เมื่อนักวาดภาพประกอบออกเดินทาง บันทึกแสนอร่อยก็เกิดขึ้น
ทริปนี้เป็นทริปตามใจปากโดยแท้ … วางแผนว่า จะนั่งรถไฟนอนตะลอนไปตรัง หาอะไรกินจุบกินจิบไปเรื่อย ทั้งบนรถ ในเมือง ตามตลาด คาเฟ่ ฯลฯ ทำตัวให้เหมือนกับคนตรังที่เขาว่ากันว่ากินกันวันละ 9 มื้อ
ผมและครอบครัวนั่งรถไฟด่วนขบวน 83 จากสถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ – ตรัง รถออกตอนค่ำ 6:50 น. ถึงตรัง 8:50 น. สถานีใหม่ รถก็ใหม่ วิ่งบนรางยกระดับหรูหราทันสมัย รู้สึกเหมือนนั่งรถไฟฟ้า จนถึงสถานีศาลายา บรรยากาศก็เริ่มคึกคักขึ้น มีสีสันมากขึ้น บรรดาพ่อค้าแม่ค้าต่างหิ้วตะกร้าสินค้าหลากหลายขี้นมาขาย มีของกินของฝาก ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ขนมหม้อแกง กุนเชียง และก๋วยเตี๋ยวแห้งห่อเล็กๆ ที่เรียกว่า ‘ก๋วยเตี๋ยวรถไฟ’
ด้วยความคิดถึงจึงชื้อมาชิม 1 ห่อ แบ่งกับลูกได้คนละคำสองคำ อร่อยดี แต่คิดว่าคงดีกว่านี้ถ้าได้กิน ‘คนเดียว!’ 2 ห่อ (เหอะๆ)
กินก๋วยเตี๋ยวเสร็จ สักพัก พนักงานรถไฟก็มาปรับเบาะนั่งให้เป็นที่นอน ได้เวลาแยกย้าย เข้านอนที่ใครที่มัน
พระอาทิตย์ขึ้นที่สถานีนาสาร สุราษฎร์ธานี แต่กว่าผมจะรู้สึกตัวว่าเช้าแล้วจริงๆ ก็เมื่อรถไฟถึงทุ่งสง ที่นี่เป็นสถานีชุมทางใหญ่รถจอดนาน ผู้โดยสารขึ้นลงเยอะ พ่อค้าแม่ค้าก็เยอะ อธิบายให้เห็นภาพคือถ้าบรรยากาศที่สถานีศาลายาเป็นเหมือนเวิ้งรถเข็นขายอาหารริมทาง สถานีทุ่งสงนี่ก็จะใหญ่และหลากหลายระดับตลาดโต้รุ่งประจำอำเภอกันเลยทีเดียว
แน่นอนว่าเมื่อมีการค้าก็ต้องมีเหยื่อทางการตลาด ลูกสาวผมซื้อข้าวเหนียวไก่ทอดสีแดงๆ มากิน บอกเค็มๆ มีแต่รสเค็ม ภรรยาซื้อข้าวต้มใบกะพ้อมา 1 พวง คงเห็นว่าห่อสวยดี? ส่วนผมก็ต้องรับจบทั้งสองอย่าง
รถไฟมาถึงตรังตามเวลา 8:50 น. (ตรงตามเวลาจริงๆ ไม่ใช่มุกที่ว่า เวลามาก่อนแล้วรถค่อยตามมา ฮา) เราลงรถแล้วก็ตัดสินใจเดินไปที่พักที่จองไว้เลย เพราะถึงจะยังเช็คอินไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็จะได้ฝากกระเป๋าและเขาคงมีห้องน้ำให้เราล้างหน้าล้างตาบ้างก็ยังดี
ระหว่างทางมีรถขายขนมครก พ่อค้ากำลังหยอด กำลังแคะกันอย่างเมามัน ส่งกลิ่นหอมหวานๆ เกรียมๆ กลิ่นกะทิหอมฟุ้ง และแล้วก็เกิดเหยื่อทางการตลาดขึ้นมาอีกราย (ฮา)
ฝากกระเป๋าเป็นที่เรียบร้อย เราก็ไปเริ่มมื้อเช้าอย่างเป็นทางการที่ร้านข้าวแกงหน้าโรงแรม ซึ่งอร่อยมาก เป็นข้าวแกงใต้รสนุ่มนวลผู้ดี๊ผู้ดี ใช้วัตถุดิบดี ปรุงรสถึงเครื่องแต่ไม่เผ็ดจัดร้อนแรงจนเกินไป กลมกล่อม กินแล้วสบายใจ สบายปาก สบายท้อง (ได้กินเคาหยกแบบคนตรังแล้ว)
กินเสร็จแล้วตั้งใจจะไปเดินเล่นชมเมือง หาคาเฟ่น่ารักๆ นั่ง ตามหาร้านขนม ตามหากราฟิตี้ แต่อากาศร้อนอบอ้าวบวกกับแดดแรงมหาโหดเผาจนหมดสนุก กลับไปอาบน้ำนอนตากแอร์ที่โรงแรมดีกว่า
สลบไป กว่าจะฟื้นอีกทีเกือบจะ 6 โมงเย็นเพราะหิว
