เปิด "ตำราอาหาร" ได้ที่นี่
Serves
27 ชิ้น
Level
2
“ขนมโค” ขนมพื้นบ้านของทางภาคใช้ มีหน้าตาละม้ายคล้ายกับ “ขนมต้ม” ของทางภาคกลาง แต่จะมีความแตกต่าง อยู่ตรงที่ไส้ ซึ่งไส้ของ “ขนมโค” นั้นจะเป็นเพียงแค่น้ำตาลตะโหนดหั่นเป็นแว่น ห่อด้วยแป้งนำไปต้ม แล้วนำมาคลุกกับมะพร้าวนึ่ง ส่วน “ขนมต้น” นั้นไส้ด้านในเป็นมะพร้าวทึนทึกผัดกับน้ำตาลมะพร้าว ก่อนจะนำไปปั้นเป็นก้อน ห่อด้วยแป้ง นำไปต้มและนำไปคลุกกับมะพร้าวนึ่งเช่นเดียวกัน
INGREDIENTS
แป้งข้าวเหนียว
100 กรัม
น้ำอัญชัน
100 กรัม
(น้ำอุ่น 100 กรัม ดอกอัญชัน 15 ดอก)
แป้งข้าวเหนียว
100 กรัม
มันเทศนึ่งสุก
100 กรัม
น้ำ
80 กรัม
แป้งข้าวเหนียว
100 กรัม
น้ำใบเตย
100 กรัม
(น้ำอุ่น 100 กรัม ปั่นกับใบเตยหั่นท่อน ¼ ถ้วย)
น้ำตาลมะพร้าว
130 กรัม
น้ำ
45 กรัม
สายบัวหักท่อน 1 นิ้ว
200 กรัม
มะพร้าวทึนทึกขูดเส้น
100 กรัม
มะพร้าวทึนทึกขูดเส้น
200 กรัม
เกลือสมุทร
1 ช้อนชา
อุปกรณ์ กระทะทองเหลือง
METHOD
1. ทำมะพร้าวสำหรับคลุกโดยเคล้ามะพร้าวทึนทึกขูดกับเกลือให้ทั่ว จากนั้นนำไปนึ่งในชั้นลังถึงบนหม้อน้ำเดือดด้วยไฟกลางค่อนข้างอ่อน นึ่งนานประมาณ 3-5 นาที ปิดไฟ ยกลง เทใส่ถาด เกลี่ยให้หายร้อน
2. ทำไส้สายบัวมะพร้าวโดยตั้งกระทะทองเหลืองบนไฟกลางค่อนอ่อน ใส่น้ำตาลมะพร้าวและน้ำ ลงในกระทะเคี่ยวให้น้ำตาลละลายดีจากนั้นใส่สายบัวลงเคี่ยวในกระทะให้สายบัวเปื่อยนุ่ม เคี่ยวด้วยไฟอ่อนจนน้ำตาลมีสีเข้มขึ้น ใส่มะพร้าวทึนทึก ผัดให้น้ำตาลซึมเข้าเนื้อมะพร้าวจนมีลักษณะใส แต่ยังมีน้ำขลุกขลิก ปิดไฟ เกลี่ยลงถาดให้ทั่ว พักให้หายร้อน ปั้นเป็นก้อนๆละ 1 ช้อนชา หรือ 7 กรัม
3. ทำแป้งขนมโคโดยผสมแป้งข้าวเหนียวกับน้ำอัญชัน นวดให้เข้ากัน จนแป้งเนียนไม่ติดมือ คลุมด้วยพาสติกแร็ป พักไว้ (ทำแป้งขนมโคสีส้มกับสีเขียว เช่นเดียวกับแป้งขนมโคสีม่วง) เด็ดแป้งขนมโคเป็นชิ้นละประมาณ 10 กรัม แผ่แป้งออกเป็นแผ่นบาง วางไส้สายบัวมะพร้าวตรงกลาง หุ้มไส้ให้มิด ทำเช่นนี้จนหมด
