ปีสองปีมานี้ นมอัลมอนด์กลายเป็นกระแสนิยมจนกลายเป็นไอคอนของกลุ่มคนรักสุขภาพ หลายคนยอมจ่ายเงินแพงกว่านมชนิดอื่นเพื่อแลกกับประโยชน์ที่อัดแน่นในนมอัลมอนด์
นมอัลมอนด์เป็นแหล่งวิตามินทั้ง B,D และ E ช่วยบำรุงสมอง ลดความเสี่ยงอัลไซเมอร์ และช่วยระบบเผาผลาญไขมันให้ทำงานได้ดีขึ้น ในนมอัลมอนด์มีไขมันอิ่มตัวปริมาณน้อย ดื่มบ่อยๆ ช่วยเพิ่มไขมันดี (HDL) และลดไขมันเลว (LDL) ทำให้เราขยับออกมาไกลจากโรคหัวใจและไขมันอุดตันในเส้นเลือดอีกสักหน่อย ที่สำคัญยังปราศจากแลคโตส จึงเป็นทางเลือกที่ดีของคนพ่ายแพ้นมวัว ที่จะได้ดื่มนมเพิ่มโปรตีนและแคลเซียมให้แก่ร่างกาย แม้จะมีน้อยกว่านมวัวแต่ดื่มได้ไม่กลัวแพ้…
ทุกวันนี้เราหานมอัลมอนด์พร้อมดื่มได้ไม่ยาก แต่ทำนมอัลมอนด์ดื่มเองก็ไม่ยากเช่นกัน สำคัญคือจะได้รับคุณประโยชน์ทั้งหมดที่กล่าวมาอย่างครบถ้วน ก็ต่อเมื่อทำนมอัลมอนด์ดื่มเอง
นมอัลมอนด์โฮมเมด ดีอย่างไร?
1. ได้คุณค่าสารอาหารครบถ้วน เพราะปรับสัดส่วนความเข้มข้นของนมอัลมอนด์เองได้ และไม่ผ่านกระบวนการ UHT ฆ่าเชื้อโรคด้วยความร้อนเพื่อให้นมอัลมอนด์เก็บได้นานขึ้น ซึ่งจะลดทอนคุณค่าสารอาหารลงไปด้วย
2. ไร้สารเจือปน สารสังเคราะห์ เนื่องจากวัตถุดิบหลักคือเมล็ดอัลมอนด์กับน้ำดื่มสะอาด ซึ่งเป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติล้วนๆ
3. กลิ่นหอมอย่างเป็นธรรมชาติ ใครที่เคยกินเป็นกล่องแล้วร้องยี้ เพราะมีกลิ่นประหลาด คล้ายยาน้ำเด็ก บ้างว่ากลิ่นเหมือนเชอร์รี่สังเคราะห์ ทั้งๆที่ตอนกินเมล็ดอัลมอนด์กลับไม่มีกลิ่นนี้ สันนิษฐานว่าอาจเพราะกระบวนการ UHT และสารสังเคราะห์ต่างๆที่ผสมลงไปในขั้นตอนการผลิตล้วนส่งผลให้รสและกลิ่นเปลี่ยนไปจากที่ควรเป็น แต่ถ้าทำนมอัลมอนด์ดื่มเองจะพบว่ากลิ่นและรส ‘ต่าง’ กันมากจริงๆ
4. กากเมล็ดอัลมอนด์ที่เหลือจากการทำน้ำนมอัลมอนด์นั้นมีใยอาหารมาก เอาไปใส่น้ำปั่นผักผลไม้ช่วยเพิ่มใยอาหาร หรือนำไปผสมแป้งทำเบเกอรีได้…ทำนมอัลมอนด์ดื่มเองจึงได้ประโยชน์คุ้มค่าทั้งเมล็ดอัลมอนด์
5. สำคัญถึงสำคัญที่สุด “มันทำง่ายมาก!” เพียงแค่นำอัลมอนด์แช่น้ำข้ามคืน รุ่งขึ้นเอามาปั่นกับน้ำดื่มสะอาด แล้วกรอง แค่นี้ก็ได้นมอัลมอด์คุณภาพเต็มเปี่ยม รสชาติมัน อร่อย ส่วนใครชอบรสอมหวานนิดๆ ก็ใส่น้ำผึ้งลงไปได้
นมอัลมอนด์ เอาไปทำอะไรได้บ้าง?
จุดเด่นของนมอัลมอนด์โฮมเมดคือมีกลิ่นหอมอ่อนๆ นอกจากดื่มสดๆ ได้รสอร่อยสดชื่นแล้ว ยังนำไปใช้ ‘แทนนม’ ในเมนูชา กาแฟ และใช้ ‘แทนกะทิ’ ในเมนูขนมหวานไทยๆ โดยไม่กลบกลิ่นของวัตถุดิบหลัก อีกทั้งกากเมล็ดอัลมอนด์ยังอุดมด้วยใยอาหาร เอาไปผสมกับน้ำปั่นผักผลไม้เพื่อเพิ่มกากใย หรือผสมแป้งในเมนูเบเกอรีได้อีกด้วย ไปพบกับ “3 เมนูอร่อยจากนมอัลมอนด์” ที่เราภูมิใจนำเสนอกันเลยดีกว่า!
