เปิด "ตำราอาหาร" ได้ที่นี่
Serves
12 ชิ้น
Level
2
ม้าอ้วน อาหารว่างไทยโบราณ ส่วนผสมของม้าอ้วนจะคล้ายกับส่วนผสมของการทำขนมจีบ แต่มีมันหมู และเนื้อปูเป็นส่วนผสมด้วย เพียงแต่ขนมจีบการห่อด้วยแผ่นแป้งเกี๊ยว แต่ในส่วนของม้าอ้วนแบบไทยๆ ไม่มีอะไรห่อหุ้มแต่นำมานึ่งในถ้วยตะไล และรับประทานกับสับปะรดหรือผลไม้รสเปรี้ยว เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสหวานหอม ซึ่งทำให้ม้าอ้วนมีรสชาติที่อร่อยมากยิ่งขึ้น
INGREDIENTS
รากผักชีซอย
3 ราก
กระเทียมไทยเเกะเปลือก
10 กลีบ
พริกไทยขาวเม็ด
1/4 ช้อนชา
หมูบด
1 ถ้วย
มันหมูแข็งต้มสุกหั่นลูกเต๋าเล็ก
1/4 ถ้วย
เนื้อปูฉีกเป็นเส้น
1/2 ถ้วย
เกลือสมุทร
1/2 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว
2 ช้อนชา
ไข่ไก่ตีพอเข้ากัน
1 ฟอง
เนื้อปูฉีก ผักชีเด็ดใบ และพริกชี้ฟ้าสีแดงหั่นเส้นสำหรับตกแต่ง
สับปะรดศรีราชาหั่นชิ้นเล็กสำหรับกินแนม
อุปกรณ์ ถ้วยตะไล ลังถึง แปลงทาไข่ไก่
น้ำส้มสายชู
1/2 ถ้วย
น้ำตาลทราย
4 ช้อนโต๊ะ
เกลือสมุทร
1 ช้อนชา
พริกชี้ฟ้าสีแดงแกะเมล็ดโขลกหยาบ
1 เม็ด
กระเทียมไทยแกะเปลือกโขลกละเอียด
10 กลีบ
METHOD
1. ทำน้ำจิ้มโดยใส่ น้ำส้มสายชู น้ำตาลทราย เกลือสมุทร พริกชี้ฟ้าแดง และกระเทียมไทยลงในหม้อ ยกขึ้นตั้งบนไฟอ่อนเคี่ยวพอเดือด และข้นเหนียว ปิดไฟ ตักใส่ถ้วย พักไว้จนเย็นสนิท
2. โขลกรากผักชี กระเทียมและพริกไทยขาวเม็ดเข้าด้วยกันจนละเอียด พักไว้
2. ใส่หมูบด มันหมูแข็ง เนื้อปู สามเกลอ เกลือสมุทร ซีอิ๊วขาว ไข่ไก่ ½ ฟอง ในอ่างผสม คลุกเคล้าผสมให้เข้ากัน ตักส่วนผสม 1½ ช้อนโต๊ะ ใส่ถ้วยตะไล ทำจนหมด ใช้แปลงทาไข่ไก่ที่บนม้าอ้วนบางๆ และเรียงม้าอ้วนใส่ในชั้นลังถึง นำไปนึ่งบนหม้อน้ำเดือดด้วยไฟกลางนานประมาณ 8 นาที จนสุก ยกลงพักให้เย็น
3. จัดม้าอ้วนใส่จาน ตกแต่งด้วยเนื้อปูฉีก ใบผักชี และพริกชี้ฟ้าสีแดงหั่นเส้น เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มและสับปะรดสำหรับกินแนม
Gallery
Recommended Articles
มันม่วงญี่ปุ่นเป็นพืชเติบโตง่ายในแถบเอเชีย แต่ละประเทศมีวิธีกินต่างกันไป เช่น ต้ม เผา นึ่งกินทั้งหัว หรือทำขนมต่างๆ หากพูดถึงประเทศที่ใช้มันม่วงญี่ปุ่นทำขนมมากที่สุด คงนึกถึงประเทศญี่ปุ่นเพราะใช้ทำขนมสไตล์วากาชิและโยกาชิ (วากาชิคือขนมดั้งเดิมของญี่ปุ่น โยกาชิคือขนมญี่ปุ่นสไตล์ฝรั่ง) โดยนิยมใช้ทั้งมันญี่ปุ่นสีม่วงและสีเหลือง เราขอแนะนำ “ทาร์ตมันม่วง” ของฝากขึ้นชื่อจากโอกินาวา อันเป็นแหล่งปลูกมันม่วงชั้นดี ปัจจุบันหาซื้อมันม่วงญี่ปุ่นได้ตามซูเปอร์มาร์เกตทั่วไป อีกทั้งสูตรนี้ยังทำง่าย มีรสหวานและกลิ่นหอมของมันถ้าจะให้ดีลองใช้น้ำตาลทรายแดงซึ่งเป็นของขึ้นชื่ออีกอย่างของโอกินาวา จะทำให้ทาร์ตมีรสหวานกลมกล่อมยิ่งขึ้น
