เปิด "ตำราอาหาร" ได้ที่นี่
![](https://api2.krua.co/wp-content/uploads/2023/11/RK0204_ImageBanner_1140x507.jpg)
Serves
5 ชิ้น
Level
2
คนเมืองส่วนใหญ่เรียกกันสั้นๆว่า "เข้าต้ม" ถ้าใส่กล้วยน้ำว่าสุก "เข้าต้มกล้วย ถ้าใส่ถั่วลิส่งเรียก "เข้าต้มถั่วดิน"และถ้าโรยมะพร้าวขูดจะเรียก "เข้าต้มหัวหงอก" หรือที่รู้จักกันทั่วๆไปว่า ข้าวต้มหัวหงอก นั่นเอง นิยมทำทีละเยอะๆ หลายๆอันแล้วต้มพร้อมกันทีเดียวเพราะว่าใช้เวลาในการต้มนาน
INGREDIENTS
ข้าวสารข้าวเหนียว
500 กรัม
เกลือสมุทร
1 ช้อนชา
กล้วยน้ำว้าสุกงอมหั่นครึ่งตามยาว
5 ชิ้น
ใบตองขนาด 8×12 นิ้ว และ 7×8 นิ้ว อย่างละ 5 ชิ้น และตอกสำหรับมัดขนม
น้ำตาลทรายขาวและมะพร้าวทึนทึกขูดนึ่งสำหรับโรย
METHOD
1.ล้างทำความสะอาดข้าวเหนียวโดยซาวข้าวประมาณ 2-3 รอบ สะเด็ดข้าวผ่านกระชอน ใส่ลงในอ่างผสม ปรุงรสเกลือสมุทรคลุกเคล้าให้เข้ากัน
2.วางใบตองขนาด 8×12 นิ้วเอาด้านมันเงาลงด้านล่าง จากนั้นวางใบตองขนาด 7×8 นิ้ว โดยเอาด้านเงาไว้ด้านบน ตักข้าวเหนียว 3 ช้อนโต๊ะใส่บนใบตอง จากนั้นวางกล้วยน้ำว้าผ่าครึ่ง 1 ชิ้น (ถ้ากล้วยลูกใหญ่ ถ้ากล้วยลูกเล็กใส่ได้ทั้งลูก) ปิดด้วยข้าวเหนียวอีก 3 ช้อนโต๊ะ จับมุมใบตองพับเข้าหากัน ให้เป็นรูปสามเหลี่ยม พับปลายใบตองลงมาครึ่งหนึ่ง พับอีกทบให้แน่นดี และเริ่มจับจีบโดยให้จับข้าวต้มหัวหงอกตั้งขึ้น ใช้นิ้วชี้กดไขว้ใบตองไปทางซ้ายให้เป็นมุม จับอีกด้านพับลงมาตรงกลาง ทำทั้งหัวและท้าย จากนั้นทำอีกหนึ่งชิ้น เอา 2 ชิ้นมาประกบกัน ใช้ตอกมัดหัวท้ายอย่างละเส้น แล้วบิดปลายตอกเข้าหากันให้สวยงาม
3.ตั้งหม้อบนเตา ใส่ข้าวต้มที่ห่อไว้ ทับด้วยวัตถุมีน้ำหนักกดไว้ไม่ให้ข้าวต้มลอยขึ้นมา ใส่น้ำพอท่วม เปิดไฟกลางต้มนาน 2 ชั่วโมง หรือจนข้าวเหนียวสุกดี (ระหว่างต้มถ้าน้ำงวดก็ค่อยๆเติมน้ำลงไป)
4.นำขึ้นพักให้เย็น แกะใบตองออกแล้วหั่นเป็นชิ้นเสิร์ฟคู่กับน้ำตาลทรายขาวและมะพร้าวทึนทึกขูด
หมายเหตุ
- หากต้องการลดเวลาในการต้ม ให้แช่ข้าวเหนียวอย่างน้อย 3 ชั่วโมง หากเป็นข้าวเหนียวเก่าต้องอย่างน้อย 6 ชั่วโมง
- ต้องห่อขนมให้ปิดสนิทดี มิเช่นนั้นเวลาต้มน้ำจะเข้าไปในตัวขนมได้
- กล้วยที่เลือกใช้ก็ให้ใช้กล้วยที่มีความสุกพอดี ไม่สุกจนเกินไป สำหรับใครที่ชอบเนื้อกล้วยที่มีความไตๆ ข้างในเล็กน้อยให้ใช้กล้วยห่าม
- สามารถใส่ถั่วลิสงเพิ่มได้ โดยนำถั่วลิสงไปแช่น้ำก่อน 3-6 ชั่วโมง
Gallery
![](https://api2.krua.co/wp-content/uploads/2023/11/RK0204_Gallery_-12.jpg)
![](https://api2.krua.co/wp-content/uploads/2023/11/RK0204_Gallery_-11.jpg)
![](https://api2.krua.co/wp-content/uploads/2023/11/RK0204_Gallery_-10.jpg)
![](https://api2.krua.co/wp-content/uploads/2023/11/RK0204_Gallery_-09.jpg)
