
เดินเทียวตลาดนัดจีนยูนนานในที่ใหม่ มีอะไรเปลี่ยนไปบ้าง
กาดบ้านฮ่อ เป็นตลาดนัดเก่าแก่ประจำเมืองเชียงใหม่ซึ่งคึกคักอย่างนี้มานานกว่า 30 ปี คำว่า ‘ฮ่อ’ หรือ ‘จีนฮ่อ’ เป็นคำที่คนเมืองเชียงใหม่และคนล้านนาในหลายพื้นที่ใช้เรียกชาวจีนยูนนานซึ่งอพยพเข้ามาอยู่ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ตั้งแต่ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19
ความเชื่อและวัตรปฏิบัติทางศาสนาคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชาวมุสลิมอยู่รวมกันเป็นชุมชนได้อย่างแข็งแรงไม่ว่าจะอพยพไปอยู่บนผืนแผ่นดินไหน กับชาวจีนยูนนานในเชียงใหม่ก็เช่นกัน โดยเฉพาะในพื้นที่รอบข้างของ ‘มัสยิดเฮดายาตูลอิสลามบ้านฮ่อ’ ซึ่งเป็นศูนย์รวมชาวจีนยูนนานที่น่าจะใหญ่ที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่อีกทีหนึ่ง
การรวมตัวกันของคนในชุมชนทำให้เกิดตลาดนัดขึ้นทุกวันศุกร์ ซึ่งเป็นวันละหมาดญุมอัตที่ชาวมุสลิมจะมาละหมาดรวมหมู่กัน ณ ศาสนสถาน แรกเริ่มเดิมทีกาดบ้านฮ่อหรือตลาดนัดจีนยูนนานแห่งนี้จึงมีพ่อค้าแม่ขายที่เป็นชาวมุสลิมเป็นหลักจนจะเรียกว่าเป็นตลาดฮาลาลก็ย่อมได้ แต่เมื่อวันเวลาผ่านมากว่า 30 ปี ตลาดก็เริ่มเปิดรับวัฒนธรรมที่หลากหลายขึ้น โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าชาวชาติพันธุ์ที่ขนวัตถุดิบสดใหม่ลงมาจากดอย ปัจจุบันคนเชียงใหม่ก็เป็นอันรู้กันว่า ถ้าอยากได้ผักดอย เนื้อน้ำค้าง หมูน้ำค้าง และอาหารชาติพันธุ์ต่างๆ ก็ต้องรอมาเจอกันวันศุกร์ที่กาดบ้านฮ่อนี่แหละค่ะ
ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568 ที่ผ่านมา กาดบ้านฮ่อได้มีการประกาศย้ายสถานที่ชั่วคราว จากเดิมที่อยู่ในเวิ้งบ้านโบราณเจิ้งเหอ ถนนเจริญประเทศ ข้ามไปอยู่บริเวณลานจอดรถของโครงการพาเพลินมาร์เก็ต บนถนนท่าแพ ซอย 1 ซึ่งไม่ไกลจากเดิมมากนัก
เมื่อได้ยินข่าวความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรอบ 30 ปี ฉันก็อดไม่ได้ที่จะต้องแวะเวียนเข้าไปเป็นผู้สังเกตในสถานการณ์นี้ด้วยอีกคน ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมาฉันเลยเก็บกระเป๋าขึ้นเหนือ และตั้งใจตื่นแต่เช้าเพื่อไปกาดบ้านฮ่อ (ใหม่) เลยถือโอกาสเก็บภาพบรรยากาศความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มาฝากทุกคนค่ะ
บ้านโบราณเจิ้งเหอหลังนี้ เป็นบ้านเดิมของเจิ้งชงหลิ่ง พ่อค้าชาวจีนยูนนานซึ่งสามารถนำทัพคาราวานม้าต่าง (ม้าบรรทุก) กว่า 100 ตัวเดินทางมาจากมณฑลยูนนานในช่วงรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 เมื่อเดินทางมาถึงเชียงใหม่ก็ได้ตั้งรกฐากค้าขายจนมั่งคั่ง
เจิ้งชงหลิ่งกลายเป็นพ่อค้าร่ำรวยขนาดที่ว่าสามารถบริจาคที่ดินกว่า 100 ไร่ให้สำหรับสร้างสนามบินเชียงใหม่ได้พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.6) จึงมีพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็น ‘ขุนชวงเลียงฦาเกียรติ’ ภายหลังมีการสืบหาประวัติของเจิ้งชงหลิ่งเพิ่มเติมโดยนักประวัติศาสตร์และทายาทตระกูลวงศ์ลือเกียรติ สามารถยืนยันได้ว่าเจิ้งชงหลิ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 15 จากสาแหรกหนึ่งของเจิ้งเหอ ขันที แม่ทัพ และขุนนางคนสำคัญแห่งราชวงศ์หมิง จึงมีการเรียกบ้านโบราณหลังนี้ว่า ’บ้านโบราณเจิ้งเหอ‘ ด้วยอีกชื่อหนึ่ง
ขุนชวงเลียงฦาเกียรติ หรือ เจิ้งชงหลิ่ง ละบ้านโบราณเจิ้งเหอหลังนี้ไว้เป็นอนุสรณ์ให้กับทายาท เป็นประวัติศาสตร์ของเมือง และ (เคย) เป็นพื้นที่ให้พ่อค้าแม่ขายได้มาตั้งร้านกันทุกวันศุกร์ ปัจจุบันเมื่อตลาดถูกย้ายออกไปที่อื่น เวิ้งบ้านโบราณที่เคยคึกคักทุกเช้าวันศุกร์ก็ดูเงียบเหงาไปถนัดตา