โมโม่ (momo) เกี๊ยวนึ่งสอดไส้ อาหารจานเด็ดของชาวเนปาล กินเป็นอาหารว่างหรืออาหารจานหลัก รูปลักษณ์ของโมโม่คล้ายเสี่ยวเหลาเปาหรือติ่มซำของจีน ตัวไส้มีการปรุงคล้ายไส้เกี๊ยวซ่า มีทั้งไส้ผักล้วน ไส้ผักผสมชีสและไส้เนื้อสัตว์บดผสมผัก ในไทยจะเจอเนื้อไก่ หมู แกะ ส่วนออริจินอลจะเป็นเนื้อควายหรือเนื้อจามารี เสิร์ฟได้หลายเเบบทั้งเเบบนึ่ง ทอด ราดน้ำแกงเเละเกี๊ยวน้ำ สูตรนี้เป็น โจล โมโม่ (Jhol momo) เกี๊ยวนึ่งสอดไส้ไก่เเละผัก เนื้อชุ่มฉ่ำ ราดด้วยน้ำแกงข้นๆ หอมเครื่องเทศ รสเปรี้ยว หวาน มัน
การทำข้าวเม่าอยู่ในวิถีของคนไทยมานาน เพราะคนไทยกินข้าวเป็นหลัก ข้าวเม่ามีทั้งจากข้าวเจ้า ข้าวเหนียวขาวและข้าวเหนียวดำ ทำโดยเอาเมล็ดข้าวมาคั่วทั้งเปลือกจนปริ แล้วตำในครกกระเดื่องให้เมล็ดข้าวแบนเรียบ ฟัดเอาเปลือกออก สีข้าวเม่าที่ได้ขึ้นอยู่กับความอ่อนแก่หรือพันธุ์ของข้าว ขนมจากข้าวเม่ามีหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ ข้าวเม่าหมี่ ของกินเล่นของคนรุ่นปู่ย่า ข้าวเม่าหมี่มักใช้ข้าวเม่าข้าวเจ้า ทำโดยการคั่วหรือทอดข้าวเม่าให้กรอบเบา แล้วนำมาคลุกผสมกับเครื่องทอดอย่างอื่นเช่น ถั่วลิสง กุ้งแห้ง เต้าหู้ รสชาติหวานๆเค็มๆโดยมีกลิ่นกระเทียมเจียวอ่อนๆ เคล็ดลับคือการทอดเครื่องข้าวเม่าให้กรอบ ไม่อบน้ำมัน ส่วนรสชาติหวานเค็มนี่แล้วแต่ความชอบผู้กินเลย
ผักตระกูลเคลมีมากมายหลายสายพันธุ์ และเป็นผักตระกูลเดียวกับกะหล่ำปลี วอเตอร์เครส บร็อกโคลี่ กะหล่ำม่วง ดอกกะหล่ำ ในไทยมีเคล 2 สายพันธุ์ที่เป็นที่นิยม เพราะปลูกง่าย หากินง่าย คือ เคลใบหยิก (Curly Kale) ลักษณะขอบใบหยิก ลำต้นแข็ง รสชาติคล้ายกะหล่ำ ออกขมนิดๆ นิยมนำมากินเป็นสลัด ทำสมูทตี้ ปั่นเป็นน้ำผัก และ เคลใบตรง (Lacinato Dinosaur Kale) หรือบางทีเรียกว่า เคลไดโนเสาร์ ใบสีเขียวเข้มกว้าง 2-3 นิ้ว ใบมีลักษณะตรงแต่มีรอยย่น รสชาติออกหวานกว่าเคลใบหยิก นิยมนำมากินเป็นสลัด
