เปิด "ตำราอาหาร" ได้ที่นี่
Serves
4 คน
Level
3
ลองนำกล้วยเชื่อมที่ปกติกินกับน้ำกะทิมาปั่นเป็นไอศกรีมดู กลับกันโดยใช้หัวกะทิสดๆมันๆเป็นเบสไอศกรีม นำมาปั่นกับกล้วยที่เชื่อมเรียบร้อยแล้ว ได้ความหวานมันทั้งกะทิและกล้วยเชื่อมในคำเดียว กินพร้อมกับข้าวตังทรงเครื่องเค็มๆ มันๆ เรียกว่าครบรสความเป็นไทยดีแท้
INGREDIENTS
หัวกะทิ
3 ถ้วย
น้ำเชื่อมกล้วย
½ ถ้วย
กล้วยเชื่อม
15 ชิ้น
ฝักวานิลลา
½ ฝัก
กล้วยเชื่อมเสียบไม้และใบแก้วสำหรับตกแต่ง
อุปกรณ์จำเป็น: เครื่องทำไอศกรีม
กล้วยน้ำว้าห่าม
1 หวี
น้ำปูนใส
2 ถ้วย
น้ำตาลทราย
3 ถ้วย
น้ำ
2 ถ้วย
น้ำมะนาว
2 ช้อนชา
METHOD
1. ทำกล้วยเชื่อมโดยปอกเปลือกกล้วยน้ำว้า ผ่าครึ่งลูกตามขวาง นำไปแช่ในน้ำปูนใสนานประมาณ 30 นาที แล้วสงขึ้น ล้างผ่านน้ำสะอาด 1 ครั้งใส่จานพักไว้
2. ใส่น้ำตาล น้ำ และน้ำมะนาวลงในกระทะทองเหลือง ยกขึ้นตั้งบนไฟกลาง คนจนน้ำตาลละลาย ใส่กล้วยลงเชื่อม ลดเป็นไฟอ่อน ค่อยๆเชื่อมจนกล้วยสุกเป็นสีแดงอ่อน ปิดไฟ ยกลง พักให้เย็นสนิท
3. ปั่นหัวกะทิ น้ำเชื่อมกล้วย และกล้วยเชื่อมให้เข้ากัน ชิมรสให้ออกหวานเล็กน้อย กรีดฝักวานิลลาแล้วปาดเอาเมล็ดวานิลลาใส่ลงในส่วนผสมที่ปั่น จากนั้นเทลงในเครื่องปั่นไอศกรีมตามขั้นตอน ใช้เวลาปั่นประมาณ 1 ชั่วโมงหรือได้เนื้อไอศกรีมที่เนียนละเอียดตามต้องการ ตักเนื้อไอศกรีมที่ได้ใส่กล่อง ปิดฝาให้สนิท นำเข้าตู้เย็นช่องแข็งประมาณ 3 ชั่วโมง ก่อนรับปะทาน
4. จัดเสิร์ฟโดยตักไอศกรีมกล้วยเชื่อม โรยข้าวตังทรงเครื่องโดยรอบ ตกแต่งด้วยกล้วยเชื่อมหั่นครึ่งและใบแก้ว
Recommended Articles
Baked Alaska เค้กไอศกรีมเก่าแก่ มีประวัติน่าสนใจได้ถูกคิดค้นขึ้นโดย Charles Ranhofer เชฟชาวฝรั่งเศสเพื่อเป็นสัญลักษณ์ในช่วงเวลาที่สหรัฐอเมริกาได้ซื้อเกาะอลาสก้าจากรัสเซีย อีกทั้งยังเป็นขนมที่ได้แรงบันดาลใจจากการค้นพบทฤษฏีการนำพาความร้อนของ Sir Benjamin Thomson ก่อนหน้านั้นที่พบว่าเมอร์แรงก์ไข่ขาวที่มีฟองอากาศมากมายนั้นเป็นฉนวนความร้อนอย่างดีจนทำให้ไอศกรีมด้านในไม่ละลาย
