เปิด "ตำราอาหาร" ได้ที่นี่
Serves
4 คน
Level
2
แกงจืดเต้าหู้หมูสับสูตรนี้ทำง่ายโดยไม่ใช้น้ำซุป แต่ได้รสกลมกล่อมจากหมูสับปรุงรส และความหวานจากผักต่างๆ น้ำแกงปรุงด้วยเกลือและซอสปรุงรสเพื่อให้น้ำแกงใส
INGREDIENTS
น้ำ
5 ถ้วย
เกลือป่น
1 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส
1/2 ช้อนชา
ผักกาดขาวหั่นท่อน
200 กรัม
แครอทหั่นแว่น
40 กรัม
เต้าหู้ไข่หั่นท่อน
2 หลอด
ต้นหอมหั่นท่อน
2 ต้น
รากผักชีซอย
2 ราก
กระเทียมกลีบเล็กปอกเปลือก
4 กลีบ
พริกไทยดำ
5 เม็ด
หมูสับ
250 กรัม
น้ำมันงา
1 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส
1/2 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว
1 1/2 ช้อนโต๊ะ
METHOD
1. โขลกรากผักชี กระเทียม และพริกไทยให้ละเอียด ตักออกใส่ชาม ใส่หมูสับ น้ำมันงา ซอสปรุงรส และซีอิ๊วขาว ผสมให้เข้ากัน ปั้นหมูสับเป็นก้อนขนาดพอคำใส่จาน พักไว้
2. ตั้งหม้อน้ำบนไฟกลาง ปรุงรสด้วยเกลือและซอสปรุงรส รอจนน้ำเดือด นำหมูปั้นก้อนลงไปต้ม ใส่ผักกาดขาว แครอท รอจนหมูสุก ใส่เต้าหู้ พอน้ำแกงเดือดอีกครั้ง ปิดไฟ ใส่ต้นหอม
3. ตักแกงจืดใส่ถ้วย เสิร์ฟ
สูตรอาหารโดย อรอนงค์ ตาลประเสริฐ
อ่านบทความเพิ่มเติม
Recommended Articles
กิมจิผักกาดขาว ใครๆก็รู้กันนะครับว่า กิมจิมีรสชาติที่เปรี้ยวกรุบกรอบ และมาจากประเทศเกาหลี คนเกาหลีนิยมอย่างมากที่จะมีติดบ้านทุกบ้าน เอาไว้รับประทานเป็นเครื่องเคียงต่างๆ หรือแม้กระทั่งนำไปประกอบทำเมนูอาหารต่างๆ แต่วันนี้ผมจะพาทุกคนไปลองทำกิมจิโฮมเมดกัน ไม่ยากครับไม่ยาก รสชาติ เปรี้ยวหวาน กรอบอร่อย เก็บไว้รับประทานได้นานอีกด้วยครับ
“ปั้นขลิบไส้ปลา”หรือที่หลายๆคนมักชอบเรียก"ปั้นสิบ" ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกกันผิด ๆ ที่ถูกต้อง ควรเรียก "ปั้นขลิบ" เพราะเราจะขลิบริมแป้งหลังจากปั้น ไส้ทำมาจากปลาช่อน เพราะคนสมัยก่อน มักจะทำปลามาประกอบอาหารเป็นซะส่วนใหญ่ นำปลาช่อนมาย่างให้หอม แกะเอาแต่เนื้อ นำมาผสมกับข่าเพื่อดับกลิ่นคาว ผัดกับกะทิและสามเกลอ ปรุงรสง่ายๆ ด้วย น้ำปลาและน้ำตาลมะพร้าว นำแป้งมาห่อ แป้งนุ่มๆนำไปนึ่งให้พอสุก รับประทานร้อนๆ กับผักกาดหอม พริกขี้หนูสวนสดๆ และกระเทียมเจียวหอม