เมื่อกองทัพต้องเดินด้วยท้องเป็นหลัก แม้จะยังเดินไปไม่ถึงตลาดใหม่ ฉันก็แวะกินข้าวฟืนอุ่นที่ร้านประจำ (ร้านเต๊นแดงหน้าตลาดเก่า) ก่อนเลย 1 ถ้วย จานนี้ถือว่าเป็นเมนูโปรดตลอดกาลจากร้านโปรดตลอดกาลของฉันเลยค่ะ จะบอกว่าเป็นร้านที่อร่อยที่สุดในตลาดก็คงพูดไม่ได้ เพราะเอาจริงๆ ฉันแทบไม่เคยกินข้าวฟืนร้านอื่นในตลาดเลย ตั้งแต่จำความได้ แวะมากาดบ้านฮ่อที่ไรก็ต้องเริ่มต้นด้วยข้าวฟืนร้านนี้ตลอด ความหอม อุ่น นุ่ม นัว ของข้าวฟืนอุ่นทำให้รู้สึกว่าคุ้มค่ากับการตื่นมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางจริงๆ

แม้ตลาดจะย้ายไปแล้ว แต่ร้านข้าวฟืนอุ่นร้านนี้ยังตัดสินใจว่าจะขายอยู่ที่เดิมต่อ เพราะได้เช่าห้องแถวฝั่งตรงข้ามไว้สำหรับเป็นที่ให้ลูกค้าได้นั่งกินสบายๆ และลูกค้าประจำก็ยังมาสม่ำเสมอเหมือนเดิม
อีกร้านหนึ่งที่ฉันอยากแนะนำคือร้านนี้ค่ะ อยู่ใกล้กันกับร้านข้าวฟืนเลย เมนูเด็ดคือขนมข้าวโพดทอดที่หวาน หอม และนุ่มหนึบ หรือจะเป็นแป้งทอดไส้ถั่วก็อร่อยเหมือนกัน บ้านฉันจะซื้อข้าวฟืนและขนมข้าวโพดสองร้านนี้ทันทีที่ถึงตลาดเหมือนเป็นโปรแกรมอัตโนมัติเลยค่ะ


ระหว่างที่นั่งเอนจอยกับอาหารเช้า ฉันก็ได้คุยกับคุณลุงท่าทางใจดีที่มานั่งร่วมโต๊ะ ได้ความว่าทั้งชาวบ้านในละแวกนี้และพ่อค้าแม่ขาย ต่างได้รับข่าวสารเรื่องการย้ายตลาดมาแบบคนละที่ละทาง บางร้านก็เข้าใจว่าเป็นการย้ายชั่วคราวเพื่อปรับปรุงพื้นที่ และน่าจะใช้เวลาไม่เกิน 2 ปีก็คงได้ย้ายกลับไปขายที่เวิ้งเดิม ส่วนอีกบางคนก็คิดว่าเป็นการย้ายถาวรเพราะป้ายโครงการปรับปรุงพื้นที่แจ้งให้เห็นงบในหลักร้อยล้านพันล้าน และเชื่อว่าเมื่อมีการใช้เงินไปมหาศาลขนาดนั้นแล้ว บรรดาร้านเล็กๆ ก็คงไม่มีโอกาสกลับไปใช้พื้นที่ตลาดเดิมอีกแน่นอน
ฉันนั่งฟังอยู่จนข้าวฟืนหมดชามก็ยังไม่ได้ข้อเท็จจริงอะไรมากมายไปกว่าเดิมเท่าไรนัก นอกจากความไม่มั่นใจและการคาดเดาของคนโน้นทีคนนี้ที เมื่ออิ่มแล้วจึงเดินต่อไปที่พื้นที่ตลาดใหม่ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ส่วนด้วยกัน