ซอร์เบต์ (Sorbet) คือ ไอศกรีมที่นำไปแช่แข็งจนมีลักษณะเป็นเกล็ดหิมะ ส่วนผสมหลักของซอร์เบต์คือ น้ำตาลและผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ซอร์เบต์มะนาว ซอร์เบต์สตรอว์เบอร์รี ซอร์เบต์กีวี แต่จะใช้วัตถุดิบอื่นอย่างสมุนไพร เครื่องเทศ ดอกไม้ กาแฟ หรือชา แทนก็ได้ในเดือนแห่งเทศกาลตรุษจีน ขอต้อนรับช่วงเวลาอันเป็นมงคลด้วยรสหวานฉ่ำของ “ซอร์เบต์เก๊กฮวย” ไอศกรีมสีเหลืองทอง รสหอมหวานเย็นชื่นใจ เสิร์ฟคู่กับวุ้นเก๊กฮวย หวาน กรอบ ชาวจีนเชื่อว่า สีทอง เป็นสีมงคล หมายถึง ความร่ำรวยและความสุข ส่วนดอกเก๊กฮวย เป็นสัญลักษณ์ของความดีงาม ความยั่งยืน และอายุยืนยาว ตรุษจีนปีนี้ลองทำซอร์เบต์เก๊กฮวยแทนคำอวยพรให้ทุกคนในครอบครัวสุขสดชื่นไปด้วยกัน
ไอศกรีมเต้าหู้เนื้อเนียนนุ่มหอมกลิ่นเต้าหู้อ่อนๆ สูตรนี้เลือกใช้นมอัลมอนด์มาเป็นส่วนผสมของเหลวแทนน้ำเต้าหู้ เพราะตั้งใจอยากให้ได้กลิ่นถั่วอัลมอนด์ผสมอยู่ด้วยในเนื้อไอศกรีม ความหวานที่ได้เกิดจากน้ำเชื่อม ตัดรสนิดหน่อยด้วยเกลือสมุทร ก่อนเสิร์ฟโรยด้วยเต้าหู้เคลือบคาราเมลรสชาติหวานนิดเค็มหน่อยๆ เพิ่มความกรุบกรอบให้กับไอศกรีมถ้วยนี้
แมงโกกุลฟี (Mango Kulfi) ไอศกรีมนมของคนอินเดียที่เพิ่มความพิเศษโดยการใส่เนื้อมะม่วงสุกที่ปั่นแล้วลงไปผสมอยู่ในเนื้อไอศกรีมด้วย ทำให้เนื้อสัมผัสที่ได้จะมีความครีมๆนมและหวานหอมกลิ่นผลไม้ที่สำคัญไม่ทิ้งเอกลักษณ์ความเป็นอินเดียด้วยการใส่เครื่องเทศอย่างกระวานเขียวและหญ้าฝรั่งลงไปด้วยตอนต้มนมเพื่อให้ได้กลิ่นหอมเล็กน้อย
มาลัยกุลฟี่ (Malai Kulfi) ในสูตรนี้จะมีนมสดชนิดจืด (แบบไขมันสูง) น้ำตาล หัวนมผง (อันนี้เพิ่มกลิ่นหอมนมมากยิ่งขึ้น) กระวานเขียว หญ้าฝรั่น อัลมอนด์ เม็ดมะม่วง และพิตาชิโอ เป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งขั้นตอนการทำ มาลัยกุลฟี (Malai Kulfi) ก็ไม่ยาก หลักๆก็คือการนำนมสดไปเคี่ยวให้เกิดความข้น กับน้ำตาลและหัวนมผง ให้ข้นจนเปลี่ยนสี (คล้ายสีนมข้นหวาน) แล้วใส่เครื่องเทศอย่างเม็ดกระวานและหญ้าฝรั่น เคี่ยวให้กลิ่นเครื่องเทศหอม จากนั้นก็นำเม็ดกระวานออก แล้วจึงใส่ถั่วต่างๆอย่างอัลมอนด์ เม็ดมะม่วง และพิตาชิโอ สับให้ละเอียด ลงไปต้มประมาณ 5 นาที ก่อนจะปิดไฟ แล้วพักให้หายร้อนก่อนใส่ลงพิมพ์ที่เตรียมไว้ แล้วนำไปแช่ในช่องฟรีสให้แข็งก่อนเอามากิน เนื้อไอศกรีมที่หวานมันผสมกับการได้สัมผัสของเม็ดถั่วที่ผสมอยู่ในเนื้อไอศกรีมอีกด้วย
