เปิด "ตำราอาหาร" ได้ที่นี่
Serves
3 คน
Level
2
เส้นพาสต้าที่ต้มสุกแล้วมาเคล้ากับแป้งสามลีให้ทั่วเส้น แล้วนำไปทอดให้กรอบในน้ำมัน พอเส้นพาสต้ากรอบได้ที่แล้วก็ตักขึ้น พักไว้ แล้วก็มาทำตัวเคลือบโดยการโขลกรากผักชี กระเทียม และพริกไทยให้เข้ากัน แล้วนำไปผัดในกระทะพร้อมกับน้ำตาลมะพร้าวและน้ำปลา เคี่ยวจนส่วนผสมงวดได้ที่ก็นำเส้นพาสต้าที่ทอดแล้วลงคลุกเคล้าให้ทั่ว ตักขึ้น พักให้หายร้อน
INGREDIENTS
พาสต้าเพนเน่ต้มสุก
250 กรัม
แป้งสาลีอเนกประสงค์
¼ ถ้วย
น้ำมันพืชสำหรับทอด
รากผักชีซอย
2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมไทยแกะเปลือก
2 ช้อนโต๊ะ
พริกไทยขาวเม็ด
2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช
3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา
3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลมะพร้าว
1 ½ ถ้วย
METHOD
1. ตั้งกระทะน้ำมันพืชบนไฟกลาง ระหว่างนั้นเคล้าพาสต้ากับแป้งสาลีให้ทั่ว พอน้ำมันร้อนใส่พาสต้าลงทอดจนเหลืองกรอบ ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน
2. ทำน้ำตาลสำหรับคลุกโดยโขลกรากผักชี กระเทียม และพริกไทย เข้าด้วยกันให้ละเอียด จากนั้นตั้งกระทะน้ำมันพืชบนไฟอ่อน ใส่เครื่องที่โขลกลงผัดจนหอม ใส่น้ำปลา น้ำตาลมะพร้าว เคี่ยวให้เป็นยางมะตูม นำเส้นพาสต้าทอดลงคลุกให้ทั่ว ตักขึ้น พักไว้ให้เย็น เก็บใส่ภาชนะที่มีฝาปิด
อ่านบทความเพิ่มเติม
Gallery
Tags:
กรอบเค็ม, ขนมกินเล่น, ขนมจากสามเกลอ, ของกินเล่น, ของว่าง, สามเกลอ, เพนเน่, เมนูสามเกลอ, เส้นพาสต้า
Recommended Articles
ขนมเทียนบ้านเชฟน่าน เป็นอาหารสัญชาติไหนก็ยากจะบอกได้ แต่รูปลักษณ์คล้ายกับขนมเทียนไหว้เจ้าของชาวจีน เป็นรูปสามเหลี่ยมปีระมิด ใช้แป้งข้าวเหนียวเป็นหลักมีผสมแป้งข้าวเจ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไส้ด้านในเป็นไส้คาว คือ หมูสับผัดกับกุ้งแห้ง เห็ดหูหนูดำ และต้นหอม กินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน เป็นเมนูที่ค่อนข้างซับซ้อน มีขั้นตอนในการทำมาก ดังนั้นจึงได้กินเมนูนี้ก็ในช่วงเวลาพิเศษจริง ๆ เช่น สงกรานต์ หรือ ปีใหม่ ที่มีวาระรวมญาติๆ มาล้อมวงช่วยกันปั้นขนมเทียน