มันม่วงญี่ปุ่นเป็นพืชเติบโตง่ายในแถบเอเชีย แต่ละประเทศมีวิธีกินต่างกันไป เช่น ต้ม เผา นึ่งกินทั้งหัว หรือทำขนมต่างๆ หากพูดถึงประเทศที่ใช้มันม่วงญี่ปุ่นทำขนมมากที่สุด คงนึกถึงประเทศญี่ปุ่นเพราะใช้ทำขนมสไตล์วากาชิและโยกาชิ (วากาชิคือขนมดั้งเดิมของญี่ปุ่น โยกาชิคือขนมญี่ปุ่นสไตล์ฝรั่ง) โดยนิยมใช้ทั้งมันญี่ปุ่นสีม่วงและสีเหลือง เราขอแนะนำ “ทาร์ตมันม่วง” ของฝากขึ้นชื่อจากโอกินาวา อันเป็นแหล่งปลูกมันม่วงชั้นดี ปัจจุบันหาซื้อมันม่วงญี่ปุ่นได้ตามซูเปอร์มาร์เกตทั่วไป อีกทั้งสูตรนี้ยังทำง่าย มีรสหวานและกลิ่นหอมของมันถ้าจะให้ดีลองใช้น้ำตาลทรายแดงซึ่งเป็นของขึ้นชื่ออีกอย่างของโอกินาวา จะทำให้ทาร์ตมีรสหวานกลมกล่อมยิ่งขึ้น
โมโม่ (momo) เกี๊ยวนึ่งสอดไส้ อาหารจานเด็ดของชาวเนปาล กินเป็นอาหารว่างหรืออาหารจานหลัก รูปลักษณ์ของโมโม่คล้ายเสี่ยวเหลาเปาหรือติ่มซำของจีน ตัวไส้มีการปรุงคล้ายไส้เกี๊ยวซ่า มีทั้งไส้ผักล้วน ไส้ผักผสมชีสและไส้เนื้อสัตว์บดผสมผัก ในไทยจะเจอเนื้อไก่ หมู แกะ ส่วนออริจินอลจะเป็นเนื้อควายหรือเนื้อจามารี เสิร์ฟได้หลายเเบบทั้งเเบบนึ่ง ทอด ราดน้ำแกงเเละเกี๊ยวน้ำ สูตรนี้เป็น โจล โมโม่ (Jhol momo) เกี๊ยวนึ่งสอดไส้ไก่เเละผัก เนื้อชุ่มฉ่ำ ราดด้วยน้ำแกงข้นๆ หอมเครื่องเทศ รสเปรี้ยว หวาน มัน
การทำข้าวเม่าอยู่ในวิถีของคนไทยมานาน เพราะคนไทยกินข้าวเป็นหลัก ข้าวเม่ามีทั้งจากข้าวเจ้า ข้าวเหนียวขาวและข้าวเหนียวดำ ทำโดยเอาเมล็ดข้าวมาคั่วทั้งเปลือกจนปริ แล้วตำในครกกระเดื่องให้เมล็ดข้าวแบนเรียบ ฟัดเอาเปลือกออก สีข้าวเม่าที่ได้ขึ้นอยู่กับความอ่อนแก่หรือพันธุ์ของข้าว ขนมจากข้าวเม่ามีหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ ข้าวเม่าหมี่ ของกินเล่นของคนรุ่นปู่ย่า ข้าวเม่าหมี่มักใช้ข้าวเม่าข้าวเจ้า ทำโดยการคั่วหรือทอดข้าวเม่าให้กรอบเบา แล้วนำมาคลุกผสมกับเครื่องทอดอย่างอื่นเช่น ถั่วลิสง กุ้งแห้ง เต้าหู้ รสชาติหวานๆเค็มๆโดยมีกลิ่นกระเทียมเจียวอ่อนๆ เคล็ดลับคือการทอดเครื่องข้าวเม่าให้กรอบ ไม่อบน้ำมัน ส่วนรสชาติหวานเค็มนี่แล้วแต่ความชอบผู้กินเลย
ผักตระกูลเคลมีมากมายหลายสายพันธุ์ และเป็นผักตระกูลเดียวกับกะหล่ำปลี วอเตอร์เครส บร็อกโคลี่ กะหล่ำม่วง ดอกกะหล่ำ ในไทยมีเคล 2 สายพันธุ์ที่เป็นที่นิยม เพราะปลูกง่าย หากินง่าย คือ เคลใบหยิก (Curly Kale) ลักษณะขอบใบหยิก ลำต้นแข็ง รสชาติคล้ายกะหล่ำ ออกขมนิดๆ นิยมนำมากินเป็นสลัด ทำสมูทตี้ ปั่นเป็นน้ำผัก และ เคลใบตรง (Lacinato Dinosaur Kale) หรือบางทีเรียกว่า เคลไดโนเสาร์ ใบสีเขียวเข้มกว้าง 2-3 นิ้ว ใบมีลักษณะตรงแต่มีรอยย่น รสชาติออกหวานกว่าเคลใบหยิก นิยมนำมากินเป็นสลัด