พิตาชิโอกุลฟี่ (Pistachio Kulfi) เมนูนี้เพิ่มส่วนผสมสำคัญลงไปอย่างวิปปิ้งครีมและพิตาชิโอ โดยนำนม ครีม และน้ำตาล เคี่ยวให้ข้น ใส่เครื่องเทศอย่างกระวานลงไปเล็กน้อย เพื่อให้ได้กลิ่นจางๆ ปิดท้ายด้วยพิตาชิโอที่ผ่านการต้มให้นุ่มและนำเปลือกที่หุ้มออก ไปปั่นรวมกับส่วนผสมนมข้างต้นให้ได้เป็นเนื้อครีมมันๆ หอมกลิ่นพิตาชิโอ เมนูนี้เรียกได้ว่าถูกใจสายพิตาชิโอเป็นแน่ แต่หากใครจะเปลี่ยนรสชาติของถั่วก็ได้ตามใจชอบเลย
Baked Alaska เค้กไอศกรีมเก่าแก่ มีประวัติน่าสนใจได้ถูกคิดค้นขึ้นโดย Charles Ranhofer เชฟชาวฝรั่งเศสเพื่อเป็นสัญลักษณ์ในช่วงเวลาที่สหรัฐอเมริกาได้ซื้อเกาะอลาสก้าจากรัสเซีย อีกทั้งยังเป็นขนมที่ได้แรงบันดาลใจจากการค้นพบทฤษฏีการนำพาความร้อนของ Sir Benjamin Thomson ก่อนหน้านั้นที่พบว่าเมอร์แรงก์ไข่ขาวที่มีฟองอากาศมากมายนั้นเป็นฉนวนความร้อนอย่างดีจนทำให้ไอศกรีมด้านในไม่ละลาย
ซอร์เบต์ (Sorbet) คือ ไอศกรีมที่นำไปแช่แข็งจนมีลักษณะเป็นเกล็ดหิมะ ส่วนผสมหลักของซอร์เบต์คือ น้ำตาลและผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ซอร์เบต์มะนาว ซอร์เบต์สตรอว์เบอร์รี ซอร์เบต์กีวี แต่จะใช้วัตถุดิบอื่นอย่างสมุนไพร เครื่องเทศ ดอกไม้ กาแฟ หรือชา แทนก็ได้ในเดือนแห่งเทศกาลตรุษจีน ขอต้อนรับช่วงเวลาอันเป็นมงคลด้วยรสหวานฉ่ำของ “ซอร์เบต์เก๊กฮวย” ไอศกรีมสีเหลืองทอง รสหอมหวานเย็นชื่นใจ เสิร์ฟคู่กับวุ้นเก๊กฮวย หวาน กรอบ ชาวจีนเชื่อว่า สีทอง เป็นสีมงคล หมายถึง ความร่ำรวยและความสุข ส่วนดอกเก๊กฮวย เป็นสัญลักษณ์ของความดีงาม ความยั่งยืน และอายุยืนยาว ตรุษจีนปีนี้ลองทำซอร์เบต์เก๊กฮวยแทนคำอวยพรให้ทุกคนในครอบครัวสุขสดชื่นไปด้วยกัน
ไอศกรีมเต้าหู้เนื้อเนียนนุ่มหอมกลิ่นเต้าหู้อ่อนๆ สูตรนี้เลือกใช้นมอัลมอนด์มาเป็นส่วนผสมของเหลวแทนน้ำเต้าหู้ เพราะตั้งใจอยากให้ได้กลิ่นถั่วอัลมอนด์ผสมอยู่ด้วยในเนื้อไอศกรีม ความหวานที่ได้เกิดจากน้ำเชื่อม ตัดรสนิดหน่อยด้วยเกลือสมุทร ก่อนเสิร์ฟโรยด้วยเต้าหู้เคลือบคาราเมลรสชาติหวานนิดเค็มหน่อยๆ เพิ่มความกรุบกรอบให้กับไอศกรีมถ้วยนี้
แมงโกกุลฟี (Mango Kulfi) ไอศกรีมนมของคนอินเดียที่เพิ่มความพิเศษโดยการใส่เนื้อมะม่วงสุกที่ปั่นแล้วลงไปผสมอยู่ในเนื้อไอศกรีมด้วย ทำให้เนื้อสัมผัสที่ได้จะมีความครีมๆนมและหวานหอมกลิ่นผลไม้ที่สำคัญไม่ทิ้งเอกลักษณ์ความเป็นอินเดียด้วยการใส่เครื่องเทศอย่างกระวานเขียวและหญ้าฝรั่งลงไปด้วยตอนต้มนมเพื่อให้ได้กลิ่นหอมเล็กน้อย
