เปิด "ตำราอาหาร" ได้ที่นี่

 

recipe

เค้กแบลกฟลอเรส

Recipe by ณวรา เปลี่ยนบุญเลิศ

Serves

2 ปอนด์ (8 ชิ้น)

Level

4

เค้กแบลกฟลอเรส (Black forest cake หรือ Schwarzwälder Kirschtorte) เป็นเค้กสัญชาติเยอรมัน แน่นอนเยอรมันขึ้นชื่อเรื่องช็อกโกแลตเค้กอยู่แล้ว เอกลักษณ์ของเค้กชนิดนี้คือเค้กรสช็อกโกแลตฉ่ำด้วยบรั่นดีเชอร์รี (kirsh) สลับชั้นเชอร์รีและวิปปิ้งครีม ใครชอบเค้กกลิ่นเหล้าแนะนำว่าต้องกินแบลกฟลอเรส ถ้าแบบดั้งเดิมเลยแบลกฟลอเรสจะใช้เนื้อสปอนจ์เค้กช็อกโกแลตซึ่งเป็นเนื้อเจนัวเค้ก หรือเค้กที่ขึ้นฟูด้วยการตีไข่บนอ่างน้ำร้อน แล้วใส่แป้งเค้กและผงโกโก้เข้าด้วยกัน แต่สูตรนี้เราปรับให้เป็นเนื้อเค้กนุ่มละเอียดและเข้มขึ้นโดยใส่ช็อกโกแลตและผงโกโก้

INGREDIENTS

ผงโกโก้

20 กรัม

น้ำอุ่น

135 กรัม

ดาร์กช็อกโกแลตละลาย

85 กรัม

ซาวร์ครีม

135 กรัม

น้ำมันพืช

82 กรัม

แป้งสาลีอเนกประสงค์

280 กรัม

เบกกิ้งโซดา

1/2 ช้อนชา

เกลือป่น

3/4 ช้อนชา

เนยสดชนิดจืด

85 กรัม

น้ำตาลทรายแดง

135 กรัม

น้ำตาลทราย

100 กรัม

ไข่แดงไข่ไก่

2 ฟอง

ไข่ไก่

3 ฟอง

อุปกรณ์จำเป็น: พิมพ์เค้กกลมขนาด 8 นิ้ว จำนวน 3 พิมพ์ กระดาษไข มีดฟันเลื่อย ฐานแต่งเค้ก แปรงเพสทรี สปาตูลา ถุงบีบและหัวบีบหยัก

METHOD

     

  1. อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 160 องศาเซลเซียส เตรียมไว้ ปูกระดาษไขด้านล่างพิมพ์ทั้ง 3 อัน เตรียมไว้
  2.  

  3. ละลายผงโกโก้กับน้ำอุ่นให้เข้ากันจนโกโก้ไม่เป็นเม็ด พักไว้ ละลายช็อกโกแลตในไมโครเวฟแล้วใส่ลงในน้ำโกโก้ คนผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วจึงใส่ซาวร์ครีมและน้ำมันพืช คนให้เข้ากัน พักไว้
  4.  

  5. ร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ เบกกิ้งโซดา และเกลือให้เข้ากัน 2 รอบ พักไว้ ตีเนยกับน้ำตาลทั้งสองชนิดด้วยเครื่องตีไข่ไฟฟ้าจนนุ่มฟู ใส่ไข่ไก่และไข่แดงทีละฟองจนครบ ใส่ส่วนผสมแป้งที่ร่อนไว้สลับกับของเหลวที่เป็นช็อกโกแลตโดยแบ่งแป้งเป็น 3 ส่วนและของเหลวเป็น 2 ส่วน ใส่สลับกัน เมื่อเข้าเป็นเนื้อเดียวกันแล้ว ตักแบ่งเค้กใส่พิมพ์ 3 พิมพ์เท่าๆกัน พิมพ์ละประมาณ 415 กรัม เกลี่ยให้เรียบ นำเข้าอบพร้อมกันประมาณ 25-30 นาที นำพิมพ์เค้กออกจากเตา ใช้มีดแซะด้านข้างเค้ก คว่ำเค้กลงบนตะแกรงแล้วลอกกระดาษไขออก พักเค้กให้เย็นสนิท
  6.  

  7. ระหว่างนั้นทำไส้เชอร์รีโดยล้างเชอร์รีให้สะอาด ซับให้แห้งสนิท แบ่งเชอร์รีเก็บไว้ 8 ลูกสำหรับแต่งหน้า เชอร์รีที่เหลือดึงก้านออกผ่าครึ่ง คว้านเมล็ด นำไปแช่เหล้าเชอร์รีทิ้งไว้ 10 นาที
  8.  