เส้นพาสต้าที่ต้มสุกแล้วมาเคล้ากับแป้งสามลีให้ทั่วเส้น แล้วนำไปทอดให้กรอบในน้ำมัน พอเส้นพาสต้ากรอบได้ที่แล้วก็ตักขึ้น พักไว้ แล้วก็มาทำตัวเคลือบโดยการโขลกรากผักชี กระเทียม และพริกไทยให้เข้ากัน แล้วนำไปผัดในกระทะพร้อมกับน้ำตาลมะพร้าวและน้ำปลา เคี่ยวจนส่วนผสมงวดได้ที่ก็นำเส้นพาสต้าที่ทอดแล้วลงคลุกเคล้าให้ทั่ว ตักขึ้น พักให้หายร้อน
ม้าอ้วน อาหารว่างไทยโบราณ ส่วนผสมของม้าอ้วนจะคล้ายกับส่วนผสมของการทำขนมจีบ แต่มีมันหมู และเนื้อปูเป็นส่วนผสมด้วย เพียงแต่ขนมจีบการห่อด้วยแผ่นแป้งเกี๊ยว แต่ในส่วนของม้าอ้วนแบบไทยๆ ไม่มีอะไรห่อหุ้มแต่นำมานึ่งในถ้วยตะไล และรับประทานกับสับปะรดหรือผลไม้รสเปรี้ยว เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสหวานหอม ซึ่งทำให้ม้าอ้วนมีรสชาติที่อร่อยมากยิ่งขึ้น
ขนมจีบไทยเป็นของว่างอันเก่าแก่ที่หลายคนอาจไม่เคยเห็น มีมาตั้งเเต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ความยากของขนมจีบไทยอยู่ที่การจับจีบซึ่งเริ่มแรกต้องแผ่แป้งให้บางเป็นรูปถ้วย ใส่ไส้ลงไป สมัยก่อนจะจับจีบด้วยมือเปล่าเเละจีบต้องบางเท่ากัน ชิ้นหนึ่งควรจีบให้ได้ 17 – 20 จีบจึงจะสวย จากนั้นขมวดปมให้เหมือนหัวนกก่อนนำไปนึ่งจนแป้งสุกใส เเต่ในปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนมาใช้แหนมทองเหลืองในการจีบแป้งเเทน เเละเปลี่ยนรูปร่างติดตาติดปากให้เป็นรูปนก จึงกลายมาเป็น ขนมจีบนก ที่หลายคนคุ้นเคยกันนั่นเอง
ของว่างไทยโบราณสุดประณีตในสมัยรัชกาลที่สอง จากหลักฐานกล่าวไว้ว่าเป็นอาหารว่างของชนชั้นสูงที่รับประทานกันมาเนิ่นนานเเล้ว ตัวไส้ด้านในทำจากเนื้อหมูสับบ้างก็ผสมเนื้อกุ้งสับลงไป ปรุงรสให้กลมกล่อม สิ่งที่ทำให้สองเมนูต่างกัน คือ หรุ่ม จะห่อด้วยไข่ทอดแผ่นบาง ลักษ่ณะเป็นทรงกลม ส่วนล่าเตียง จะห่อด้วยไข่ที่เป็นตาข่าย ลักษณะทรงสี่เหลี่ยมคล้ายเตียง
กิมจิผักกาดขาว ใครๆก็รู้กันนะครับว่า กิมจิมีรสชาติที่เปรี้ยวกรุบกรอบ และมาจากประเทศเกาหลี คนเกาหลีนิยมอย่างมากที่จะมีติดบ้านทุกบ้าน เอาไว้รับประทานเป็นเครื่องเคียงต่างๆ หรือแม้กระทั่งนำไปประกอบทำเมนูอาหารต่างๆ แต่วันนี้ผมจะพาทุกคนไปลองทำกิมจิโฮมเมดกัน ไม่ยากครับไม่ยาก รสชาติ เปรี้ยวหวาน กรอบอร่อย เก็บไว้รับประทานได้นานอีกด้วยครับ
“ปั้นขลิบไส้ปลา”หรือที่หลายๆคนมักชอบเรียก"ปั้นสิบ" ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกกันผิด ๆ ที่ถูกต้อง ควรเรียก "ปั้นขลิบ" เพราะเราจะขลิบริมแป้งหลังจากปั้น ไส้ทำมาจากปลาช่อน เพราะคนสมัยก่อน มักจะทำปลามาประกอบอาหารเป็นซะส่วนใหญ่ นำปลาช่อนมาย่างให้หอม แกะเอาแต่เนื้อ นำมาผสมกับข่าเพื่อดับกลิ่นคาว ผัดกับกะทิและสามเกลอ ปรุงรสง่ายๆ ด้วย น้ำปลาและน้ำตาลมะพร้าว นำแป้งมาห่อ แป้งนุ่มๆนำไปนึ่งให้พอสุก รับประทานร้อนๆ กับผักกาดหอม พริกขี้หนูสวนสดๆ และกระเทียมเจียวหอม
