เปิด "ตำราอาหาร" ได้ที่นี่

 

food story

The Platform หนังที่ใช้ ‘การกิน’ ตีแสกหน้าตั้งแต่ชนชั้นยันศาสนา

Story by ศรีวิการ์ สันติสุข

หนังไซไฟระทึกขวัญจากสเปนที่นำอาหารและการกินมาตีแผ่สังคม ชนชั้น ระบอบ เครื่องมือ ไปจนถึงศาสนา

ต้องบอกก่อนเลยว่า The Platform หรือชื่อภาษาสเปน El Hoyo (The Hole) มากับเรท 18+ พร้อมทั้งความโหด รุนแรง ภาพแหวะๆ เลือดสาด และยิ่งกว่านั้นเยอะมาก (บอกไม่ได้ เดี๋ยวจะเป็นการสปอยล์) แต่ด้วยพล็อตที่แปลกแหวกแนวว่าด้วย ‘การกิน’ โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ใน ‘ศูนย์ดูแลตนเองแนวตั้ง’ ซึ่งพูดง่ายๆ มันก็คือคุกดีๆ นี่เอง โดยเจ้าคุกนี้จะแบ่งออกเป็นชั้นต่างๆ ตั้งแต่ 0 จนถึงหลักร้อย แต่ละชั้นจะมีคนอยู่ 2 คน ตรงกลางเป็นรูขนาดใหญ่ เพื่อให้แท่นที่เต็มไปด้วยอาหารทั้งคาวหวาน ผลไม้ เครื่องดื่มหลากชนิดเลื่อนผ่านลงมา แท่นจะหยุดทีละชั้น ชั้นละ 2 นาที เพื่อให้คนในชั้นได้กินอาหาร โดยต้องกินภายในเวลาแค่นี้ เพราะหากกักตุนอาหารไว้ อุณหภูมิในชั้นจะร้อนขึ้นจนไหม้หรือไม่ก็เย็นจนแข็งตาย และทุกเดือนทุกคนจะถูกย้ายชั้นแบบไม่รู้เลยว่าจะได้ไปลืมตาตื่นที่ชั้นไหน

 

 

พล็อตเร้าความสนใจสุดๆ บวกกับรางวี่รางวัลที่หนังไปคว้ามา ทั้งรางวัลขวัญใจผู้ชม Midnight Madness จากเทศกาล Toronto International Film Festival ประเทศแคนาดา รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากเทศกาล Sitges – Catalonian International Film Festival ประเทศสเปน ทั้งที่เป็นผลงานกำกับเรื่องแรกของ Galder Gaztelu-Urrutia (กัลเดอร์ กัซเตลู อูร์รูเดีย) อ้อ แต่คุณผู้กำกับมีประสบการณ์ทำหนังโฆษณาและโปรดิวเซอร์ภาพยนตร์มากว่า 15 ปีนะ ทำให้เมื่อมีเวลาก็เปิด Netflix ดูอย่างว่องไว

 

โกเรง ผู้สมัครใจเข้ามาอยู่ในหลุมนี้ลืมตาตื่นขึ้นมาที่ชั้น 48 โดยมีเพื่อนร่วมห้องเป็นชายชราชื่อตรีมากาซี โกเรงเข้ามาอยู่ในหลุมเพราะเหตุผลเพียงแค่อยากเลิกบุหรี่ ส่วนตรีมากาซีมาเพราะฆ่าคนโดยไม่เจตนา และคนดูก็ได้ร่วมพัฒนาความคิด ความรู้สึก มุมมอง จนถึงการกระทำที่เปลี่ยนแปลงไปของโกเรง จากผู้ชายปกติธรรมดาๆ จิตใจดีที่เลือกนำหนังสือเข้ามาในหลุม (ทุกคนสามารถเลือกอะไรก็ได้ติดตัวเข้ามา 1 อย่าง บางคนเลือกมีด บางคนเลือกหมา) แต่เพียงเพราะเรื่อง ‘การกิน’ ที่ชนชั้นบนจะได้กินของดีๆ ก่อน จะกินมากแค่ไหนก็ได้ ชนชั้นล่างๆ ต้องกินอาหารที่เหลือจากคนชั้นบนลงมาเรื่อยๆ แค่นี้ก็ทำให้เขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง หนังไม่ได้บอกเราว่าคุกนี้มีทั้งหมดกี่ชั้น แต่คนดูก็น่าจะเดาได้ว่าอาหารไม่มีทางเหลือไปถึงชั้นล่างๆ แน่นอน

 

 

ความเจ๋งมันอยู่ตรงนี้ คือเมื่อเราอยู่ที่ชั้นกลาง เราจะมีความคิดและพฤติกรรมอย่างไร เมื่ออยู่ชั้นบน มันจะเป็นอย่างไร และเมื่อต้องลงไปอยู่ชั้นล่าง มันจะเป็นแบบไหน ในเมื่อไม่มีปัจจัยอื่น สิ่งเดียวที่กำหนดเราก็คืออาหาร ชนชั้นบนจะกินของดีแค่ไหนก็ได้ จะมูมมามยังไงก็ได้ ในขณะที่ชนชั้นล่างที่ไม่มีอาหารเหลือมาถึง เมื่อความหิวทวีถึงขีดสุด สัญชาตญาณดั้งเดิมของแต่ละคนก็ปรากฏ มันโหดได้ขนาดไหน อันนี้ให้ไปดูกันเอาเอง