  9. ทำน้ำเชื่อมสำหรับทาเค้กโดยตั้งน้ำตาลและน้ำบนไฟกลางจนน้ำตาลละลาย ปิดไฟ พอน้ำเชื่อมหายร้อน ใส่เหล้าเชอร์รี เทน้ำจากเชอร์รีที่แช่เหล้าจนครบเวลามาใส่ด้วย คนให้เข้ากัน พักไว้
  10.  

  11. ตีวิปปิ้งครีมในอ่างผสมด้วยเครื่องตีไฟฟ้า พอวิปปิ้งครีมเริ่มฟูใส่น้ำตาลไอซิ่งทีละน้อยจนหมด ใส่เหล้าเชอร์รี ตีจนตั้งยอดอ่อนเกือบแข็ง
  12.  

  13. ประกอบเค้กโดยใช้มีดฟันเลื่อยสไลซ์ด้านบนส่วนโค้งออก ทำเช่นนี้ทั้ง 3 ชิ้น วางเค้กชิ้นแรกบนฐานแต่งเค้ก ใช้แปรงจุ่มน้ำเชื่อมเหล้าทาเนื้อเค้กให้ฉ่ำ ปาดวิปปิ้งครีมให้ทั่ว วางลูกเชอร์รีผ่าครึ่งโดยวางให้เว้นจากขอบเค้กประมาณ 1 นิ้ว ปาดครีมปิดเชอร์รีให้ทั่ว วางด้วยเค้กชิ้นที่ 2 ทำเช่นเดิม แล้วปาดวิปปิ้งครีมด้านบนและด้านข้างให้ทั่ว นำไปแช่ตู้เย็นช่องแข็งก่อนเพื่อให้ครีมเซ็ตตัว แล้วจึงนำมาปาดซ้ำด้วยวิปปิ้งครีมรอบสุดท้ายให้เรียบ (การปาดรอบเเรกเรียกว่า crumb coating เป็นการปาดเพื่อเคลือบไม่ให้เนื้อเค้กหลุดติดขึ้นมาเวลาปาดเนื้อเครีม นำเค้กที่ปาดเรียบร้อยแล้วเข้าตู้เย็นช่องเเข็งประมาณ 20 นาที (นำเข้าแช่ทั้งฐานแต่งเค้ก)
  14.  

  15. ระหว่างนั้นทำช็อกโกแลตสำหรับเคลือบหน้าเค้กโดยละลายช็อกโกแลตและวิปปิ้งครีมเข้าด้วยกันในไมโครเวฟ คนให้เข้ากัน รอให้ช็อกโกแลตอุ่นแต่ไม่ร้อน นำไปเทบนหน้าเค้กที่เย็นจัด หมุนฐานเเต่งเค้กเล็กน้อยเพื่อให้ช็อกโกแลตไหลลงขอบด้านข้างเค้กเล็กน้อย โรยช็อกโกแลตขูดที่เค้กด้านล่าง เมื่อหน้าเค้กช็อกโกแลตเซ็ตตัวดี (ถ้าเค้กเย็นจัดหน้าจะเซ็ตตัวไม่เกิน 5 นาที) บีบวิปปิ้งครีมเป็นดอกๆตกแต่งด้านบน วางลูกเชอร์รีสดบนยอดวิปปิ้งครีมแต่ละดอก ตัดเค้กเป็น 8 ชิ้นเท่าๆกัน เสิร์ฟกับชาหรือกาแฟ
  16.  

 

 

 

หมายเหตุ

 

     

  • เค้กที่ประกอบเป็นชั้นๆหลังจากแต่งหน้าเรียบร้อยแล้วควรแช่ตู้เย็นให้เซ็ตตัวทั้งก้อนก่อนอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง เพื่อให้วิปปิ้งครีมเฟิร์มและชั้นเค้กจะประสานเป็นชิ้นเดียวกัน
  •  

 

อ่านบทความเพิ่มเติม

 

Vintage Cake เสน่ห์เค้กโบราณสุดคลาสสิก

Gallery

Share this content

Tags:

Black Forest Cake, kirsh, ขนมหวานฝรั่ง, ของหวานฝรั่ง, ช็อกโกแลต, น้ำตาลทราย, วิปปิ้งครีม, เค้ก, เชอร์รี่, เบเกอร์รี, เหล้าเชอร์รี่, แป้งเค้ก, ไข่ไก่