อาหารว่างโบราณที่นับว่าหากินอยากอีกชนิดหนึ่งคือกระทงทอง นับวันจะยิ่งไม่ค่อยนิยมทำตามร้านอาหารเพราะต้องละเมียดในการทอดกระทงทีละชิ้น ทีละคำเพื่อใส่ไส้ อีกทั้งจะทอดทิ้งไว้ก็กลัวจะไม่อร่อย กระทงทองจึงเป็นอาหารที่นิยมทำกินเองที่บ้านหรือแจกจ่ายให้เพื่อนสนิทมิตรสหายรักเสียมากกว่า เมื่อได้แป้งกระทงทองที่กรอบบาง ไม่อมน้ำมันแล้ว ไส้กระทงทองก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบ เช่น ไส้ยำส้มโอ ไส้เมี่ยงลาว ไส้ปู ไส้ซอสขาว
เฉาก๊วยเนื้อหนึบหนับ รสชาติหวานกำลังดี กินเย็นๆแล้วชื่นใจสุดๆ เนื้อเฉาก๊วยดำๆนั้นเกิดจากการนำเอาหญ้าเฉาก๊วย มาล้างน้ำให้สะอาดก่อนจะนำไปต้มในน้ำเดือดกับใบเตย ต้มให้เปื่อยดีแล้วคันเอาแต่น้ำก็จะได้เนื้อเฉาก๊วยจากนั้นค่อยนำไปกวนกับน้ำตาลทรายแดงพอให้ละลายดีเข้ากันจากนั้นก็เติมแป้งมันที่ละลายน้ำแล้วก็จะได้เนื้อเฉาก๊วยหนึบหนับไว้กิน
บิสคอตติ (biscotti) ขนมเป็นแท่งๆ มีส่วนผสมเป็นอัลมอนด์ แป้ง ไข่ และผลไม้แห้ง อบให้แห้งทั้งก้อนใหญ่ๆ แล้วนำมาสไลซ์เป็นชิ้น และอบให้กรอบอีกที Biscotti สูตรนี้ใส่แครนเบอร์รี แอปริคอต ผิวส้ม และถั่วพิสตาชิโอ ลงไปในเนื้อบิสคอตติด้วย มักนิยมกินคู่กับกาแฟหรือชาร้อนๆ ถือเป็นของว่างยามสายและบ่ายได้เป็นอย่างดี
ขนมเทียนบ้านเชฟน่าน เป็นอาหารสัญชาติไหนก็ยากจะบอกได้ แต่รูปลักษณ์คล้ายกับขนมเทียนไหว้เจ้าของชาวจีน เป็นรูปสามเหลี่ยมปีระมิด ใช้แป้งข้าวเหนียวเป็นหลักมีผสมแป้งข้าวเจ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไส้ด้านในเป็นไส้คาว คือ หมูสับผัดกับกุ้งแห้ง เห็ดหูหนูดำ และต้นหอม กินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน เป็นเมนูที่ค่อนข้างซับซ้อน มีขั้นตอนในการทำมาก ดังนั้นจึงได้กินเมนูนี้ก็ในช่วงเวลาพิเศษจริง ๆ เช่น สงกรานต์ หรือ ปีใหม่ ที่มีวาระรวมญาติๆ มาล้อมวงช่วยกันปั้นขนมเทียน
อาหารว่างโบราณที่นับว่าหากินอยากอีกชนิดหนึ่งคือกระทงทอง นับวันจะยิ่งไม่ค่อยนิยมทำตามร้านอาหารเพราะต้องละเมียดในการทอดกระทงทีละชิ้น ทีละคำเพื่อใส่ไส้ อีกทั้งจะทอดทิ้งไว้ก็กลัวจะไม่อร่อย กระทงทองจึงเป็นอาหารที่นิยมทำกินเองที่บ้านหรือแจกจ่ายให้เพื่อนสนิทมิตรสหายรักเสียมากกว่า เมื่อได้แป้งกระทงทองที่กรอบบาง ไม่อมน้ำมันแล้ว ไส้กระทงทองก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบ เช่น ไส้ยำส้มโอ ไส้เมี่ยงลาว ไส้ปู ไส้ซอสขาว
เฉาก๊วยเนื้อหนึบหนับ รสชาติหวานกำลังดี กินเย็นๆแล้วชื่นใจสุดๆ เนื้อเฉาก๊วยดำๆนั้นเกิดจากการนำเอาหญ้าเฉาก๊วย มาล้างน้ำให้สะอาดก่อนจะนำไปต้มในน้ำเดือดกับใบเตย ต้มให้เปื่อยดีแล้วคันเอาแต่น้ำก็จะได้เนื้อเฉาก๊วยจากนั้นค่อยนำไปกวนกับน้ำตาลทรายแดงพอให้ละลายดีเข้ากันจากนั้นก็เติมแป้งมันที่ละลายน้ำแล้วก็จะได้เนื้อเฉาก๊วยหนึบหนับไว้กิน