ก่อนจะไปทำขนมอร่อยๆ จากนมอัลมอนด์ขอเริ่มด้วยสูตรทำน้ำนมอัลมอนด์โฮมเมด เพราะทำง่ายและทำเองอร่อยกว่าซื้อกล่องเป็นไหนๆ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เหมาะใช้ ‘แทนนม’ และ ‘แทนกะทิ’ ทำของอร่อยกินได้อีกมากมาย เช่นเมนูที่เรานำมาเสนอนี้
สูตรนมอัลมอนด์โฮมเมด
อัลมอนด์ดิบ 1 ถ้วย
น้ำดื่มสะอาด 2 ถ้วย
น้ำผึ้งปริมาณตามชอบ
วิธีทำ ล้างอัลมอนด์ดิบให้สะอาด แช่ทิ้งไว้ข้ามคืน อย่างต่ำ 8-10 ชั่วโมง แต่ไม่ควรเกิน 18 ชั่วโมง แล้วนำไปลวกน้ำเดือดจัดหนึ่งครั้งเพื่อฆ่าเชื้อโรคซึ่งอาจติดอยู่ที่เปลือก จากนั้นนำไปปั่นกับน้ำดื่มสะอาดในเครื่องปั่นจนละเอียด กรองด้วยผ้าขาวบาง 1 ครั้ง และกระชอนตาถี่อีก 1 ครั้ง (เพิ่มความหวานด้วยน้ำผึ้งตามชอบ หรือไม่ใส่ก็ได้) คนให้เข้ากัน เสิร์ฟทันที หรือแช่เย็นก่อนเสิร์ฟ
Tips ยืดอายุนมอัลมอนด์
นมอัลมอนด์ทำเองเก็บได้นาน 3-4 วัน มีข้อแนะนำเล็กน้อยที่จะทำให้น้ำนมอัลมอนด์เก็บได้นานกว่านั้น
1. เลือกเมล็ดอัลมอนด์ที่สดใหม่ ผิวสีน้ำตาลสะอาด เมล็ดเต่ง ไม่มีรอยเปื้อน
2. ล้างอัลมอนด์ดิบให้สะอาดโดยใช้สองมือถูเมล็ดอัลมอนด์เข้าด้วยกันให้เกิดการเสียดสี และนำไปลวกน้ำเดือดจัด 1 ครั้ง เพื่อขจัดสิ่งสกปรกและฆ่าเชื้อโรคที่อาจติดอยู่ตรงเปลือก
3. แบ่งนมอัลมอนด์ใส่ขวดพลาสติกหรือขวดแก้วสะอาดที่มีฝาปิด ปริมาณเท่าที่ดื่มหมดใน 1 ครั้ง ปิดฝาให้สนิท แช่ตู้เย็นช่องธรรมดา อุณหภูมิ 2-5 องศาเซลเซียส
4. ธรรมชาติของน้ำนมอัลมอนด์ เมื่อตั้งทิ้งไว้ชั้นครีมกับน้ำนมจะแยกออกจากกัน ให้เขย่าก่อนดื่ม หากน้ำนมอัลมอนด์เสีย กลิ่นและรสชาติจะเริ่มไม่เหมือนเดิม
นมอัลมอนด์ใช้แทนนมวัวในชา กาแฟได้
โดยตั้งหม้ออุ่นนมอัลมอนด์ด้วยไฟกลางพออุ่น เทใส่แก้ว แล้วจึงใส่ชาหรือกาแฟที่ต้มไว้ลงไป หากเทนมอัลมอนด์ทั้งที่ยังเย็นอยู่ อาจทำให้เกิดการแยกชั้นครีมในนม ทำให้ไม่ผสมเป็นเนื้อเดียวกันกับชา กาแฟ หรือจะต้มชาพร้อมน้ำนมอัลมอนด์เลยก็ได้ อย่างสูตร “ชาจาย” ชาใส่เครื่องเทศที่นำมาเสนอนี้
ชาจาย
(จำนวน 3 ถ้วย)
น้ำ 1 ถ้วย
น้ำนมอัลมอนด์ 2 ถ้วย
กระวานเขียว 5 เม็ด
ขิง 2 แว่น
พริกไทยดำเม็ด 8 เม็ด
ชาดำ 6 ช้อนชา
น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ
ผงซินนามอนสำหรับโรย
วิธีทำ
ตั้งหม้อใส่น้ำ นมอัลมอนด์บนไฟกลางพอร้อน ใส่กระวานเขียว ขิง และพริกไทยดำ ลงในหม้อ ลดเป็นไฟอ่อน ต้มต่อประมาณ 10 นาที ใส่ชาดำลงในหม้อคนให้เข้ากัน ใส่น้ำตาลทรายแดง หมั่นคนเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้น้ำนมอัลมอนด์แตกมัน ประมาณ 5 นาที ปิดไฟ กรองเอาแต่น้ำชา ตักใส่แก้ว โรยผงซินนามอน เสิร์ฟ
นมอัลมอนด์ใช้แทนกะทิในเมนูขนมหวาน