มาลัยกุลฟี่ (Malai Kulfi) ในสูตรนี้จะมีนมสดชนิดจืด (แบบไขมันสูง) น้ำตาล หัวนมผง (อันนี้เพิ่มกลิ่นหอมนมมากยิ่งขึ้น) กระวานเขียว หญ้าฝรั่น อัลมอนด์ เม็ดมะม่วง และพิตาชิโอ เป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งขั้นตอนการทำ มาลัยกุลฟี (Malai Kulfi) ก็ไม่ยาก หลักๆก็คือการนำนมสดไปเคี่ยวให้เกิดความข้น กับน้ำตาลและหัวนมผง ให้ข้นจนเปลี่ยนสี (คล้ายสีนมข้นหวาน) แล้วใส่เครื่องเทศอย่างเม็ดกระวานและหญ้าฝรั่น เคี่ยวให้กลิ่นเครื่องเทศหอม จากนั้นก็นำเม็ดกระวานออก แล้วจึงใส่ถั่วต่างๆอย่างอัลมอนด์ เม็ดมะม่วง และพิตาชิโอ สับให้ละเอียด ลงไปต้มประมาณ 5 นาที ก่อนจะปิดไฟ แล้วพักให้หายร้อนก่อนใส่ลงพิมพ์ที่เตรียมไว้ แล้วนำไปแช่ในช่องฟรีสให้แข็งก่อนเอามากิน เนื้อไอศกรีมที่หวานมันผสมกับการได้สัมผัสของเม็ดถั่วที่ผสมอยู่ในเนื้อไอศกรีมอีกด้วย
พิตาชิโอกุลฟี่ (Pistachio Kulfi) เมนูนี้เพิ่มส่วนผสมสำคัญลงไปอย่างวิปปิ้งครีมและพิตาชิโอ โดยนำนม ครีม และน้ำตาล เคี่ยวให้ข้น ใส่เครื่องเทศอย่างกระวานลงไปเล็กน้อย เพื่อให้ได้กลิ่นจางๆ ปิดท้ายด้วยพิตาชิโอที่ผ่านการต้มให้นุ่มและนำเปลือกที่หุ้มออก ไปปั่นรวมกับส่วนผสมนมข้างต้นให้ได้เป็นเนื้อครีมมันๆ หอมกลิ่นพิตาชิโอ เมนูนี้เรียกได้ว่าถูกใจสายพิตาชิโอเป็นแน่ แต่หากใครจะเปลี่ยนรสชาติของถั่วก็ได้ตามใจชอบเลย
Baked Alaska เค้กไอศกรีมเก่าแก่ มีประวัติน่าสนใจได้ถูกคิดค้นขึ้นโดย Charles Ranhofer เชฟชาวฝรั่งเศสเพื่อเป็นสัญลักษณ์ในช่วงเวลาที่สหรัฐอเมริกาได้ซื้อเกาะอลาสก้าจากรัสเซีย อีกทั้งยังเป็นขนมที่ได้แรงบันดาลใจจากการค้นพบทฤษฏีการนำพาความร้อนของ Sir Benjamin Thomson ก่อนหน้านั้นที่พบว่าเมอร์แรงก์ไข่ขาวที่มีฟองอากาศมากมายนั้นเป็นฉนวนความร้อนอย่างดีจนทำให้ไอศกรีมด้านในไม่ละลาย
ซอร์เบต์ (Sorbet) คือ ไอศกรีมที่นำไปแช่แข็งจนมีลักษณะเป็นเกล็ดหิมะ ส่วนผสมหลักของซอร์เบต์คือ น้ำตาลและผลไม้รสเปรี้ยว เช่น ซอร์เบต์มะนาว ซอร์เบต์สตรอว์เบอร์รี ซอร์เบต์กีวี แต่จะใช้วัตถุดิบอื่นอย่างสมุนไพร เครื่องเทศ ดอกไม้ กาแฟ หรือชา แทนก็ได้ในเดือนแห่งเทศกาลตรุษจีน ขอต้อนรับช่วงเวลาอันเป็นมงคลด้วยรสหวานฉ่ำของ “ซอร์เบต์เก๊กฮวย” ไอศกรีมสีเหลืองทอง รสหอมหวานเย็นชื่นใจ เสิร์ฟคู่กับวุ้นเก๊กฮวย หวาน กรอบ ชาวจีนเชื่อว่า สีทอง เป็นสีมงคล หมายถึง ความร่ำรวยและความสุข ส่วนดอกเก๊กฮวย เป็นสัญลักษณ์ของความดีงาม ความยั่งยืน และอายุยืนยาว ตรุษจีนปีนี้ลองทำซอร์เบต์เก๊กฮวยแทนคำอวยพรให้ทุกคนในครอบครัวสุขสดชื่นไปด้วยกัน
