ใกล้สิ้นเดือนทีไร เมนูไข่เจียวจะต้องวนมา เพราะแม้ปัจจุบันไข่จะราคาฟองละหลายบาท แต่ก็ยังถือว่าราคาเบากว่าอาหารอื่นๆ อีกทั้งไข่เจียวยังทำง่าย วัตถุดิบไม่เยอะ จะไม่ใส่อะไรเลย เพียงแค่เจียวไข่เท่านั้นก็ยังได้ จึงนับเป็นหนึ่งในเมนูคู่ครัวคู่ใจคนกระเป๋าแบน… แต่! รู้หรือไม่ว่าครั้งหนึ่งไข่เจียวเคยเป็นอาหารของผู้ลากมากดีในรั้วในวัง และเป็นหนึ่งในอาหารที่รวมอยู่ในสำรับพระราชพิธีสมโภชพระแก้วมรกตเลยทีเดียวเชียวนะ!

อย่างที่เรารู้กันนั่นละค่ะว่าสถานะของไข่เจียวในสายตาชาวไทยปัจจุบัน เป็นเพียงอาหารบ้านๆ ธรรมดาสามัญ ครัวไหนๆ ก็ทำกินกันอย่างดาดดื่น แต่มองย้อนกลับไปถึงเรื่องราวของไข่เจียวในประวัติศาสตร์ไทย ก็ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาอย่างที่คิด เพราะจากการค้นเจอในบันทึกเก่าแก่ที่สุดใน ‘จดหมายเหตุความทรงจำกรมหลวงนรินทรเทวี’ ระบุว่า ไข่เจียวเป็นอาหารชนิดหนึ่ง ที่จัดเป็นสำรับไว้ในพระราชพิธีสมโภชพระแก้วมรกต และฉลองวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในสมัยรัชกาลที่ 1 ซึ่งสันนิษฐานได้ว่า ไข่เจียวน่าจะมีมาก่อนหน้านั้น อาจจะมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ในช่วงสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ที่เริ่มติดต่อค้าขายกับฝรั่งเศส เพราะออมเล็ตเป็นอาหารยอดนิยมของฝรั่งเศส เมนูออมเล็ตจึงน่าจะเข้ามาพร้อมกับคณะทูต ประกอบกับไทยเราก็มีการใช้กระทะเหล็กจากจีนมานานแล้ว วัตถุดิบก็มี การทำเมนูออมเล็ตจึงไม่ใช่เรื่องยาก

เมื่อมาจากเมืองฝรั่งมังค่า จึงแน่นอนว่าไข่เจียวถือกำเนิดในไทยในฐานะอาหารชาววัง ก่อนจะเผยแพร่กรรมวิธีการทำสู่สาธารณชนในภายหลัง อย่างสูตรไข่เจียวชาววังจากหนังสือ ‘ตำรับชาววังสายเยาวภาฯ’ นั้น ระบุว่าทำโดย “ตี (ไข่) ให้ฟูก่อนจึงค่อยเจียว เวลาเจียวไม่ควรกลับ ใช้จ่าหลิว (ตะหลิว) แซะข้างกระทะ เพื่อให้ไข่ที่ยังไม่สุกจะได้ไหลออก ทิ้งไว้ให้เหลือง จึงพับสอง ตักใส่จาน…”

การทำออมเล็ตก็ใช้วิธีคล้ายๆ กันคือ ตีไข่ให้ฟู ใส่นม เนย หรือวัตถุดิบอื่นที่อยากรับประทาน ลงในกระทะ ทอดจนพองสุกพองาม แล้วแซะจากข้างกระทะพับครึ่งยกเสิร์ฟ

ส่วนจุดเริ่มต้นของไข่เจียวจริงๆ นั้น เชื่อกันว่ากำเนิดขึ้นโดยชาวโรมันที่ริเริ่มนำไข่กับน้ำผึ้งหวานมาผสมเข้าด้วยกัน และเรียกไข่ที่ทำขึ้นนี้ว่า ovemele ซึ่งค่อนข้างใกล้เคียงกับคำว่า omelet ในปัจจุบัน

ยังมีหนึ่งในเรื่องเล่าสุดฮิตว่าด้วยประวัติศาสตร์ของไข่เจียวว่าเกิดจาก นโปเลียน โบนาปาร์ต และกองทัพของเขา ระหว่างเดินทางผ่านเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง นโปเลียนตัดสินใจเข้าพักในโรงเตี๊ยมท้องถิ่น ที่มีการเสิร์ฟไข่เจียวเป็นอาหารเช้า ทันที่ได้ชิมนโปเลียนประทับใจมากและสั่งให้รวบรวมไข่ทั้งหมดในเมือง เพื่อนำมาทำไข่เจียวยักษ์ให้กับทหารในกองทัพได้กินในวันรุ่งขึ้น เรื่องนี้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเทศกาลประจำปีในเมือง Bessieres ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งทุกๆ ปีจะมีการทำไข่เจียวขนาดยักษ์ให้ชาวเมืองทุกคนได้ลิ้มลอง

อีกเรื่องเล่าว่านายพลชื่อ Tomás de Zumalacárregui เป็นผู้คิดค้นและทำให้ไข่เจียวกลายเป็นอาหารที่ทำได้ง่ายๆ เพราะเขาได้เริ่มทำไข่เจียวให้ทหารในกองทัพของตัวเองได้กินระหว่างการบุกโจมตีเมืองบิลเบา ในขณะที่อีกเรื่องหนึ่งระบุว่าที่จริงแล้วแม่บ้านชาวไร่ยากจนคือผู้คิดค้นอาหารจานนี้ เนื่องจากเธอทำไข่เจียวให้นายพลที่เดินทางผ่านฟาร์มได้กิน ไข่เจียวจึงกลายเป็นที่รู้จัก

ข้ามทวีปมาที่ประเทศจีนกันบ้าง พ่อครัวชาวจีนที่ทำงานบนทางรถไฟได้เริ่มนำไข่เจียวมาคั่นระหว่างขนมปัง 2 แผ่น เพื่อให้คนเดินทาง พนักงาน หรือคนงานกินได้ง่ายขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปไข่เจียวที่เสิร์ฟพร้อมขนมปังก็พัฒนาเป็นไข่เจียวที่เสิร์ฟโดยไม่มีขนมปัง

แต่แม้จะเป็นอาหารแสนเบสิก การทำไข่เจียวให้อร่อยนั้นก็ไม่เชิงว่าจะง่ายเสียทีเดียว มันต้องมีเคล็ดลับกันพอสมควร ยิ่งโดยเฉพาะกับเทกเจอร์ของไข่เจียวที่เป็นได้สารพัดตามแต่ความชอบ ทั้งหนานุ่ม ฟูนุ่ม ฟูกรอบ ไหนจะสารพันวัตถุดิบที่ใส่ได้ไม่จำกัดตามใจคนทำ ซึ่งเชฟน่านได้มา ถอดรหัสไข่เจียวอย่างไทย ไว้ให้แล้ว ทำร้อยทีอร่อยร้อยครั้งไม่เกินจริง

ว่าแล้วก็คว้ากระทะตะหลิวเข้าครัวทำไข่เจียวกันดีกว่าค่ะ!

คลิกดูสูตรไข่เจียว

ไข่เจียวหนานุ่ม

ไข่เจียวฟูกรอบ

ไข่เจียวฟูนุ่ม

ไข่เจียวปลาร้าบอง

ไข่เจียวหมูสับ

ไข่เจียวหอมแดงพริกสด

ที่มา: https://creator.kapook.com/view261230.html