หาข้อมูลมาว่า ในเมืองตรังจะมีแหล่งกินตอนค่ำอยู่ 2 แห่ง ที่แรกคือ ‘ตลาดเซ็นเตอร์พอยท์’ อยู่ในซอยรื่นรมย์แถวๆ ศาลากลางจังหวัดตรัง ใกล้วงเวียนพะยูน ห่างจากที่พักไปประมาณ 1 กิโล เปิดวันธรรมดา (หรือทุกวันไม่แน่ใจ) และวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จะมีถนนคนเดินที่หน้าสถานีรถไฟ อยู่ใกล้ที่พักเราไม่เกิน 200 เมตร ซึ่งวันที่เราไปเป็นวันดี วันพฤหัสบดี เลยได้ออกกำลังกายเยอะหน่อย (แหะๆ)
ขากลับ เดินมาทางถนนเพชรเกษม ผ่านสถานีตำรวจ ผ่านศาล ผ่านศรีตรังต้นใหญ่กำลังออกดอกแต่ก็มืดเสียแล้ว มองไม่เห็น…
เราเดินมาเรื่อยๆ จนถึงตลาดสดเทศบาล ทะลุผ่านซอยเล็กๆ มาโผล่ทะลุมาหลัง ร้านโกปี๊สมบัติ เฉยเลย
สมเป็นร้านชื่อดังประจำเมืองตรัง คนแน่นเอี้ยด แต่โชคดี เราโผล่มาตอนโต๊ะว่างพอดี เลยได้ลองหลายอย่างตามแบบที่ YouTuber เขารีวิวกัน หมี่ฮุ้น โจ๊ก ปาท่องโก๋ ขนมจีบติ๋มซำนึ่งทอดสารพัด ฯลฯ รวมๆ กินได้ อร่อยดี กินเสร็จแล้วก็รีบกลับที่พักไปนอนเอาแรงเพราะพรุ่งนี้จะไปเที่ยวเกาะกระดาน (เย้)
เกาะกระดานน้ำใสแจ๋ว ปลาเอย ปะการังเอย หาดทรายเอย สวยหมดจด ถ้ำมรกตก็ดีงามสมเป็นไฮไลท์ของจังหวัด ผมเห็นเต่าด้วย! หลายตัวเลยที่เกาะมุก เสียดายที่ไม่เจอพะยูน แต่ไม่เป็นไรแค่เห็นสถานที่อยู่ของมันก็พอจินตนาการได้ แค่นี้พอใจแล้ว
ขึ้นฝั่งแล้ว ได้เดินชมเมืองสมใจ
ตรังเป็นเมืองค่อนข้างใหญ่แต่น่ารักมีชีวิตชีวา มีเอกลัษณ์เฉพาะตัว มีตึกสวยๆ เยอะ ของกินเยอะ เดินสนุก ประทับใจ ถ้ามีโอกาสจะกลับไปอีกแน่ๆ
บนรถไฟขากลับ ผมเจอของกินน่าประทับใจ สมควรวาดรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกอีกหนึ่งอย่าง
ถ้าเทียบกัน รู้สึกว่าการขายของบนรถไฟสมัยนี้เงียบเหงาและจืดชืดกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย ไม่มีอีกแล้วไอ้ประเภทตะโกนร้อง “จับ ไข่ แข็ง ปั๋ง~” หรือ “หอม อม ดม หม่อง ~” (เพราะนั่งรถนอนชั้น 2 หรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ) แต่ที่สถานีทุ่งสงผมเจอลุงคนหนึ่ง ท่าทางอารมณ์ดี สุภาพ บุคลิกคล้ายๆ ลุงสีเทาในเรื่องมหา’ลัยเหมืองแร่ ขึ้นรถมาแล้วร้องขาย
“ยาโหนมมม…ไมคร้าบ~ ..หมวกก็มีน่ะคร้าบ ใส่แล้วเสียงดี หมวกมี ยาหนมก็มีน่ะคร้าบ~” (ทำนองเพลง สมหวังนะครับ ของ ก็อต จักรพันธ์)
สรุป ลุงแกขายยาหนมกับหมวกใบมะพร้าวสาน ‘ยาหนม’ ที่ว่าก็คือกาละแมนั่นแหละ ลุงว่าเป็นขนมประเภทเดียวกัน ผมชิมคำแรกกาละแม คำที่สองก็กาละแม หลับตาชิมก็กาละแม (ฮา) ส่วนหมวกก็สานเอง สานเล่นๆ ขายเล่นๆ แก้เซ็ง ลุงแกว่างั้น
ขายได้แล้วก็เดินร้องขายต่อตู้ถัดไป เหมือนเสียงชองลุงจะกังวานขี้นหน่อย …
ขากลับแกไม่ร้องขายของแล้ว แต่ร้องเป็นเพลงเลย ตอนเดินผ่านที่นั่งผม ลุงแกบอก “ขอบคุณนะลูก” แล้วยิ้ม ผมก็ยิ้มตอบ
ยาหนมเก่าหน่อย แต่ก็อร่อยดีน่ะคร้าบบบ~ ผมฮัมเพลงตอบในใจ… “แหม ทำนองติดหูเหมือนกันแฮะ”
เรื่องและภาพโดย: Monkeynumber4 : อดีตเป็นกราฟิกดีไซเนอร์ในยุคดอทคอมรุ่งเรือง ปัจจุบันเป็นพ่อบ้านที่วาดภาพประกอบ เขียนบล็อกและทำอนิเมชั่นไปด้วย
Contributor
Recommended Articles
Recommended Videos