ไอศกรีมเต้าหู้เนื้อเนียนนุ่มหอมกลิ่นเต้าหู้อ่อนๆ สูตรนี้เลือกใช้นมอัลมอนด์มาเป็นส่วนผสมของเหลวแทนน้ำเต้าหู้ เพราะตั้งใจอยากให้ได้กลิ่นถั่วอัลมอนด์ผสมอยู่ด้วยในเนื้อไอศกรีม ความหวานที่ได้เกิดจากน้ำเชื่อม ตัดรสนิดหน่อยด้วยเกลือสมุทร ก่อนเสิร์ฟโรยด้วยเต้าหู้เคลือบคาราเมลรสชาติหวานนิดเค็มหน่อยๆ เพิ่มความกรุบกรอบให้กับไอศกรีมถ้วยนี้
แมงโกกุลฟี (Mango Kulfi) ไอศกรีมนมของคนอินเดียที่เพิ่มความพิเศษโดยการใส่เนื้อมะม่วงสุกที่ปั่นแล้วลงไปผสมอยู่ในเนื้อไอศกรีมด้วย ทำให้เนื้อสัมผัสที่ได้จะมีความครีมๆนมและหวานหอมกลิ่นผลไม้ที่สำคัญไม่ทิ้งเอกลักษณ์ความเป็นอินเดียด้วยการใส่เครื่องเทศอย่างกระวานเขียวและหญ้าฝรั่งลงไปด้วยตอนต้มนมเพื่อให้ได้กลิ่นหอมเล็กน้อย
มาลัยกุลฟี่ (Malai Kulfi) ในสูตรนี้จะมีนมสดชนิดจืด (แบบไขมันสูง) น้ำตาล หัวนมผง (อันนี้เพิ่มกลิ่นหอมนมมากยิ่งขึ้น) กระวานเขียว หญ้าฝรั่น อัลมอนด์ เม็ดมะม่วง และพิตาชิโอ เป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งขั้นตอนการทำ มาลัยกุลฟี (Malai Kulfi) ก็ไม่ยาก หลักๆก็คือการนำนมสดไปเคี่ยวให้เกิดความข้น กับน้ำตาลและหัวนมผง ให้ข้นจนเปลี่ยนสี (คล้ายสีนมข้นหวาน) แล้วใส่เครื่องเทศอย่างเม็ดกระวานและหญ้าฝรั่น เคี่ยวให้กลิ่นเครื่องเทศหอม จากนั้นก็นำเม็ดกระวานออก แล้วจึงใส่ถั่วต่างๆอย่างอัลมอนด์ เม็ดมะม่วง และพิตาชิโอ สับให้ละเอียด ลงไปต้มประมาณ 5 นาที ก่อนจะปิดไฟ แล้วพักให้หายร้อนก่อนใส่ลงพิมพ์ที่เตรียมไว้ แล้วนำไปแช่ในช่องฟรีสให้แข็งก่อนเอามากิน เนื้อไอศกรีมที่หวานมันผสมกับการได้สัมผัสของเม็ดถั่วที่ผสมอยู่ในเนื้อไอศกรีมอีกด้วย
พิตาชิโอกุลฟี่ (Pistachio Kulfi) เมนูนี้เพิ่มส่วนผสมสำคัญลงไปอย่างวิปปิ้งครีมและพิตาชิโอ โดยนำนม ครีม และน้ำตาล เคี่ยวให้ข้น ใส่เครื่องเทศอย่างกระวานลงไปเล็กน้อย เพื่อให้ได้กลิ่นจางๆ ปิดท้ายด้วยพิตาชิโอที่ผ่านการต้มให้นุ่มและนำเปลือกที่หุ้มออก ไปปั่นรวมกับส่วนผสมนมข้างต้นให้ได้เป็นเนื้อครีมมันๆ หอมกลิ่นพิตาชิโอ เมนูนี้เรียกได้ว่าถูกใจสายพิตาชิโอเป็นแน่ แต่หากใครจะเปลี่ยนรสชาติของถั่วก็ได้ตามใจชอบเลย
Recommended Videos