ส่วนแรกอยู่ในพื้นที่ตลาดพาเพลิน เป็นที่สำหรับอาหารพร้อมกินทั้งหลาย นอกจากร้านเด็ดร้านดังจากตลาดเดิมแล้ว ฉันสังเกตว่ามีร้านใหม่เพิ่มขึ้นอีกหลายร้าน และกลุ่มคนที่มาเดินไม่ได้มีแค่คนท้องถิ่นหรือนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่มีชาวจีนที่มาลงหลักปักฐานอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ระลอกหลังๆ จำนวนไม่น้อยด้วย อาจเป็นเพราะตลาดนี้มีวัตถุดิบที่คุ้นตาชาวจีนอยู่มาก แถมพ่อค้าแม่ค้าส่วนใหญ่ก็ยังพูดจีนได้คลองปร๋อ

ร้านข้าวฟืน ยำ และของทอดแบบนี้มีให้เห็นเป็นสิบๆ ร้านทั่วตลาด
ฉันไม่ได้ใช้เวลาไปกับตลาดฝั่งอาหารพร้อมกินมากนัก เพราะเป้าหมายหลักคือตลาดวัตถุดิบซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามในลานจอดรถค่ะ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าตลาดวัตถุดิบฝั่งนี้คนแน่นกว่าประมาณหนึ่งเลย

มีอาหารชาติพันธุ์ อาหารท้องถิ่นที่คนเมืองอาจจะไม่เคยกินหรือกระทั่งไม่เคยเห็นเยอะมาก และส่วนใหญ่ก็ขายในราคาเป็นมิตร ชวนให้ซื้อไปลองทำลองกิน (วัตถุดิบหรือเครื่องปรุงอันไหนที่ใช้ไม่เป็นแต่อยากลอง สอบถามกับพ่อค้าแม่ค้าได้เลยค่ะ ทุกคนยินดีที่จะอธิบายมากๆ)
กลับไปอัปเดตกาดบ้านฮ่อครั้งนี้ มีอะไรน่าสนใจบ้าง มาดูกันค่ะ

อยางแรกที่สังเกตเห็นคือเครื่องเทศเครื่องปรุงที่มีเยอะมาก บางอย่างก็เป็นของสามัญ แต่หลายอย่างถ้าไม่ใช่คนในกลุ่มชาติพันธุ์จริงๆ ก็น่าจะไม่เคยเห็นเลยค่ะ ในถุงที่มีรูปมิกกี้เม้าส์คือแป้งถั่วชิกพี สำคัญมากในอาหารพม่าและอาหารไทใหญ่ เรียกว่าที่นี่เป็นตลาดของนำเข้าอีกแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ก็คงไม่ผิดนักค่ะ

ซองๆ แบบนี้เป็นผงทำข้าวหมาก (ด้านหลังซองมีวิธีทำให้เสร็จสรรพ)

(ขวาบน) นวัตกรรมข้าวปุกซีลใส่ถุงสุญญากาศ ช่วงหน้าฝนแบบนี้พ่อค้าบอกว่าเก็บในตู้เย็นได้ประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ถ้าหน้าหนาวอยู่เป็นเดือนได้สบายๆ ขนาดว่ามีลูกค้าซื้อไปต่างประเทศเลยก็มี
(ซ้ายล่าง) ถั่วเน่าซาหรือถั่วเน่าสด ห่อด้วยใบตองตึง หอนี้ราคาแค่ 10 บาทเท่านั้น ถูก สด และฟูสวย เหมาะจะเอาไปคั่วใส่ไข่หอมๆ ค่ะ
(ขวาล่าง) ข้างๆ กันมีบุกก้อน อาหารแบบชาวไทใหญ่ ไทลื้อ ไยอาหารสูง พลังงานต่ำ ในตัวบุกจะมีการปรุงรสด้วยพริกแกง จึงมีรสชาติอยู่แล้วนะคะ เมนูยอดนิยมก็คือยำบุก หั่นชิ้นพอคำแล้วยำกับพริก ต้นหอม ผักชี เกลือ ผงปรุงรส บีบมะนาว คนให้เข้ากันแล้วเอ็นจอยได้เลย ส่วนใครกินถั่วเน่าได้ก็ย่างถั่วเน่าแผ่นให้หอมแล้วทุบให้ป่น ใส่ไปด้วยก็จะได้อีกรสหนึ่งค่ะ

ของที่ขายในตลาดค่อนข้างจะแรนดอม คือไม่มีการจัดโซนใดๆ ทั้งนั้น แต่ก็ทำให้เดินดูของโน่นนี่ได้เพลินๆ เลยค่ะ

