
จุดกำเนิดของเค้กและการเดินทางเข้าสู่เมืองไทย
จุดเริ่มต้นของ เค้ก นั้นก็เช่นเดียวกับขนมอีกหลายชนิด นั่นคือสามารถสืบย้อนหลังไปได้ไกลมาก แม้ ‘เค้ก’ จะมีรากศัพท์มาจากคำว่า ‘kaka’ ในภาษาของชาวไวกิ้ง แต่เชื่อกันว่าเค้กก้อนแรกของโลกน่าจะถือกำเนิดขึ้นโดยชาวสุเมเรียน ในประเทศอิรักโบราณเมื่อประมาณ 4,000 ปีก่อนคริสตกาล เค้กในสมัยนั้นทำง่ายๆ จากวัตถุดิบที่หาได้ทั่วไปอย่างแป้งสาลี น้ำผึ้ง และผลไม้ เค้กยังเป็นที่นิยมของชาวอียิปต์โบราณด้วย โดยทำจากข้าวสาลี น้ำผึ้ง นม และน้ำมันมะกอก ซึ่งในราวศตวรรษที่ 13 มีการค้นพบหลักฐานการอบขนมเค้กเก่าเเก่ของชาวอียิปต์ที่มีลักษณะเป็นเค้กผลไม้เเละ Gingerbread
กระทั่งในช่วงยุคกลาง เค้กก็กลายเป็นขนมหวานขวัญใจชาวยุโรปด้วยวัตถุดิบอย่างแป้งสาลี ไข่ น้ำตาล และนม เค้กยุคนี้โดดเด่นตรงรสหวานจัดและมักมีส่วนผสมของผลไม้แห้งหรือถั่ว จุดเปลี่ยนสำคัญของวงการเค้กมาถึงในปีค.ศ 1843 เมื่ออัลเฟรด เบิร์ด นักเคมีชาวอังกฤษได้ค้นพบ ‘ผงฟู’ หรือ baking powder ที่ทำให้เขาสามารถทำขนมปังแบบไม่มียีสต์ให้กับอลิซาเบธผู้เป็นภรรยาได้เป็นครั้งแรก เนื่องจากภรรยาของเขาเป็นโรคภูมิแพ้ไข่และยีสต์ อีกทั้งช่วงนี้ยังมีการพัฒนานวัตกรรมเตาอบ เเบบพิมพ์ขนม เเละน้ำตาลทราย เค้กจึงเริ่มมีหน้าตาเป็นทรงกลมตามแบบที่เราคุ้นเคยกันในปัจจุบัน

ส่วนการเดินทางของเค้กเข้าสู่เมืองไทย คาดกันว่าน่าจะเข้ามาเมื่อสัก 60 กว่าปีที่เเล้ว ช่วงแรกๆ ความนิยมยังจำกัดอยู่ในเฉพาะกลุ่มชาวตะวันตกที่อาศัยอยู่ในไทย หรือกลุ่มคนที่ใกล้ชิดกับชาวตะวันตก จนถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เค้กก็เริ่มแพร่หลายออกสู่วงกว้าง ด้วยเพราะมีการค้าการลงทุนจากต่างชาติ ธุรกิจท่องเที่ยวเเละโรงเเรมก็เฟื่องฟูขึ้น เพื่อเป็นการรองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาไทย โรงเเรมต่างๆ จึงผลิตขนมอบเเละขนมเค้กเพื่อให้บริการชาวต่างชาติที่ไม่คุ้นเคยกับอาหารท้องถิ่น เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่เค้กก็เริ่มถูกนำไปใช้ในงานเลี้ยงสังสรรค์ ต้อนรับเเขกในงานสัมมนา งานเเต่งงานเเละงานฉลองวันเกิด การเปลี่ยนเเปลงที่เห็นได้ชัดในประเทศไทยยุคนั้นก็คือมีการเปิดร้านเบเกอรี่มากขึ้น
ร้านเบเกอรี่ในไทยขยายตัวอย่างมากในช่วงสงครามเวียดนาม ถึงขั้นที่มีการสร้างโรงโม่เเป้งสาลีขึ้นมาในไทย เพื่อลดต้นทุนการนำเข้าเเป้งสาลีจากต่างประเทศ โดยมีโรงโม่แป้งสาลีถึง 23 แห่ง เเบรนด์แป้งสาลียี่ห้อต่างๆ ก็ใช้วิธีอบรมเเละสาธิตวิธีการใช้เเป้งสาลีมาทำขนมให้กับลูกค้า ทำให้ธุรกิจเบเกอรี่เข้าถึงประชาชนกว้างขวางขึ้น และได้รับความนิยมต่อเนื่องแม้สิ้นสุดสงครามเวียดนาม คนไทยเริ่มกินขนมปัง ขนมเค้ก คุกกี้ พาย พัฟ ฯลฯ กันมากขึ้น เพราะกินง่ายเหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เร่งรีบของคนยุคหลังสงคราม แล้วยังนิยมกินขนมเหล่านี้คู่กับกาเเฟหรือเครื่องดื่มในคาเฟ่ หน่วยงานต่างๆ อาทิ วิทยาลัยสารพัดช่าง วิทยาลัยการอาชีพ วิทยาลัยอาชีวศึกษา มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ โรงเรียนของเอกชนเปิดสอนด้านขนมอบ ก็ช่วยกันเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับขนมอบมากขึ้น พร้อมกับมีตำราการฝึกปฏิบัติทำขนมอบ เพื่อให้ประชาชนนำไปประกอบเป็นอาชีพอย่างจริงจัง
โดยหนึ่งในเหตุการณ์ที่แสดงถึงความนิยมและความโก้หรูของเค้กในไทยก็คือเดือนธันวาคม ปี พ.ศ.2526 เเบรนด์มาดาม มาร์โก้ จัดงานเปิดตัว ‘เค้กกาแฟเจนัว’ สูตรดั้งเดิมจากฝรั่งเศส ที่ถือเป็นความเเปลกใหม่ในยุคนั้นอย่างยิ่งใหญ่ ผู้มาร่วมงานมีตั้งแต่บุคคลระดับนายกรัฐมนตรีไปจนถึงไฮโซทั่วฟ้าเมืองไทย อาทิ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช, พจน์ สารสิน, คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน, จุติ บุญสูง ฯลฯ
ภาพ: https://mydiningchef.com/main/wp-content/uploads/2020/11/mw189977.jpg
https://mydiningchef.com/main/wp-content/uploads/2020/11/AlfredBirdBakingPowder.jpg
ที่มา: https://www.matichon.co.th/prachachuen/news_1214738
Contributor
Recommended Articles
Recommended Videos