Recommended Articles

Recipeพายลูกตาลสังขยา
พายลูกตาลสังขยา

พายลูกตาลทำเป็นไส้สังขยาใบเตยผสมเนื้อลูกตาลอ่อน เพิ่มลูกเล่นโดยใช้น้ำตาลโตนดให้กลิ่นสังขยาที่หอมเป็นเอกลักษณ์มากขึ้น ด้านล่างเป็นบิสกิตกรอบร่วนหอมเค็มเนย ปิดด้วยครีมสดข้างบนให้รสนวลๆ หอมหวานจากน้ำตาลโตนด

 

Recipeเมอแรงค์ครีมเลมอน
เมอแรงค์ครีมเลมอน

เมอแรงก์ขนมหวานที่ใช้เทคนิคเฉพาะ เป็นการตีไข่ขาวจนขึ้นฟูแล้วนำไปอบด้วยอุณหภูมิต่ำเพื่อให้ได้เมอแรงก์ขาวสวยและกรอบ สูตรนี้พออบเสร็จแล้วเราจะบีบไส้ครีมเลมอนลงตรงกลาง กินตัดกันดีหวานอมเปรี้ยว เคล็ดลับอยู่ที่เพื่อไม่ให้เมอแรงก์นิ่มไปเสียก่อน ควรบีบไส้ครีมเลมอนก่อนเสิร์ฟเท่านั้น หากยังไม่กินให้เก็บเมอแรงก์ใส่กล่องปิดสนิทเพื่อไม่ให้อากาศเข้าไปช่วยรักษาความกรอบของเมอแรงก์ให้คงอยู่ได้นาน ส่วนไส้ครีมเลมอนเก็บใส่ขวดปิดฝาให้สนิทแช่ไว้ในตู้เย็น เพียงเท่านี้ เราก็ได้เมอแรงก์หวานๆ ผสานความเปรี้ยวของครีมเลมอนในคำเดียว จัดเสิร์ฟกับน้ำชายามบ่ายแล้ว

 

Recipeเมอแรงค์ครีมเลมอน
เมอแรงค์ครีมเลมอน

เมอแรงก์ขนมหวานที่ใช้เทคนิคเฉพาะ เป็นการตีไข่ขาวจนขึ้นฟูแล้วนำไปอบด้วยอุณหภูมิต่ำเพื่อให้ได้เมอแรงก์ขาวสวยและกรอบ สูตรนี้พออบเสร็จแล้วเราจะบีบไส้ครีมเลมอนลงตรงกลาง กินตัดกันดีหวานอมเปรี้ยว เคล็ดลับอยู่ที่เพื่อไม่ให้เมอแรงก์นิ่มไปเสียก่อน ควรบีบไส้ครีมเลมอนก่อนเสิร์ฟเท่านั้น หากยังไม่กินให้เก็บเมอแรงก์ใส่กล่องปิดสนิทเพื่อไม่ให้อากาศเข้าไปช่วยรักษาความกรอบของเมอแรงก์ให้คงอยู่ได้นาน ส่วนไส้ครีมเลมอนเก็บใส่ขวดปิดฝาให้สนิทแช่ไว้ในตู้เย็น เพียงเท่านี้ เราก็ได้เมอแรงก์หวานๆ ผสานความเปรี้ยวของครีมเลมอนในคำเดียว จัดเสิร์ฟกับน้ำชายามบ่ายแล้ว

 

Recipeเมอแรงค์ครีมเลมอน
เมอแรงค์ครีมเลมอน

เมอแรงก์ขนมหวานที่ใช้เทคนิคเฉพาะ เป็นการตีไข่ขาวจนขึ้นฟูแล้วนำไปอบด้วยอุณหภูมิต่ำเพื่อให้ได้เมอแรงก์ขาวสวยและกรอบ สูตรนี้พออบเสร็จแล้วเราจะบีบไส้ครีมเลมอนลงตรงกลาง กินตัดกันดีหวานอมเปรี้ยว เคล็ดลับอยู่ที่เพื่อไม่ให้เมอแรงก์นิ่มไปเสียก่อน ควรบีบไส้ครีมเลมอนก่อนเสิร์ฟเท่านั้น หากยังไม่กินให้เก็บเมอแรงก์ใส่กล่องปิดสนิทเพื่อไม่ให้อากาศเข้าไปช่วยรักษาความกรอบของเมอแรงก์ให้คงอยู่ได้นาน ส่วนไส้ครีมเลมอนเก็บใส่ขวดปิดฝาให้สนิทแช่ไว้ในตู้เย็น เพียงเท่านี้ เราก็ได้เมอแรงก์หวานๆ ผสานความเปรี้ยวของครีมเลมอนในคำเดียว จัดเสิร์ฟกับน้ำชายามบ่ายแล้ว

 

Recommended Videos