บิสคอตติ (biscotti) ขนมเป็นแท่งๆ มีส่วนผสมเป็นอัลมอนด์ แป้ง ไข่ และผลไม้แห้ง อบให้แห้งทั้งก้อนใหญ่ๆ แล้วนำมาสไลซ์เป็นชิ้น และอบให้กรอบอีกที Biscotti สูตรนี้ใส่แครนเบอร์รี แอปริคอต ผิวส้ม และถั่วพิสตาชิโอ ลงไปในเนื้อบิสคอตติด้วย มักนิยมกินคู่กับกาแฟหรือชาร้อนๆ ถือเป็นของว่างยามสายและบ่ายได้เป็นอย่างดี
ขนมเทียนบ้านเชฟน่าน เป็นอาหารสัญชาติไหนก็ยากจะบอกได้ แต่รูปลักษณ์คล้ายกับขนมเทียนไหว้เจ้าของชาวจีน เป็นรูปสามเหลี่ยมปีระมิด ใช้แป้งข้าวเหนียวเป็นหลักมีผสมแป้งข้าวเจ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไส้ด้านในเป็นไส้คาว คือ หมูสับผัดกับกุ้งแห้ง เห็ดหูหนูดำ และต้นหอม กินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน เป็นเมนูที่ค่อนข้างซับซ้อน มีขั้นตอนในการทำมาก ดังนั้นจึงได้กินเมนูนี้ก็ในช่วงเวลาพิเศษจริง ๆ เช่น สงกรานต์ หรือ ปีใหม่ ที่มีวาระรวมญาติๆ มาล้อมวงช่วยกันปั้นขนมเทียน
อาหารว่างโบราณที่นับว่าหากินอยากอีกชนิดหนึ่งคือกระทงทอง นับวันจะยิ่งไม่ค่อยนิยมทำตามร้านอาหารเพราะต้องละเมียดในการทอดกระทงทีละชิ้น ทีละคำเพื่อใส่ไส้ อีกทั้งจะทอดทิ้งไว้ก็กลัวจะไม่อร่อย กระทงทองจึงเป็นอาหารที่นิยมทำกินเองที่บ้านหรือแจกจ่ายให้เพื่อนสนิทมิตรสหายรักเสียมากกว่า เมื่อได้แป้งกระทงทองที่กรอบบาง ไม่อมน้ำมันแล้ว ไส้กระทงทองก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบ เช่น ไส้ยำส้มโอ ไส้เมี่ยงลาว ไส้ปู ไส้ซอสขาว
เฉาก๊วยเนื้อหนึบหนับ รสชาติหวานกำลังดี กินเย็นๆแล้วชื่นใจสุดๆ เนื้อเฉาก๊วยดำๆนั้นเกิดจากการนำเอาหญ้าเฉาก๊วย มาล้างน้ำให้สะอาดก่อนจะนำไปต้มในน้ำเดือดกับใบเตย ต้มให้เปื่อยดีแล้วคันเอาแต่น้ำก็จะได้เนื้อเฉาก๊วยจากนั้นค่อยนำไปกวนกับน้ำตาลทรายแดงพอให้ละลายดีเข้ากันจากนั้นก็เติมแป้งมันที่ละลายน้ำแล้วก็จะได้เนื้อเฉาก๊วยหนึบหนับไว้กิน
บิสคอตติ (biscotti) ขนมเป็นแท่งๆ มีส่วนผสมเป็นอัลมอนด์ แป้ง ไข่ และผลไม้แห้ง อบให้แห้งทั้งก้อนใหญ่ๆ แล้วนำมาสไลซ์เป็นชิ้น และอบให้กรอบอีกที Biscotti สูตรนี้ใส่แครนเบอร์รี แอปริคอต ผิวส้ม และถั่วพิสตาชิโอ ลงไปในเนื้อบิสคอตติด้วย มักนิยมกินคู่กับกาแฟหรือชาร้อนๆ ถือเป็นของว่างยามสายและบ่ายได้เป็นอย่างดี
Recommended Videos