![](https://api2.krua.co/wp-content/uploads/2023/11/RK0204_Gallery_-08.jpg)
![](https://api2.krua.co/wp-content/uploads/2023/11/RK0204_Gallery_-07.jpg)
![](https://api2.krua.co/wp-content/uploads/2023/11/RK0204_Gallery_-06.jpg)
![](https://api2.krua.co/wp-content/uploads/2023/11/RK0204_Gallery_-05.jpg)
![](https://api2.krua.co/wp-content/uploads/2023/11/RK0204_Gallery_-04.jpg)
![](https://api2.krua.co/wp-content/uploads/2023/11/RK0204_Gallery_-03.jpg)
![](https://api2.krua.co/wp-content/uploads/2023/11/RK0204_Gallery_-02.jpg)
![](https://api2.krua.co/wp-content/uploads/2023/11/RK0204_Gallery_-01.jpg)
Tags:
Recommended Articles
![ไส้อั่วตับ](/_next/static/media/Fallback.cbd323d9.png)
ไส้อั่ว นับเป็นความชาญฉลาดของบรรพบุรุษชาวล้านนาอย่างหนึ่งในการใช้สอยทุกส่วนของหมูได้อย่างคุ้มค่า คำว่า “อั่ว” เป็นคำเมือง แปลว่า การแทรกหรือยัดไว้ตรงกลาง เมื่อนำเครื่องต่างๆยัดเข้าไปในไส้หมู จึงเรียกว่า ไส้อั่ว สูตรนี้เป็นสูตรไส้อั่วตับที่ใส่ตับเข้าไปเพิ่มความมันเเละนัว หอมกลิ่นพริกแกงเเละเครื่องสมุนไพรไทย ย่างจนสุกเกรียมหอม จนได้ออกมาเป็นไส้อั่วตับอร่อยๆ จะทำขาย ทำเเจกหรือทำไปฝากเพื่อนก็ได้
![มะกรูดลอยแก้ว](/_next/static/media/Fallback.cbd323d9.png)
มะกรูด เป็นพืชในตระกลูส้มและมะนาว (Citrus) คนไทยส่วนใหญ่นิยมปลูกมะกรูดไว้ใช้ประโยชน์ในครัวเรือน โดยเฉพาะส่วนใบและผล ด้วยกลิ่นหอมเฉพาะตัวของมะกรูดที่ทำให้รู้สึกสดชื่น นอกจากมีบทบาทในอาหารคาวแล้ว มะกรูดยังมีบทบาทในอาหารหวาน ทั้งนำเนื้อมากวนไส้ นำไปเชื่อมรวมถึงการลอยแก้ว มะกรูดลอยแก้ว เป็นของหวานดับร้อนของคนในสมัยก่อน ดูเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยรายละเอียดต่าง ๆ มากมาย ด้วยลักษณะของมะกรูดที่มีกลิ่นรสเฉพาะตัว จึงต้องอาศัยเทคนิคและความใส่ใจ เพื่อให้ได้เนื้อมะกรูดลอยแก้วที่มีความนุ่มหนึบ ใสดั่งแก้ว ชิมรสเปรี้ยว หวาน เค็ม ครบสามรส หอมกลิ่นมะกรูดอ่อนๆ เอาไว้กินกับน้ำแข็งเพิ่มความสดชื่นในวันที่อากาศร้อน
![จิ้นเกลือ](/_next/static/media/Fallback.cbd323d9.png)
จิ้นแดง จิ้นเเห้งหรือจิ้นเกลือ คือ วิธีการถนอมอาหารของคนภาคเหนือ เเต่เดิมใช้เนื้อวัวทำให้ได้เนื้อที่มีสีเเดงเเต่ในปัจจุบันหันมาใช้เนื้อหมูมากขึ้น วิธีการทำคือสไลด์เนื้อสัตว์เป็นแผ่นบางๆ แล้วนำมาคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงต่างๆ ใส่สีผสมอาหารเพื่อทำให้เนื้อมีสีเเดง จากนั้นนำไปตากแดดให้ได้ที่แล้วนำย่างบนเตาถ่านให้พอสุกเเละเเห้ง สามารถเก็บไว้ได้นาน
![ขนมมันสำปะหลัง](/_next/static/media/Fallback.cbd323d9.png)