(ซ้ายบน) พริกไทยดอย
(ขวาบน) ถั่วมะบอย หรือถั่วราชมาด แบบแกะแล้ว
(ซ้ายล่าง) เชอรี่ดอย
(ขวาล่าง) รากชูขาวๆ ฟูๆ โสมตังกุย และหอมดอย

ถั่วต้มถุงๆ แบบนี้อร่อยมากค่ะ ไม่รู้ดั้งเดิมเขากินกันอย่างไรแต่ที่บ้านฉันชอบซื้อไปกินกับข้าวต้ม หรือไม่ก็นั่งกินเล่นได้เป็นถุงๆ

ส่วนอันนี้คือเนื้อน้ำค้าง ของเด็ดของดีประจำตลาด เป็นเนื้อที่หมักสมุนไพรแล้วผึ่งในอากาศเย็นๆ จนผิวด้านนอกแห้ง อีกวิธีในการถนอมอาหารแบบชาวจีนยูนนาน

นอกจากเนื้อแล้ว เป็ดน้ำค้างทั้งตัวก็มี

หมูน้ำค้างก็มีเช่นกันค่ะ แม้ชาวจีนยูนนานส่วนใหญ่จะนับถือศาสนาอิสลาม แต่เราก็ไม่สามารถเหมารวมว่าคนจีนยูนนานทั้งหมดเป็นจีนมุสลิมได้ ดังนั้นกลุ่มคนยูนนานที่ไม่ใช่มุสลิมก็มีการถนอมอาหารกรรมวิธีเดียวกับเนื้อน้ำค้าง แต่ใช้หมูสามชั้นแทน เรียกว่าหมูน้ำค้าง นำมาซอยบางๆ แล้วทำข้าวผัดหรือใส่ผัดผัก อร่อยมากค่ะ

ผักดองสารผัดแบบ มีทั้งดองเปรี้ยวเค็ม ดองพริก ดองเต้าหู้ยี้ กินกับข้าวต้มร้อนๆ ถูกต้องที่สุด มุมนี้ฉันมาทีไรก็ต้องแวะถ่ายรูปทุกทีเพราะสีผักดองสวยจนอดใจไม่ไหว

ไก่ดำ ไก่บ้าน เป็ด ขายกันเป็นตัวๆ

ส่วนร้านนี้เป็นร้านเนื้อแพะ บางวันก็มีนมแพะและโยเกิร์ตนมแพะมาวางขายด้วย

ตัวฉันเองแม้จะเดินตลาดบ้านฮ่อมาตั้งแต่เด็ก แต่ส่วนใหญ่มักจะเป็นการมาหาอะไรกินและเดินดูเพื่อความบันเทิงใจมากกว่า อย่างเช่นวันนี้ มีมาไลโกว เค้กนึ่งแบบจีนให้กินด้วยค่ะ ชิ้นละ 10-20 บาท หอมกลิ่นแป้งนึ่งกับน้ำตาลมาก

พวกน้ำพริกปาลาฉ่อง กรอบๆ เค็มๆ เผ็ดๆ อันนี้ของโปรด ซื้อติดตู้เย็นไว้ เผื่อวันไหนขี้เกียจทำกับข้าว แค่โรยข้าวกินกับผักสดไข่ต้มก็อิ่มไปได้อีกมื้อ
ใครชอบดูวัตถุดิบพื้นบ้าน หาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ไปทำอาหาร ฉันแนะนำให้แวะมาเดินกาดนัดบ้านฮ่อดูค่ะ รับรองว่าได้อะไรใหม่ๆ ให้ไปต่อยอดแน่นอน ถึงตลาดจะย้ายมาที่ใหม่ แต่ความคึกคักของพ่อค้าแม่ค้า และความหลากหลายของวัตถุดิบยังยืนหนึ่งเหมือนเดิมค่ะ
ตลาดจีนยูนนาน (กาดนัดบ้านฮ่อ)
พิกัด ลานจอดรถโครงการเพลินมาร์เก็ต ท่าแพซอย 1 ติดคลองแม่ข่า
Google Map : https://maps.app.goo.gl/NgUXnxTfx3xoBfHU8
เปิด-ปิด เปิดทุกวันศุกร์ 05.00 – 12.00 น.
ข้อมูลจาก
จีนยูนนาน (จีนฮ่อ) โดย ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน)
ทายาท(สายหนึ่ง)ของ “เจิ้งเหอ” ผู้บัญชาการกองเรือมหาสมบัติ อยู่เชียงใหม่จริงหรือ?
Contributor
Recommended Articles