4. ตั้งหม้อน้ำบนไฟกลาง รอให้เดือด ลดเป็นไฟอ่อน ใส่ขนมโคลงต้ม รอจนกระทั่งแป้งสุกลอยขึ้น ทิ้งไว้สักครู่จึงช้อนแป้งขึ้น ใส่ลงในถาดมะพร้าวนึ่งไว้แล้ว คลุกขนมโคกับมะพร้าวให้ทั่ว จัดขนมโคใส่จาน เสิร์ฟ
Gallery
Recommended Articles
บ้านใครมีมะม่วงเบาบ้างยกมือขึ้น!!!!! หน้านี้มะม่วงเบาเริ่มออกลูกมาให้เห็นกันแล้ว ทางนี้เลยจัดเมนูสำหรับสาวๆสายเปรี้ยวกันเสียหน่อยอย่าง "ยำมะม่วงเบา" ที่บอกได้เลยว่าแซ่บถึงใจแน่นอน ด้วยพระเอกหลักอย่างตัวมะม่วงเบาที่ต้องเลือกลูกที่กำลังพอดี ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป จากนั้นก็นำมาล้างน้ำให้สะอาดหั่นเป็นแผ่นบางๆ นำมายำกับน้ำยำรสจัดจ้านหอมกลิ่นกะปิ และได้ความเปรี้ยวหวานจากน้ำส้มโหนดและน้ำตาลมะพร้าว พร้อมด้วยเครื่องยำอย่างกุ้งแห้งป่นและมะพร้าวคั่ว บอกได้คำเดียวว่าอร่อยถึงใจแน่นอนสำหรับสูตรนี้
แกงส้มรสชาติจัดจ้านมีทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม ครบรส ถ้าหากพูดถึงแกงส้มของกินคู่กันก็น่าจะหนีไม่พ้นไข่เจียวหรือไม่ก็หมูทอด แกงส้มสูตรนี้เลือกใช้เนื้อปลาช่อนมาเป็นส่วนผสมหลักของเนื้อสัตว์ และเลือกสายบัวมาแกงรวมกัน ความฟินอยู่ที่เมื่อสายบัวดูดน้ำแกงส้มเข้าไปด้านใน พอเวลากินตักสายบัว เนื้อปลาช่อนเข้าปาก น้ำที่อยู่ในสายบัวก็จะกระจายไปทั่วทำให้ได้รสชาติแกงส้มแบบสุดๆ อย่างที่บอกกินคู่กับข้าวสวยร้อนๆและไข่เจียวหรือหมูทอดหอมๆสักจานเป็นข้าวหมดหม้อทุกครั้งไป
ต้มกะทิสายบัวถือเป็นเมนูต้มกะทิที่ได้รับความนิยมอีกเมนูนึง ด้วยรสชาติที่มีครบรสทั้งเปรี้ยว หวาน เค็มนิดๆ และหากได้ความหอมมันจากกะทิคั้นสดด้วยแล้วยิ่งอร่อยเป็นพิเศษ เลือกใช้สายบัวที่ไม่อ่อนและไม่แก่จนเกินไป นำมาต้มกับกะทิใส่ปลาทู ปรุงรสแค่น้ำปลา น้ำตาลมะพร้าว และน้ำมะขามเปียก เพียงเท่านี้ก็ได้ต้มกะทิสายบัวไว้กินแล้ว
‘น้อยหน่า’ ผลไม้ไทยรสหอมหวานเนื้อละมุนลิ้นที่นอกจากกินเป็นผลไม้แล้วคนโบราณยังนิยมนำมาทำเป็นของหวานได้อีกด้วยกับเมนู น้อยหน่าน้ำกะทิ ซึ่งจะใช้น้อยหน่าหนังพันธุ์เพชรปากช่อง ความพิเศษของพันธุ์นี้คือ ลูกใหญ่ เนื้อเยอะ เมื่อสุกกำลังดีเนื้อจะนุ่มหนึบไม่เละง่าย ที่สำคัญเมล็ดน้อย เป็นเมนูขนมหวานที่ไม่อยากให้พลาดในฤดูกาลนี้จริงๆ