ขนมไทยพื้นบ้านรสชาติอร่อยเรียบง่ายด้วยส่วนผสมไม่กี่อย่าง ได้แก่ มันสำปะหลังขูดหรือปั่นให้ละเอียด ผสมกับน้ำตาลทราย เกลือ และน้ำสะอาดหรือน้ำคั้นใบเตย ใส่ถาดนึ่งให้สุกจนเนื้อมันเปลี่ยนเป็นเหลืองใส แล้วนำมาตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมจัตุรัสคลุกกับมะพร้าวขูดที่เคล้าเกลือไว้เล็กน้อย เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่วัตถุดิบหลักคือ มันสำปะหลังพันธุ์ที่เรียกว่า ‘มัน 5 นาที’ เป็นพันธุ์ที่นิยมใช้ทำขนม
![ไส้อั่วตับ](/_next/static/media/Fallback.cbd323d9.png)
ไส้อั่ว นับเป็นความชาญฉลาดของบรรพบุรุษชาวล้านนาอย่างหนึ่งในการใช้สอยทุกส่วนของหมูได้อย่างคุ้มค่า คำว่า “อั่ว” เป็นคำเมือง แปลว่า การแทรกหรือยัดไว้ตรงกลาง เมื่อนำเครื่องต่างๆยัดเข้าไปในไส้หมู จึงเรียกว่า ไส้อั่ว สูตรนี้เป็นสูตรไส้อั่วตับที่ใส่ตับเข้าไปเพิ่มความมันเเละนัว หอมกลิ่นพริกแกงเเละเครื่องสมุนไพรไทย ย่างจนสุกเกรียมหอม จนได้ออกมาเป็นไส้อั่วตับอร่อยๆ จะทำขาย ทำเเจกหรือทำไปฝากเพื่อนก็ได้
![มะกรูดลอยแก้ว](/_next/static/media/Fallback.cbd323d9.png)
มะกรูด เป็นพืชในตระกลูส้มและมะนาว (Citrus) คนไทยส่วนใหญ่นิยมปลูกมะกรูดไว้ใช้ประโยชน์ในครัวเรือน โดยเฉพาะส่วนใบและผล ด้วยกลิ่นหอมเฉพาะตัวของมะกรูดที่ทำให้รู้สึกสดชื่น นอกจากมีบทบาทในอาหารคาวแล้ว มะกรูดยังมีบทบาทในอาหารหวาน ทั้งนำเนื้อมากวนไส้ นำไปเชื่อมรวมถึงการลอยแก้ว มะกรูดลอยแก้ว เป็นของหวานดับร้อนของคนในสมัยก่อน ดูเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยรายละเอียดต่าง ๆ มากมาย ด้วยลักษณะของมะกรูดที่มีกลิ่นรสเฉพาะตัว จึงต้องอาศัยเทคนิคและความใส่ใจ เพื่อให้ได้เนื้อมะกรูดลอยแก้วที่มีความนุ่มหนึบ ใสดั่งแก้ว ชิมรสเปรี้ยว หวาน เค็ม ครบสามรส หอมกลิ่นมะกรูดอ่อนๆ เอาไว้กินกับน้ำแข็งเพิ่มความสดชื่นในวันที่อากาศร้อน
![จิ้นเกลือ](/_next/static/media/Fallback.cbd323d9.png)
จิ้นแดง จิ้นเเห้งหรือจิ้นเกลือ คือ วิธีการถนอมอาหารของคนภาคเหนือ เเต่เดิมใช้เนื้อวัวทำให้ได้เนื้อที่มีสีเเดงเเต่ในปัจจุบันหันมาใช้เนื้อหมูมากขึ้น วิธีการทำคือสไลด์เนื้อสัตว์เป็นแผ่นบางๆ แล้วนำมาคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงต่างๆ ใส่สีผสมอาหารเพื่อทำให้เนื้อมีสีเเดง จากนั้นนำไปตากแดดให้ได้ที่แล้วนำย่างบนเตาถ่านให้พอสุกเเละเเห้ง สามารถเก็บไว้ได้นาน
![ขนมมันสำปะหลัง](/_next/static/media/Fallback.cbd323d9.png)