ไม่ได้แพ้กะทิ แต่ถ้ากินกะทิมากๆมันอ้วน ก็ใช้นมอัลมอนด์แทนได้จ้า มีข้อควรระวังเล็กน้อยสำหรับเมนูที่ใช้ความร้อนอย่างแกงบวดหรือบัวลอย เพื่อความอร่อยขั้นสุด กินแล้วไม่สะดุดลิ้น อุณหภูมิควรอยู่ที่ 60-75 องศาเซลเซียส และหมั่นคนให้ทั่วเสมอๆ เพื่อความร้อนกระจายทั่วทั้งภาชนะ หากปล่อยให้ร้อนเกินไปอาจทำให้เกิดชั้นครีมคล้ายกับกะทิแตกมัน กินแล้วไม่ละมุน ทั้งยังส่งผลต่อกลิ่นและรสของนมอัลมอนด์ด้วย
แกงบวดมันม่วง
(สำหรับ 3 คน)
มันม่วง 250 กรัม
น้ำนมอัลมอนด์ 1 ½ ถ้วย
น้ำ 2 ½ ถ้วย
น้ำตาลโตนด 85 กรัม
เกลือป่นปริมาณเล็กน้อย
วิธีทำ ล้างมันม่วงให้สะอาด ปอกเปลือก หั่นมันม่วงเป็นชิ้นพอคำ ล้างน้ำให้สะอาดอีกรอบ พักไว้ ตั้งหม้อใส่น้ำนมอัลมอนด์และน้ำ ยกขึ้นตั้งบนไฟกลาง ใส่มันม่วงลงต้ม หมั่นคนตลอดเวลา พอมันสุก ใส่น้ำตาลโตนดและเกลือ คนจนน้ำตาลละลาย ปิดไฟ ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟ
กากอัลมอนด์ ทำคุกกี้ได้!
ทำนมอัลมอนด์ดื่มเองต้นทุนอาจสูงสักนิด จึงควรใช้ให้คุ้มค่า กากอัลมอนด์ที่เหลืออย่าทิ้ง เพราะนั่นล่ะของดี มีใยอาหารมาก พบใยอาหารถึง 2 ชนิด ที่ช่วยกระตุ้นการขับถ่ายและช่วยชะลอการดูดซึมไขมันกับน้ำตาล เกิดสมดุลในร่างกาย แต่กินกากอัลมอนด์เพรียวๆก็ไร้สุนทรีย์เกินไป ลองเอาไปปั่นรวมกับน้ำผักผลไม้เพื่อเพิ่มกากใย หรือทำคุกกี้อัลมอนด์ ไร้นมเนยแต่ยังได้รสอร่อย ละมุน กัดแล้วข้างนอกกรุบกรอบ เนื้อในนุ่มหนับเคี้ยวเพลินอย่างสูตรคุกกี้ที่นำมาแบ่งปันนี้
คุกกี้อัลมอนด์
(จำนวน 15 ชิ้น)
น้ำตาลทรายแดง 55 กรัม
น้ำตาล 32 กรัม
น้ำมันคาโนล่า 2/3 ถ้วย
น้ำนมอัลมอนด์ ¼ ถ้วย
แป้งมันสำปะหลัง 1 ช้อนโต๊ะ
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1½ กรัม
กากอัลมอนด์ป่น ½ ถ้วย
เบกกิ้งโซดา ½ ช้อนชา
เกลือป่น ½ ช้อนชา
ช็อกโกแลตบาร์ 58% หักชิ้นเล็ก ½ ถ้วย
วิธีทำ
1. อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 175 องศาเซลเซียส เตรียมถาดอบโดยรองแผ่นซิลิโคน เตรียมไว้
2. ตั้งกระทะไฟกลาง นำกากอัลมอนด์ที่ได้จากการทำน้ำนมอัลมอนด์ใส่กระทะ คั่วจนแห้ง มีสีเข้มขึ้น ปิดไฟ พักไว้
3.ผสมน้ำตาลทรายแดง น้ำตาลทราย น้ำมันคาโนล่า และน้ำนมอัลมอนด์ ในอ่างผสมตีส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันด้วยตะกร้อมือ จนส่วนผสมน้ำตาลข้นขึ้น พักไว้
4.ร่อนแป้งมัน แป้งสาลีอเนกประสงค์ กากอัลมอนด์ เบกกิ้งโซดา และเกลือ ลงในอ่างผสมน้ำตาล ใช้ตะกร้อมือคนให้ส่วนผสมทุกอย่างเข้ากัน ใส่ช็อกโกแลตบาร์ลงในส่วนผสมแป้ง คนให้เข้ากันอีกครั้ง พักไว้
5. ตักเนื้อคุกกี้ใส่ถาดอบที่เตรียมไว้ กดเนื้อคุกกี้ให้แบนลงเล็กน้อย นำเข้าอบในเตาอบที่อุ่นไว้ อบนานประมาณ 10 นาที นำออกมา พักไว้บนตะแกรงให้หายร้อน จัดใส่จาน เสิร์ฟ
Contributor
Recommended Articles
Recommended Videos