ตื่นเช้ามาเดินตลาด พาไปชิมอาหารในแบบฉบับคนตรัง
‘เมืองชูชก’ หรือจังหวัดตรัง ไม่ได้มีดีแค่หมูย่าง ตื่นเช้าแล้วมาเดินตลาดกัน ฉันจะพาไปชิมอาหารในแบบฉบับของเด็กตรัง แบบที่ฉันกินและเห็นมาตั้งแต่เด็กจนโต อาหารรสมือที่คุ้นเคย อาหารที่มีเอกลักษณ์ อาหารที่เกือบจะเรียกว่าเป็นวัฒนธรรมก็ว่าได้ ไปกินและสัมผัสวิถีชีวิตในแบบฉบับของเด็กตรังอย่างฉันกันเลย…
ตลาดเช้าที่ตรังให้ภาพชุมชนที่คุ้นเคย ชาวบ้านนำของที่ปลูกหรือที่หาได้มาวางขายตามถนน ใครออกทะเลไปจับปลาก็เอามาตั้งแผงขายกันให้เต็ม อาหารทะเลนี่แหละคือจุดเด่น เพราะทั้งสดและถูกมาก นอกจากของสดก็จะเห็นร้านอาหารแฝงตัวอยู่ตามตรอกซอกซอย บางทีก็ตั้งรถเข็นขายกันเลย ตั้งแต่ข้าวเหนียวหมูปิ้ง (บอกก่อนนะว่าหมูปิ้งที่นี้ใส่ขมิ้นด้วย ก็จะสีออกเหลืองหน่อยๆ และได้รสชาติอร่อยไปอีกแบบ) หมี่ผัดปู ขนมจีนน้ำยาต่างๆ ข้อนี้ไม่ต้องตกใจไปค่ะ ที่ตรังเรากินขนมจีนกันตั้งแต่เช้าจรดเย็น ถือเป็นวัฒนธรรมการกินกันเลยทีเดียว ไก่ย่าง ไก่ทอด มีหมด เรียกว่ามาเดินตลาดเช้าแล้วแสนจะคุ้ม ซื้อของสดกลับไปทำอาหารก็ได้ หรือจะหาของกินสำเร็จรูปก็ได้หมด จบในที่เดียว
เดินตลาดอยู่ก็เกิดนึกขึ้นได้ว่าในตลาดมีของกินที่มีเฉพาะตรังเพียงที่เดียวเท่านั้น หาที่ไหนไม่ได้ แต่คนส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวตรังมักไม่รู้ว่ามีอาหารชนิดนี้ขายอยู่ ด้วยความที่ฉันเป็นคนตรัง ทำให้ได้เห็นอาหารชนิดนี้มาตั้งแต่เด็ก เป็นอาหารที่แปลกแต่อร่อย ชื่อเรียกก็สั้นๆ ง่ายๆ ว่า ‘หัวหมู’ แค่นั้นเอง
‘หัวหมู’ ถือว่าเป็นอาหารพื้นเมืองของชาวตรัง วิธีทำคือนำหัวหมูกับไส้หมูไปต้มกับเครื่องพะโล้จนเข้ากันดี แล้วหั่นเป็นชิ้นกินคู่กับผักบุ้งซอยที่นำไปลวกให้สุก ราดด้วยน้ำราดสีแดงซึ่งเป็นน้ำราดสูตรพิเศษของตรัง โดยจะนำเอาค้อมเจือง (น้ำซอสที่ได้จากการนำมันเทศกับถั่วลิสงไปต้มจนสุกเปื่อย จากนั้นนำไปโม่จนละเอียด ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำส้ม เกลือ ต้มต่อจนเดือดและเคี่ยวด้วยความร้อนจนได้น้ำซอสเหนียวข้น) ผสมกับน้ำส้มสายชู น้ำตาล และพริกกับกระเทียมที่ตำรวมกัน เคี่ยวผสมให้เข้ากันในหม้อพอแค่น้ำตาลละลาย พอหายร้อนแล้วค่อยนำมาผสมกับหัวกะทิ ราดบนหัวหมู รสชาติของน้ำจิ้มออกเปรี้ยวอมหวาน มีความหอมมันของถั่วลิสงคั่วบดและน้ำกะทิที่ผสมอยู่ กับเนื้อสัมผัสของหัวหมูกรุบกรอบหอมกลิ่นเครื่องพะโล้ กินพร้อมผักบุ้งลวกที่ยังกรอบอยู่ เป็นส่วนผสมที่เข้ากันอย่างลงตัว รับรองว่าคนนอกพื้นที่ไม่เคยกินเมนูนี้ที่ไหนแน่นอน