ขนมปลากริมไข่เต่าเดิมเรียกว่า ขนมแชงมา หรือ แฉ่งม้า หรือคำที่ชาวบ้านเรียกติดปากว่า ขนมสองหม้อ จากลักษณะตัวขนมที่แยกออกเป็น 2 หม้อ 2 สี ปลากริมหม้อหวาน ไข่เต่าหม้อเค็ม ตัวปลากริมหรือ ‘ตัวหวาน’ ลักษณะเป็นเส้นยาวๆ ตรงกลางอ้วน หัวท้ายเรียวคล้ายเส้นลอดช่อง ตัวสีน้ำตาลรสหอมหวานจากน้ำตาลมะพร้าว ส่วนไข่เต่าหรือ ‘ตัวเค็ม’ ลักษณะกลมรี คล้ายไข่เต่า สีขาว รสชาติเค็มๆ มันๆ จากหัวกะทิ ส่วนเวลากินก็อยู่ที่ว่าใครชอบกินฝั่งไหนมากกว่า แต่แนะนำให้กินพร้อมกันจะอร่อยที่สุด ตักใส่ถ้วยอย่างละครึ่ง คนให้เข้ากัน หนึ่งคำได้ครบทุกรสทั้งหอม หวาน มัน เค็มกลมกล่อมลงตัวพอดี
มะกรูด เป็นพืชในตระกลูส้มและมะนาว (Citrus) คนไทยส่วนใหญ่นิยมปลูกมะกรูดไว้ใช้ประโยชน์ในครัวเรือน โดยเฉพาะส่วนใบและผล ด้วยกลิ่นหอมเฉพาะตัวของมะกรูดที่ทำให้รู้สึกสดชื่น นอกจากมีบทบาทในอาหารคาวแล้ว มะกรูดยังมีบทบาทในอาหารหวาน ทั้งนำเนื้อมากวนไส้ นำไปเชื่อมรวมถึงการลอยแก้ว มะกรูดลอยแก้ว เป็นของหวานดับร้อนของคนในสมัยก่อน ดูเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยรายละเอียดต่าง ๆ มากมาย ด้วยลักษณะของมะกรูดที่มีกลิ่นรสเฉพาะตัว จึงต้องอาศัยเทคนิคและความใส่ใจ เพื่อให้ได้เนื้อมะกรูดลอยแก้วที่มีความนุ่มหนึบ ใสดั่งแก้ว ชิมรสเปรี้ยว หวาน เค็ม ครบสามรส หอมกลิ่นมะกรูดอ่อนๆ เอาไว้กินกับน้ำแข็งเพิ่มความสดชื่นในวันที่อากาศร้อน
บ้านใครมีมะม่วงเบาบ้างยกมือขึ้น!!!!! หน้านี้มะม่วงเบาเริ่มออกลูกมาให้เห็นกันแล้ว ทางนี้เลยจัดเมนูสำหรับสาวๆสายเปรี้ยวกันเสียหน่อยอย่าง "ยำมะม่วงเบา" ที่บอกได้เลยว่าแซ่บถึงใจแน่นอน ด้วยพระเอกหลักอย่างตัวมะม่วงเบาที่ต้องเลือกลูกที่กำลังพอดี ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป จากนั้นก็นำมาล้างน้ำให้สะอาดหั่นเป็นแผ่นบางๆ นำมายำกับน้ำยำรสจัดจ้านหอมกลิ่นกะปิ และได้ความเปรี้ยวหวานจากน้ำส้มโหนดและน้ำตาลมะพร้าว พร้อมด้วยเครื่องยำอย่างกุ้งแห้งป่นและมะพร้าวคั่ว บอกได้คำเดียวว่าอร่อยถึงใจแน่นอนสำหรับสูตรนี้