เส้นพาสต้าที่ต้มสุกแล้วมาเคล้ากับแป้งสามลีให้ทั่วเส้น แล้วนำไปทอดให้กรอบในน้ำมัน พอเส้นพาสต้ากรอบได้ที่แล้วก็ตักขึ้น พักไว้ แล้วก็มาทำตัวเคลือบโดยการโขลกรากผักชี กระเทียม และพริกไทยให้เข้ากัน แล้วนำไปผัดในกระทะพร้อมกับน้ำตาลมะพร้าวและน้ำปลา เคี่ยวจนส่วนผสมงวดได้ที่ก็นำเส้นพาสต้าที่ทอดแล้วลงคลุกเคล้าให้ทั่ว ตักขึ้น พักให้หายร้อน
ม้าอ้วน อาหารว่างไทยโบราณ ส่วนผสมของม้าอ้วนจะคล้ายกับส่วนผสมของการทำขนมจีบ แต่มีมันหมู และเนื้อปูเป็นส่วนผสมด้วย เพียงแต่ขนมจีบการห่อด้วยแผ่นแป้งเกี๊ยว แต่ในส่วนของม้าอ้วนแบบไทยๆ ไม่มีอะไรห่อหุ้มแต่นำมานึ่งในถ้วยตะไล และรับประทานกับสับปะรดหรือผลไม้รสเปรี้ยว เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสหวานหอม ซึ่งทำให้ม้าอ้วนมีรสชาติที่อร่อยมากยิ่งขึ้น
ขนมจีบไทยเป็นของว่างอันเก่าแก่ที่หลายคนอาจไม่เคยเห็น มีมาตั้งเเต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ความยากของขนมจีบไทยอยู่ที่การจับจีบซึ่งเริ่มแรกต้องแผ่แป้งให้บางเป็นรูปถ้วย ใส่ไส้ลงไป สมัยก่อนจะจับจีบด้วยมือเปล่าเเละจีบต้องบางเท่ากัน ชิ้นหนึ่งควรจีบให้ได้ 17 – 20 จีบจึงจะสวย จากนั้นขมวดปมให้เหมือนหัวนกก่อนนำไปนึ่งจนแป้งสุกใส เเต่ในปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนมาใช้แหนมทองเหลืองในการจีบแป้งเเทน เเละเปลี่ยนรูปร่างติดตาติดปากให้เป็นรูปนก จึงกลายมาเป็น ขนมจีบนก ที่หลายคนคุ้นเคยกันนั่นเอง
ของว่างไทยโบราณสุดประณีตในสมัยรัชกาลที่สอง จากหลักฐานกล่าวไว้ว่าเป็นอาหารว่างของชนชั้นสูงที่รับประทานกันมาเนิ่นนานเเล้ว ตัวไส้ด้านในทำจากเนื้อหมูสับบ้างก็ผสมเนื้อกุ้งสับลงไป ปรุงรสให้กลมกล่อม สิ่งที่ทำให้สองเมนูต่างกัน คือ หรุ่ม จะห่อด้วยไข่ทอดแผ่นบาง ลักษ่ณะเป็นทรงกลม ส่วนล่าเตียง จะห่อด้วยไข่ที่เป็นตาข่าย ลักษณะทรงสี่เหลี่ยมคล้ายเตียง
กิมจิผักกาดขาว ใครๆก็รู้กันนะครับว่า กิมจิมีรสชาติที่เปรี้ยวกรุบกรอบ และมาจากประเทศเกาหลี คนเกาหลีนิยมอย่างมากที่จะมีติดบ้านทุกบ้าน เอาไว้รับประทานเป็นเครื่องเคียงต่างๆ หรือแม้กระทั่งนำไปประกอบทำเมนูอาหารต่างๆ แต่วันนี้ผมจะพาทุกคนไปลองทำกิมจิโฮมเมดกัน ไม่ยากครับไม่ยาก รสชาติ เปรี้ยวหวาน กรอบอร่อย เก็บไว้รับประทานได้นานอีกด้วยครับ