อาหารเช้า สุดแสนอลังการงานสร้างเป็นซิกเนเจอร์ของเมืองตรัง เนื่องด้วยเป็นสังคมที่ผสมผสานทั้งคนไทยจีน เดินเข้าไปหนึ่งร้านเลือกกินได้ทั้งอาหารไทยและจีน สมัยก่อนทันทีที่เดินเข้าร้าน นั่งปุ๊บ พนักงานจะเอาของมาลงที่โต๊ะแบบจัดเต็ม ตั้งแต่จาโก้ย (ปาท่องโก๋) หมูย่างสับเป็นชิ้นเล็กๆ เกี๊ยวทอด เปาะเปี๊ยะทอด เปาะเปี๊ยะสด ซาลาเปา หมั่นโถ บ๊ะจ่าง แล้วยังสั่งข้าวต้ม หมี่หุ้นกระดูกหมู (หมี่หุ้นคือเส้นหมี่ขาว) ข้าวรวม (ข้าวหน้าไก่ย่าง ไก่ต้ม หมูแดง หมูย่าง แล้วแต่ว่าร้านนั้นจะมีอะไรบ้าง) ข้าวราดแกง ขนมจีน เพิ่มได้อีกด้วย อยากกินอะไรก็เลือกกินอันนั้น กินเสร็จแล้ว จ่ายเท่าที่กิน แต่สมัยนี้เปลี่ยนไปนิดหน่อย พนักงานจะนำของมาให้เลือกว่าอยากกินอะไร เราก็เลือกหยิบเฉพาะสิ่งที่อยากกิน ซึ่งฉันว่าก็ดีนะคะ จะได้ไม่เสียของที่ต้องวางไว้เต็มโต๊ะ
‘กวยต้าว’ เป็นอาหารที่ฉันกินตั้งแต่เด็ก และส่วนมากก็จะได้กินเฉพาะงานเทศกาลต่างๆ หน้าตาคล้ายหมูสับผัด แต่น้ำจะออกเหนียวๆ ข้นๆ บ้างครั้งอาจใส่เนื้อปูลงไปด้วย รสชาติของกวยต้าว ฉันบอกได้เลยว่าอร่อยมากกกกกก ความเหนียวของเนื้อสัมผัส รสชาติที่ออกเค็มเล็กน้อยแต่ผสานความหวานของเนื้อปูที่ผสมอยู่ เมื่อนำมากินคู่กับข้าวสวยร้อนๆ นั้นอร่อยเด็ดจนเด็กๆ ในบ้านฉันตั้งหน้าตั้งตารอที่จะให้ถึงวันสำคัญเพื่อจะได้กินเมนูนี้ เพราะกวยต้าวเป็นอาหารที่มักจะทำในวันสำคัญ อาทิ ตรุษจีน สารทจีน เช็งเม้ง ด้วยความเชื่อที่ว่าถ้าทำอาหารเหล่านี้ไหว้บรรพบุรุษ ลูกหลานที่ยังมีชีวิตอยู่จะรักกันเหนียวแน่น อร่อยจนเป็นเมนูที่หมดก่อนเพื่อนเสมอ
‘เกาหยุก’ เป็นหนึ่งในอาหารแต่โบราณของชาวจีนฮกเกี้ยนที่เข้ามาตั้งรกรากในจังหวัดตรัง นำหมูสามชั้นทอดพอเหลืองไปเคี่ยวให้นุ่มกับน้ำที่ปรุงรสด้วยเต้าหู้ยี้ รากผักชี กระเทียม พริกไทย น้ำตาลปิ๊บ และผงหอม (ผงที่ใช้ทำหมูย่างเมืองตรัง หาซื้อได้ที่ร้านขายยาจีน) เคี่ยวให้หมูสุกนุ่ม ถ้าเป็นกรรมวิธีแบบโบราณ หลังจากเคี่ยวเนื้อหมูไปได้สักพัก จะใส่เผือกที่ทอดแล้วลงไปด้วยเพื่อเพิ่มความข้นและกลิ่นหอม ปัจจุบันแม้ไม่นิยมใส่เผือกลงไปแล้วแต่ก็ยังอร่อยอยู่ดี รสชาติออกเค็มและหอมกลิ่นเต้าหู้ยี้ ความเค็มในเมนูนี้จะต้องได้จากเต้าหู้ยี้เท่านั้น เพื่อให้ได้รสเค็มแบบนัวๆ ไม่แหลมจนเกินไป หมูสามชั้นที่ผ่านการเคี่ยวเป็นระยะเวลานานกับรสเค็มพอดีๆ ที่ซึมซาบเข้าไปอยู่ในเนื้อหมู กินกับข้าวสวยร้อนๆ อร่อยจนรับรองว่าใครได้กินต้องติดใจ สมัยก่อนเมนูนี้หากินได้เฉพาะเวลามีงานศพเท่านั้น แต่ตอนนี้หากินได้ตลอดเวลา อ้อ แต่ต้องไปที่จังหวัดตรังเท่านั้นนะ
Contributor
Recommended Articles
Recommended Videos