หยิบความรักมาเคลือบช็อกโกแลตหวานฉ่ำ ด้วยเมนูช็อกโกแลตฟองดูว์ในวันวาเลนไทน์นี้
ทำไมวันวาเลนไทน์ต้องให้ช็อกโกแลตกัน? นี่คือคำถามของใครหลายคนเมื่อย่างเข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ เหตุผลก็ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่สมัยก่อนโน้น สำหรับคนตะวันตก ดอกกุหลาบสีแดงและช็อกโกแลตถือว่าเป็นของหายากและล้ำค่า จึงนิยมนำมาให้เป็นของแทนใจ เปรียบเป็นของที่มีค่าที่คนรักจะมอบแทนใจให้กันได้ อีกทั้งช็อกโกแลตยังสื่อความหมายถึงชีวิตรักได้อย่างชัดเจน เพราะด้วยรสชาติของมันที่มีตั้งแต่รสขมไปจนถึงรสหวาน เปรียบได้กับการดำเนินชีวิตคู่ที่บางครั้งก็มีทุกข์บ้าง มีสุขบ้าง ขื่นขมหวานชื่นปะปนกันไป ฉะนั้น! วันวาเลนไทน์นี้ มาฉลองกันแบบครีเอทดีกว่า สาวๆ ไม่ต้องซื้อหาช็อกโกแลตหรือเป็นฝ่ายรอรับช็อกโกแลต แต่ให้ชวนหนุ่มๆ มาทำช็อกโกแลตฟองดูว์กันแบบหวานๆ ไปเลย เพราะช็อกโกแลตฟองดูว์ทำได้ง่ายๆ แถมยังได้ใช้เวลาแสนหวานร่วมกับหนุ่มๆ อีกด้วย แค่คิดก็โรแมนติกแล้ว แต่เอ๊ะ? ถ้าเป็นสาวโสดสนิทล่ะ อ่ะ งั้นก็เปลี่ยนจากชวนหนุ่ม เป็นชวนเพื่อนๆ มาปาร์ตี้ช็อกโกแลตฟองดูว์ก็สนุกและอร่อยได้เหมือนกัน
วิธีเลือกช็อกโกแลตมาทำฟองดูว์
ควรเลือกใช้ดาร์กช็อกโกแลตหรือมิลค์ช็อกโกแลตเพราะดีต่อสุขภาพ มีส่วนผสมของเมล็ดโกโก้จริงๆ อยู่ และให้รสชาติของโกโก้ได้ดีกว่า ดาร์กช็อกโกแลตส่วนมากนิยมขายอยู่ที่ 65% – 99% แล้วแต่ว่าต้องการความเข้มข้นของช็อกโกแลตมากเท่าไร ถ้าเป็นมิลค์ช็อกโกแลตก็จะมีส่วนผสมของนมอยู่ด้วย ช่วยให้คนที่ไม่ชอบรสขมของดาร์กช็อกโกแลตกินได้ง่ายขึ้น
ช็อกโกแลตฟองดูว์ไม่ควรใช้ช็อกโกแลตคอมพาวด์ที่มีให้เห็นได้ทั่วไป 2 ชนิด ทั้งไวท์ช็อกโกแลตคอมพาวด์ และช็อกโกแลตคอมพาวด์ (สีน้ำตาลเข้ม) เพราะมีส่วนผสมของไขมันพืชหรือน้ำมันปาล์ม เนื่องจากน้ำมันปาล์มที่เป็นวัตถุดิบที่เหมาะกับการผลิตช็อกโกแลตเพราะราคาถูก มีไขมันอิ่มตัวเป็นจำนวนมาก ไม่ดีต่อสุขภาพ
ไวท์ช็อกโกแลตก็ไม่นิยมนำมาทำช็อกโกแลตฟองดูว์เท่าไรนัก เพราะแม้หน้าตาหรือสีสันอาจดูแตกต่างจากช็อกโกแลตทั่วไป แต่ในทางเทคนิคแล้วไวท์ช็อกโกแลตไม่ถือเป็นช็อกโกแลต เพราะไม่มีส่วนผสมของเนื้อโกโก้เลย มีเพียงน้ำตาล โกโก้บัตเตอร์ นมผง ไขมันนมและกลิ่นวานิลลา แต่ไวท์ช็อกโกแลตที่มีคุณภาพสูงมีส่วนผสมของโกโก้บัตเตอร์อยู่มาก ก็จะทำให้รสชาติ เข้มข้นและมันขึ้น จึงนิยมนำไปตกแต่งหน้าเค้กมากกว่า ดังนั้นควรอ่านฉลากส่วนประกอบของช็อกโกแลตก่อนซื้อเสมอ เพื่อความแน่ใจ
อีกทั้งช็อกโกแลตต้องอยู่ในบรรจุภัณฑ์ที่ไม่รั่วหรือแตกหัก เนื้อช็อกโกแลตต้องมีสีเหมือนกันทั้งชิ้น ไม่มีคราบสีขาวคล้ายผงแป้งเกาะอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะถ้ามี อาจหมายถึงว่ามีการจัดเก็บไว้นานเกินไป ช็อกโกแลตที่เห็นได้ทั่วไปมีทั้งแบบเป็น ช็อกโกแลตบาร์และช็อกโกแลตเม็ด แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนก็ตามผิวสัมผัสช็อกโกแลตต้องเนียนเรียบ ไม่ขรุขระ เพราะช็อกโกแลตที่มีเนื้อหยาบ แสดงว่ามีขั้นตอนการผลิตที่เร่งรัด ส่งผลให้เมื่อนำช็อกโกแลตไปละลายเพื่อทำขนม จะทำให้ละลายไม่ทั่วถึง