แกงส้มรสชาติจัดจ้านมีทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม ครบรส ถ้าหากพูดถึงแกงส้มของกินคู่กันก็น่าจะหนีไม่พ้นไข่เจียวหรือไม่ก็หมูทอด แกงส้มสูตรนี้เลือกใช้เนื้อปลาช่อนมาเป็นส่วนผสมหลักของเนื้อสัตว์ และเลือกสายบัวมาแกงรวมกัน ความฟินอยู่ที่เมื่อสายบัวดูดน้ำแกงส้มเข้าไปด้านใน พอเวลากินตักสายบัว เนื้อปลาช่อนเข้าปาก น้ำที่อยู่ในสายบัวก็จะกระจายไปทั่วทำให้ได้รสชาติแกงส้มแบบสุดๆ อย่างที่บอกกินคู่กับข้าวสวยร้อนๆและไข่เจียวหรือหมูทอดหอมๆสักจานเป็นข้าวหมดหม้อทุกครั้งไป
ต้มกะทิสายบัวถือเป็นเมนูต้มกะทิที่ได้รับความนิยมอีกเมนูนึง ด้วยรสชาติที่มีครบรสทั้งเปรี้ยว หวาน เค็มนิดๆ และหากได้ความหอมมันจากกะทิคั้นสดด้วยแล้วยิ่งอร่อยเป็นพิเศษ เลือกใช้สายบัวที่ไม่อ่อนและไม่แก่จนเกินไป นำมาต้มกับกะทิใส่ปลาทู ปรุงรสแค่น้ำปลา น้ำตาลมะพร้าว และน้ำมะขามเปียก เพียงเท่านี้ก็ได้ต้มกะทิสายบัวไว้กินแล้ว
‘น้อยหน่า’ ผลไม้ไทยรสหอมหวานเนื้อละมุนลิ้นที่นอกจากกินเป็นผลไม้แล้วคนโบราณยังนิยมนำมาทำเป็นของหวานได้อีกด้วยกับเมนู น้อยหน่าน้ำกะทิ ซึ่งจะใช้น้อยหน่าหนังพันธุ์เพชรปากช่อง ความพิเศษของพันธุ์นี้คือ ลูกใหญ่ เนื้อเยอะ เมื่อสุกกำลังดีเนื้อจะนุ่มหนึบไม่เละง่าย ที่สำคัญเมล็ดน้อย เป็นเมนูขนมหวานที่ไม่อยากให้พลาดในฤดูกาลนี้จริงๆ
ขนมปลากริมไข่เต่าเดิมเรียกว่า ขนมแชงมา หรือ แฉ่งม้า หรือคำที่ชาวบ้านเรียกติดปากว่า ขนมสองหม้อ จากลักษณะตัวขนมที่แยกออกเป็น 2 หม้อ 2 สี ปลากริมหม้อหวาน ไข่เต่าหม้อเค็ม ตัวปลากริมหรือ ‘ตัวหวาน’ ลักษณะเป็นเส้นยาวๆ ตรงกลางอ้วน หัวท้ายเรียวคล้ายเส้นลอดช่อง ตัวสีน้ำตาลรสหอมหวานจากน้ำตาลมะพร้าว ส่วนไข่เต่าหรือ ‘ตัวเค็ม’ ลักษณะกลมรี คล้ายไข่เต่า สีขาว รสชาติเค็มๆ มันๆ จากหัวกะทิ ส่วนเวลากินก็อยู่ที่ว่าใครชอบกินฝั่งไหนมากกว่า แต่แนะนำให้กินพร้อมกันจะอร่อยที่สุด ตักใส่ถ้วยอย่างละครึ่ง คนให้เข้ากัน หนึ่งคำได้ครบทุกรสทั้งหอม หวาน มัน เค็มกลมกล่อมลงตัวพอดี