ขนมไทยพื้นบ้านรสชาติอร่อยเรียบง่ายด้วยส่วนผสมไม่กี่อย่าง ได้แก่ มันสำปะหลังขูดหรือปั่นให้ละเอียด ผสมกับน้ำตาลทราย เกลือ และน้ำสะอาดหรือน้ำคั้นใบเตย ใส่ถาดนึ่งให้สุกจนเนื้อมันเปลี่ยนเป็นเหลืองใส แล้วนำมาตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมจัตุรัสคลุกกับมะพร้าวขูดที่เคล้าเกลือไว้เล็กน้อย เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่วัตถุดิบหลักคือ มันสำปะหลังพันธุ์ที่เรียกว่า ‘มัน 5 นาที’ เป็นพันธุ์ที่นิยมใช้ทำขนม
![ไส้อั่วตับ](/_next/static/media/Fallback.cbd323d9.png)
ไส้อั่ว นับเป็นความชาญฉลาดของบรรพบุรุษชาวล้านนาอย่างหนึ่งในการใช้สอยทุกส่วนของหมูได้อย่างคุ้มค่า คำว่า “อั่ว” เป็นคำเมือง แปลว่า การแทรกหรือยัดไว้ตรงกลาง เมื่อนำเครื่องต่างๆยัดเข้าไปในไส้หมู จึงเรียกว่า ไส้อั่ว สูตรนี้เป็นสูตรไส้อั่วตับที่ใส่ตับเข้าไปเพิ่มความมันเเละนัว หอมกลิ่นพริกแกงเเละเครื่องสมุนไพรไทย ย่างจนสุกเกรียมหอม จนได้ออกมาเป็นไส้อั่วตับอร่อยๆ จะทำขาย ทำเเจกหรือทำไปฝากเพื่อนก็ได้
![มะกรูดลอยแก้ว](/_next/static/media/Fallback.cbd323d9.png)
มะกรูด เป็นพืชในตระกลูส้มและมะนาว (Citrus) คนไทยส่วนใหญ่นิยมปลูกมะกรูดไว้ใช้ประโยชน์ในครัวเรือน โดยเฉพาะส่วนใบและผล ด้วยกลิ่นหอมเฉพาะตัวของมะกรูดที่ทำให้รู้สึกสดชื่น นอกจากมีบทบาทในอาหารคาวแล้ว มะกรูดยังมีบทบาทในอาหารหวาน ทั้งนำเนื้อมากวนไส้ นำไปเชื่อมรวมถึงการลอยแก้ว มะกรูดลอยแก้ว เป็นของหวานดับร้อนของคนในสมัยก่อน ดูเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยรายละเอียดต่าง ๆ มากมาย ด้วยลักษณะของมะกรูดที่มีกลิ่นรสเฉพาะตัว จึงต้องอาศัยเทคนิคและความใส่ใจ เพื่อให้ได้เนื้อมะกรูดลอยแก้วที่มีความนุ่มหนึบ ใสดั่งแก้ว ชิมรสเปรี้ยว หวาน เค็ม ครบสามรส หอมกลิ่นมะกรูดอ่อนๆ เอาไว้กินกับน้ำแข็งเพิ่มความสดชื่นในวันที่อากาศร้อน
![จิ้นเกลือ](/_next/static/media/Fallback.cbd323d9.png)
จิ้นแดง จิ้นเเห้งหรือจิ้นเกลือ คือ วิธีการถนอมอาหารของคนภาคเหนือ เเต่เดิมใช้เนื้อวัวทำให้ได้เนื้อที่มีสีเเดงเเต่ในปัจจุบันหันมาใช้เนื้อหมูมากขึ้น วิธีการทำคือสไลด์เนื้อสัตว์เป็นแผ่นบางๆ แล้วนำมาคลุกเคล้ากับเครื่องปรุงต่างๆ ใส่สีผสมอาหารเพื่อทำให้เนื้อมีสีเเดง จากนั้นนำไปตากแดดให้ได้ที่แล้วนำย่างบนเตาถ่านให้พอสุกเเละเเห้ง สามารถเก็บไว้ได้นาน
![ขนมมันสำปะหลัง](/_next/static/media/Fallback.cbd323d9.png)
ขนมไทยพื้นบ้านรสชาติอร่อยเรียบง่ายด้วยส่วนผสมไม่กี่อย่าง ได้แก่ มันสำปะหลังขูดหรือปั่นให้ละเอียด ผสมกับน้ำตาลทราย เกลือ และน้ำสะอาดหรือน้ำคั้นใบเตย ใส่ถาดนึ่งให้สุกจนเนื้อมันเปลี่ยนเป็นเหลืองใส แล้วนำมาตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมจัตุรัสคลุกกับมะพร้าวขูดที่เคล้าเกลือไว้เล็กน้อย เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่วัตถุดิบหลักคือ มันสำปะหลังพันธุ์ที่เรียกว่า ‘มัน 5 นาที’ เป็นพันธุ์ที่นิยมใช้ทำขนม
Recommended Videos