 

หลุม ชั้น อาหาร กฎ สื่อนัยยะไว้แบบแทบจะต้องบอกว่าทุกดีเทล เป็นหนังที่ต้องเตือนอีกทีว่าไม่บันเทิง ดูไปเครียดไป (และไม่แนะนำให้ดูขณะรับประทานอาหาร ยกเว้นคุณเป็นญาติด็อกเตอร์ฮันนิบอล เล็คเตอร์) ลำพังแค่งานภาพที่มืดหม่น อึมครึม ก็กดดันหนักหน่วงอยู่แล้ว มาเจอเรื่องราวของการต้องเอาตัวรอดที่ยิ่งหนังเนิ่นนานไปก็ยิ่งหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ แล้วดูแบบไม่คิดมาก ไหลไปตามภาพที่เห็นก็เข้าใจได้ในระดับหนึ่ง แต่ถ้าดูเพื่อตีความเก็บสาส์นที่หนังต้องการสื่อ อันนี้ก็จะสนุกไปอีกแบบ… แม้จะมาพร้อมความปวดหัวเล็กน้อยถึงมาก ซึ่งคิดว่าคนดูก็เข้าใจได้แหละว่าหนังกำลังพูดถึงระบบชนชั้นที่ชั้นบนมีอภิสิทธิ์ ชั้นล่างไม่มีทางเลือกนอกจากก้มหน้ารับชะตา

 

 

ในขณะเดียวกันก็มีความยูโทเปีย เพราะก่อนเข้ามาอยู่ในหลุมมีการถามว่าเมนูโปรดคืออะไร ถ้าทุกคนกินแต่ของที่ตัวเองชอบ หรือกินแต่พอดี แน่นอนว่าอาหารก็จะมีเหลือไปถึงชั้นล่างๆ ทว่าในความเป็นจริง ชนชั้นสูงก็มองแต่ตัวเอง ไปจนถึงเครื่องมือในการควบคุม เมื่อโกเรงกับเพื่อนผิวสีบาฮารัตพยายามเปลี่ยนแปลงระบบด้วยการนำอาหารไปให้ถึงชั้นล่าง บางคนพูดด้วยดีๆ ก็รู้เรื่อง บางคนต้องใช้กำลัง เมื่อโกเรงบังคับชนชั้นล่างด้วยการบอกว่าถ้าไม่ทำตามจะขี้ใส่อาหาร เขาก็รับอย่างชัดเจนว่าไม่สามารถบังคับคนชั้นบนได้ “เพราะผมขี้ขึ้นไปชั้นบนไม่ได้” และแน่นอน คนชั้นล่างที่พยายามถีบตัวเองให้สูง (บาฮารัตมาพร้อมเชือกเพื่อปีนข้ามชั้น) ก็มี แต่จะสำเร็จไหม หรือต้องพบเจอกับอะไร ต้องไปดูกันเอง

 

 

ตัวละครทุกตัว การกระทำทุกอย่าง เต็มไปด้วยสาส์นที่หนังบอกเราอย่างตรงๆ ชัดๆ ชัดแบบไม่รู้จะชัดกว่านี้ไปได้ยังไง ถึงเรื่องราวของชนชั้น ระบบ เครื่องมือ ศาสนา โดยผ่านเพียง ‘อาหารและการกิน’ ที่ดูไปก็ทึ่งไปจนอยากบินไปสเปนนั่งคุยกับผู้กำกับและคนเขียนบทจริงๆ ว่าคิดได้ยังไง

 

หลายคนบอกว่าดูยาก แต่เราว่าดูง่ายมาก ตีความน้อยกว่า Parasite เยอะ เพราะมันตีแสกหน้าแบบเต็มๆ ชนิดแทบไม่ต้องแปลอะไร ในข้อแม้ว่าคุณต้องฮาร์ดคอร์ในระดับที่รับเรท 18+ violence ได้ ถึงอย่างนั้นก็ขอย้ำว่าอย่าได้ดูหนังเรื่องนี้ตอนกินข้าว… เตือนแล้วนะ!

 

ภาพจาก: Netflix

Share this content

Contributor

Tags:

ความเชื่อ, อาหารกับภาพยนตร์

Recommended Articles

Food StoryDelicious in Dungeon อนิเมะสุดอร่อยด้วยเนื้อมอนสเตอร์
Delicious in Dungeon อนิเมะสุดอร่อยด้วยเนื้อมอนสเตอร์

อนิเมชั่นเรื่องใหม่ ผจญภัยในดันเจี้ยนพร้อมจับมอนสเตอร์มาทำอาหารจานเด็ด