มะกรูด เป็นพืชในตระกลูส้มและมะนาว (Citrus) คนไทยส่วนใหญ่นิยมปลูกมะกรูดไว้ใช้ประโยชน์ในครัวเรือน โดยเฉพาะส่วนใบและผล ด้วยกลิ่นหอมเฉพาะตัวของมะกรูดที่ทำให้รู้สึกสดชื่น นอกจากมีบทบาทในอาหารคาวแล้ว มะกรูดยังมีบทบาทในอาหารหวาน ทั้งนำเนื้อมากวนไส้ นำไปเชื่อมรวมถึงการลอยแก้ว มะกรูดลอยแก้ว เป็นของหวานดับร้อนของคนในสมัยก่อน ดูเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยรายละเอียดต่าง ๆ มากมาย ด้วยลักษณะของมะกรูดที่มีกลิ่นรสเฉพาะตัว จึงต้องอาศัยเทคนิคและความใส่ใจ เพื่อให้ได้เนื้อมะกรูดลอยแก้วที่มีความนุ่มหนึบ ใสดั่งแก้ว ชิมรสเปรี้ยว หวาน เค็ม ครบสามรส หอมกลิ่นมะกรูดอ่อนๆ เอาไว้กินกับน้ำแข็งเพิ่มความสดชื่นในวันที่อากาศร้อน
บ้านใครมีมะม่วงเบาบ้างยกมือขึ้น!!!!! หน้านี้มะม่วงเบาเริ่มออกลูกมาให้เห็นกันแล้ว ทางนี้เลยจัดเมนูสำหรับสาวๆสายเปรี้ยวกันเสียหน่อยอย่าง "ยำมะม่วงเบา" ที่บอกได้เลยว่าแซ่บถึงใจแน่นอน ด้วยพระเอกหลักอย่างตัวมะม่วงเบาที่ต้องเลือกลูกที่กำลังพอดี ไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป จากนั้นก็นำมาล้างน้ำให้สะอาดหั่นเป็นแผ่นบางๆ นำมายำกับน้ำยำรสจัดจ้านหอมกลิ่นกะปิ และได้ความเปรี้ยวหวานจากน้ำส้มโหนดและน้ำตาลมะพร้าว พร้อมด้วยเครื่องยำอย่างกุ้งแห้งป่นและมะพร้าวคั่ว บอกได้คำเดียวว่าอร่อยถึงใจแน่นอนสำหรับสูตรนี้
แกงส้มรสชาติจัดจ้านมีทั้งเปรี้ยว หวาน เค็ม ครบรส ถ้าหากพูดถึงแกงส้มของกินคู่กันก็น่าจะหนีไม่พ้นไข่เจียวหรือไม่ก็หมูทอด แกงส้มสูตรนี้เลือกใช้เนื้อปลาช่อนมาเป็นส่วนผสมหลักของเนื้อสัตว์ และเลือกสายบัวมาแกงรวมกัน ความฟินอยู่ที่เมื่อสายบัวดูดน้ำแกงส้มเข้าไปด้านใน พอเวลากินตักสายบัว เนื้อปลาช่อนเข้าปาก น้ำที่อยู่ในสายบัวก็จะกระจายไปทั่วทำให้ได้รสชาติแกงส้มแบบสุดๆ อย่างที่บอกกินคู่กับข้าวสวยร้อนๆและไข่เจียวหรือหมูทอดหอมๆสักจานเป็นข้าวหมดหม้อทุกครั้งไป