มันม่วงญี่ปุ่นเป็นพืชเติบโตง่ายในแถบเอเชีย แต่ละประเทศมีวิธีกินต่างกันไป เช่น ต้ม เผา นึ่งกินทั้งหัว หรือทำขนมต่างๆ หากพูดถึงประเทศที่ใช้มันม่วงญี่ปุ่นทำขนมมากที่สุด คงนึกถึงประเทศญี่ปุ่นเพราะใช้ทำขนมสไตล์วากาชิและโยกาชิ (วากาชิคือขนมดั้งเดิมของญี่ปุ่น โยกาชิคือขนมญี่ปุ่นสไตล์ฝรั่ง) โดยนิยมใช้ทั้งมันญี่ปุ่นสีม่วงและสีเหลือง เราขอแนะนำ “ทาร์ตมันม่วง” ของฝากขึ้นชื่อจากโอกินาวา อันเป็นแหล่งปลูกมันม่วงชั้นดี ปัจจุบันหาซื้อมันม่วงญี่ปุ่นได้ตามซูเปอร์มาร์เกตทั่วไป อีกทั้งสูตรนี้ยังทำง่าย มีรสหวานและกลิ่นหอมของมันถ้าจะให้ดีลองใช้น้ำตาลทรายแดงซึ่งเป็นของขึ้นชื่ออีกอย่างของโอกินาวา จะทำให้ทาร์ตมีรสหวานกลมกล่อมยิ่งขึ้น
โมโม่ (momo) เกี๊ยวนึ่งสอดไส้ อาหารจานเด็ดของชาวเนปาล กินเป็นอาหารว่างหรืออาหารจานหลัก รูปลักษณ์ของโมโม่คล้ายเสี่ยวเหลาเปาหรือติ่มซำของจีน ตัวไส้มีการปรุงคล้ายไส้เกี๊ยวซ่า มีทั้งไส้ผักล้วน ไส้ผักผสมชีสและไส้เนื้อสัตว์บดผสมผัก ในไทยจะเจอเนื้อไก่ หมู แกะ ส่วนออริจินอลจะเป็นเนื้อควายหรือเนื้อจามารี เสิร์ฟได้หลายเเบบทั้งเเบบนึ่ง ทอด ราดน้ำแกงเเละเกี๊ยวน้ำ สูตรนี้เป็น โจล โมโม่ (Jhol momo) เกี๊ยวนึ่งสอดไส้ไก่เเละผัก เนื้อชุ่มฉ่ำ ราดด้วยน้ำแกงข้นๆ หอมเครื่องเทศ รสเปรี้ยว หวาน มัน
การทำข้าวเม่าอยู่ในวิถีของคนไทยมานาน เพราะคนไทยกินข้าวเป็นหลัก ข้าวเม่ามีทั้งจากข้าวเจ้า ข้าวเหนียวขาวและข้าวเหนียวดำ ทำโดยเอาเมล็ดข้าวมาคั่วทั้งเปลือกจนปริ แล้วตำในครกกระเดื่องให้เมล็ดข้าวแบนเรียบ ฟัดเอาเปลือกออก สีข้าวเม่าที่ได้ขึ้นอยู่กับความอ่อนแก่หรือพันธุ์ของข้าว ขนมจากข้าวเม่ามีหลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือ ข้าวเม่าหมี่ ของกินเล่นของคนรุ่นปู่ย่า ข้าวเม่าหมี่มักใช้ข้าวเม่าข้าวเจ้า ทำโดยการคั่วหรือทอดข้าวเม่าให้กรอบเบา แล้วนำมาคลุกผสมกับเครื่องทอดอย่างอื่นเช่น ถั่วลิสง กุ้งแห้ง เต้าหู้ รสชาติหวานๆเค็มๆโดยมีกลิ่นกระเทียมเจียวอ่อนๆ เคล็ดลับคือการทอดเครื่องข้าวเม่าให้กรอบ ไม่อบน้ำมัน ส่วนรสชาติหวานเค็มนี่แล้วแต่ความชอบผู้กินเลย
ผักตระกูลเคลมีมากมายหลายสายพันธุ์ และเป็นผักตระกูลเดียวกับกะหล่ำปลี วอเตอร์เครส บร็อกโคลี่ กะหล่ำม่วง ดอกกะหล่ำ ในไทยมีเคล 2 สายพันธุ์ที่เป็นที่นิยม เพราะปลูกง่าย หากินง่าย คือ เคลใบหยิก (Curly Kale) ลักษณะขอบใบหยิก ลำต้นแข็ง รสชาติคล้ายกะหล่ำ ออกขมนิดๆ นิยมนำมากินเป็นสลัด ทำสมูทตี้ ปั่นเป็นน้ำผัก และ เคลใบตรง (Lacinato Dinosaur Kale) หรือบางทีเรียกว่า เคลไดโนเสาร์ ใบสีเขียวเข้มกว้าง 2-3 นิ้ว ใบมีลักษณะตรงแต่มีรอยย่น รสชาติออกหวานกว่าเคลใบหยิก นิยมนำมากินเป็นสลัด
Recommended Videos