วิธีละลายช็อกโกแลตที่ถูกต้อง
ช็อกโกแลตละลายได้ง่ายมากๆ หากคุณใช้เทคนิคที่เหมาะสม แต่มันก็ง่ายเช่นกันที่คุณอาจจะเผลอทำมันไหม้ เพราะฉะนั้นการละลายช็อกโกแลตที่ถูกต้องมี 2 วิธี วิธีที่หนึ่งคือการละลายช็อกโกแลตโดยใช้ไอน้ำจากหม้อ ด้วยการใส่น้ำลงในหม้อประมาณ ¼ ของหม้อ (หม้อต้องมีขนาดเล็กกว่าชามแก้ว) จากนั้นใส่ดาร์กช็อกโกแลตลงในชามแก้วทนความร้อน ยกชามขึ้นวางบนหม้อน้ำเดือดอ่อนๆ คนจนช็อกโกแลตละลาย ยกชามแก้วลงจากหม้อ เคล็ดลับก็คือ ช็อกโกแลตจะละลายเร็วขึ้นถ้าถูกแบ่งเป็นชิ้นเล็กๆ ควรใช้ไฟอ่อนและอย่าให้ก้นชาม (ที่ใส่ช็อกโกแลตอยู่) สัมผัสกับไอน้ำหรือน้ำเดือดโดยตรง การสัมผัสกับน้ำอาจทำให้ชามอุ่นเกินไป และช็อกโกแลตไหม้แทนที่จะละลาย
วิธีทีที่สองคือการละลายช็อกโกแลตในไมโครเวฟ หั่นช็อกโกแลตให้ชิ้นเล็กลงสักหน่อย เวลานำไปเวฟจะได้ละลายเร็ว และไม่ไหม้ไปเสียก่อน ต้องใช้ความร้อนที่ต่ำที่สุดของไมโครเวฟ เป็นเวลา 30-40 วินาที นำถ้วยช็อกโกแลตออกมา ใช้ช้อนคนให้เข้ากันสักหน่อย เพื่อดูว่าช็อกโกแลตของเราละลายหมดหรือยัง ถ้ายัง ก็นำเข้าไปเวฟต่อและนำออกมาคนเรื่อยๆ จนกว่าช็อกโกแลตจะละลายหมด
การเลือกท็อปปิ้ง
เมนูช็อกโกแลตฟองดูว์ ก็ต้องมาคู่กับท็อปปิ้งต่างๆ ที่สามารถหยิบมาจุ่มกับฟองดูว์แล้วรับประทานได้เลย ท็อปปิ้งส่วนใหญ่มักเป็นผลไม้รสเปรี้ยว เช่น สตรอว์เบอร์รี ราสป์เบอร์รี บลูเบอร์รี เชอร์รี กีวี เคพกูสเบอร์รี่ หรือจะใช้กล้วยหอมก็ได้ แต่ถ้าไม่ชอบผลไม้ สามารถใช้ท็อปปิ้งอื่นๆ ได้อีก เช่น แครกเกอร์ มาร์ชเมลโลว์ ขนมปัง ชีสเค้ก บราวนี่ คุกกี้ ไปจนถึงไอกรีมยังได้ พูดกันง่ายๆ ว่า อยากจะรับประทานช็อกโกแลตฟองดูว์กับขนมชนิดไหน ก็ลองจุ่มแล้วชิมดูตามชอบได้เลย เพียงแต่ผลไม้รสเปรี้ยวที่กล่าวไปนั้น จะช่วยตัดรสชาติขมเล็กน้อยของช็อกโกแลตได้ดียิ่งขึ้น
ชนิดเหล้าที่ใช้ในการทำฟองดูว์
เหล้าต่างๆ เช่น เหล้ารัม เหล้ากลิ่นกาแฟ และเหล้าจากผลไม้ต่างๆ สามารถเพิ่มกลิ่นหอมและความกลมกล่อมให้กับช็อกโกแลตฟองดูว์ของเราได้ เหล้ารัมจะให้กลิ่นหอมเฉพาะตัวและนุ่มนวล สามารถใส่ได้ในขนมหลายชนิด เพราะเป็นเหล้าที่ผลิตมาจากอ้อยหรือกากน้ำตาลด้วยการหมักหรือการกลั่น เหล้ากาแฟหรือคาลัวทำมาจากกาแฟ มีสีเข้มรสนุ่ม หวานเล็กน้อย หอมออกกลิ่นกาแฟ รสชาติและสีจะแตกต่างกับเหล้าชนิดอื่นๆ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์มากๆ เมื่อใส่ลงในช็อกโกแลตฟองดูว์แล้ว กลิ่นหอมของเหล้ากาแฟจะช่วยให้ช็อกโกแลตฟองดูว์ทั้งหอมและกลมกล่อมมากขึ้น และเหล้าตัวสุดท้ายคือเหล้าจากผลไม้ต่างๆ อาทิ เหล้าส้ม เหล้าพีช เหล้ากล้วย เหล้ามะพร้าว รวมทั้งเหล้าผลไม้อีกหลากหลายชนิด ที่สามารถทดลองใส่เพื่อเพิ่มกลิ่นและรสให้ฟองดูว์ได้เช่นกัน
คลิกที่นี่เพื่อดูสูตรช็อกโกแลตฟองดูว์
อ่านบทความเพิ่มเติม
Contributor
Recommended Articles
Recommended Videos