ต้มกะทิสายบัวถือเป็นเมนูต้มกะทิที่ได้รับความนิยมอีกเมนูนึง ด้วยรสชาติที่มีครบรสทั้งเปรี้ยว หวาน เค็มนิดๆ และหากได้ความหอมมันจากกะทิคั้นสดด้วยแล้วยิ่งอร่อยเป็นพิเศษ เลือกใช้สายบัวที่ไม่อ่อนและไม่แก่จนเกินไป นำมาต้มกับกะทิใส่ปลาทู ปรุงรสแค่น้ำปลา น้ำตาลมะพร้าว และน้ำมะขามเปียก เพียงเท่านี้ก็ได้ต้มกะทิสายบัวไว้กินแล้ว
‘น้อยหน่า’ ผลไม้ไทยรสหอมหวานเนื้อละมุนลิ้นที่นอกจากกินเป็นผลไม้แล้วคนโบราณยังนิยมนำมาทำเป็นของหวานได้อีกด้วยกับเมนู น้อยหน่าน้ำกะทิ ซึ่งจะใช้น้อยหน่าหนังพันธุ์เพชรปากช่อง ความพิเศษของพันธุ์นี้คือ ลูกใหญ่ เนื้อเยอะ เมื่อสุกกำลังดีเนื้อจะนุ่มหนึบไม่เละง่าย ที่สำคัญเมล็ดน้อย เป็นเมนูขนมหวานที่ไม่อยากให้พลาดในฤดูกาลนี้จริงๆ
ขนมปลากริมไข่เต่าเดิมเรียกว่า ขนมแชงมา หรือ แฉ่งม้า หรือคำที่ชาวบ้านเรียกติดปากว่า ขนมสองหม้อ จากลักษณะตัวขนมที่แยกออกเป็น 2 หม้อ 2 สี ปลากริมหม้อหวาน ไข่เต่าหม้อเค็ม ตัวปลากริมหรือ ‘ตัวหวาน’ ลักษณะเป็นเส้นยาวๆ ตรงกลางอ้วน หัวท้ายเรียวคล้ายเส้นลอดช่อง ตัวสีน้ำตาลรสหอมหวานจากน้ำตาลมะพร้าว ส่วนไข่เต่าหรือ ‘ตัวเค็ม’ ลักษณะกลมรี คล้ายไข่เต่า สีขาว รสชาติเค็มๆ มันๆ จากหัวกะทิ ส่วนเวลากินก็อยู่ที่ว่าใครชอบกินฝั่งไหนมากกว่า แต่แนะนำให้กินพร้อมกันจะอร่อยที่สุด ตักใส่ถ้วยอย่างละครึ่ง คนให้เข้ากัน หนึ่งคำได้ครบทุกรสทั้งหอม หวาน มัน เค็มกลมกล่อมลงตัวพอดี
มะกรูด เป็นพืชในตระกลูส้มและมะนาว (Citrus) คนไทยส่วนใหญ่นิยมปลูกมะกรูดไว้ใช้ประโยชน์ในครัวเรือน โดยเฉพาะส่วนใบและผล ด้วยกลิ่นหอมเฉพาะตัวของมะกรูดที่ทำให้รู้สึกสดชื่น นอกจากมีบทบาทในอาหารคาวแล้ว มะกรูดยังมีบทบาทในอาหารหวาน ทั้งนำเนื้อมากวนไส้ นำไปเชื่อมรวมถึงการลอยแก้ว มะกรูดลอยแก้ว เป็นของหวานดับร้อนของคนในสมัยก่อน ดูเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยรายละเอียดต่าง ๆ มากมาย ด้วยลักษณะของมะกรูดที่มีกลิ่นรสเฉพาะตัว จึงต้องอาศัยเทคนิคและความใส่ใจ เพื่อให้ได้เนื้อมะกรูดลอยแก้วที่มีความนุ่มหนึบ ใสดั่งแก้ว ชิมรสเปรี้ยว หวาน เค็ม ครบสามรส หอมกลิ่นมะกรูดอ่อนๆ เอาไว้กินกับน้ำแข็งเพิ่มความสดชื่นในวันที่อากาศร้อน
Recommended Videos