลามัน แต่ด้วยหน้าที่เขาก็ต้องเดินทางไปญี่ปุ่นเพื่อไปหาตัวไหม นั่งเรือสำเภาไป แล้วก็ดันไปชอบสาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง ซึ่งเป็นผู้หญิงของกลุ่มยากุซ่าอีกที มันเลยเป็นเรื่องของรักสามเส้าสี่เส้า
“ที่แนะนำเรื่องรักสามเส้าให้กับคู่รัก ก็เพราะว่าความรักมันก็เหมือนกับการเดินทางนี่แหละ เวลาเราเจอใครสักคน คนที่ฝ่าฟันด้วยกันมา แต่เราก็ไม่รู้หรอกว่าในอนาคตข้างหน้ามันจะเจอทางเบี่ยงเจอทางแยกยังไง มันคือหัวข้อเดียวกับหนังสือเล่มนี้เลย คุณอาจจะเชื่อว่าคุณมีความรักที่มั่นคง แต่เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน สภาพแวดล้อมที่เราไม่เคยเจอ คุณอาจจะไปหลงอยู่กับสิ่งตรงหน้า จนลืมไปว่ามันมีสิ่งที่มั่นคงและยั่งยืนกว่าอยู่ข้างหลัง
“อีกอย่างหนึ่งก็คือมันเป็นเล่มที่บางมาก อ่านง่าย เพราะว่าวิธีการเล่าของบาริกโกเนี่ยเก่งมาก เขาจะไม่เล่าเป็นพารากราฟยาวๆ แต่เล่าเป็นท่อน เขาใช้วิธีการเขียนแบบกวีไฮกุมาบรรยาย นี่เป็นความเก่งกาจของคนเขียน เพราะฉะนั้นสำหรับคู่รักที่ต้องการหนังสือที่แบ่งกันอ่านได้ ผมแนะนำเล่มนี้เลย”
Zombie book
Contributor
Tags:
Recommended Articles