“ปั้นขลิบไส้ปลา”หรือที่หลายๆคนมักชอบเรียก"ปั้นสิบ" ซึ่งเป็นชื่อที่เรียกกันผิด ๆ ที่ถูกต้อง ควรเรียก "ปั้นขลิบ" เพราะเราจะขลิบริมแป้งหลังจากปั้น ไส้ทำมาจากปลาช่อน เพราะคนสมัยก่อน มักจะทำปลามาประกอบอาหารเป็นซะส่วนใหญ่ นำปลาช่อนมาย่างให้หอม แกะเอาแต่เนื้อ นำมาผสมกับข่าเพื่อดับกลิ่นคาว ผัดกับกะทิและสามเกลอ ปรุงรสง่ายๆ ด้วย น้ำปลาและน้ำตาลมะพร้าว นำแป้งมาห่อ แป้งนุ่มๆนำไปนึ่งให้พอสุก รับประทานร้อนๆ กับผักกาดหอม พริกขี้หนูสวนสดๆ และกระเทียมเจียวหอม
เส้นพาสต้าที่ต้มสุกแล้วมาเคล้ากับแป้งสามลีให้ทั่วเส้น แล้วนำไปทอดให้กรอบในน้ำมัน พอเส้นพาสต้ากรอบได้ที่แล้วก็ตักขึ้น พักไว้ แล้วก็มาทำตัวเคลือบโดยการโขลกรากผักชี กระเทียม และพริกไทยให้เข้ากัน แล้วนำไปผัดในกระทะพร้อมกับน้ำตาลมะพร้าวและน้ำปลา เคี่ยวจนส่วนผสมงวดได้ที่ก็นำเส้นพาสต้าที่ทอดแล้วลงคลุกเคล้าให้ทั่ว ตักขึ้น พักให้หายร้อน
ม้าอ้วน อาหารว่างไทยโบราณ ส่วนผสมของม้าอ้วนจะคล้ายกับส่วนผสมของการทำขนมจีบ แต่มีมันหมู และเนื้อปูเป็นส่วนผสมด้วย เพียงแต่ขนมจีบการห่อด้วยแผ่นแป้งเกี๊ยว แต่ในส่วนของม้าอ้วนแบบไทยๆ ไม่มีอะไรห่อหุ้มแต่นำมานึ่งในถ้วยตะไล และรับประทานกับสับปะรดหรือผลไม้รสเปรี้ยว เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้มรสหวานหอม ซึ่งทำให้ม้าอ้วนมีรสชาติที่อร่อยมากยิ่งขึ้น
ขนมจีบไทยเป็นของว่างอันเก่าแก่ที่หลายคนอาจไม่เคยเห็น มีมาตั้งเเต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ความยากของขนมจีบไทยอยู่ที่การจับจีบซึ่งเริ่มแรกต้องแผ่แป้งให้บางเป็นรูปถ้วย ใส่ไส้ลงไป สมัยก่อนจะจับจีบด้วยมือเปล่าเเละจีบต้องบางเท่ากัน ชิ้นหนึ่งควรจีบให้ได้ 17 – 20 จีบจึงจะสวย จากนั้นขมวดปมให้เหมือนหัวนกก่อนนำไปนึ่งจนแป้งสุกใส เเต่ในปัจจุบันได้ปรับเปลี่ยนมาใช้แหนมทองเหลืองในการจีบแป้งเเทน เเละเปลี่ยนรูปร่างติดตาติดปากให้เป็นรูปนก จึงกลายมาเป็น ขนมจีบนก ที่หลายคนคุ้นเคยกันนั่นเอง
ของว่างไทยโบราณสุดประณีตในสมัยรัชกาลที่สอง จากหลักฐานกล่าวไว้ว่าเป็นอาหารว่างของชนชั้นสูงที่รับประทานกันมาเนิ่นนานเเล้ว ตัวไส้ด้านในทำจากเนื้อหมูสับบ้างก็ผสมเนื้อกุ้งสับลงไป ปรุงรสให้กลมกล่อม สิ่งที่ทำให้สองเมนูต่างกัน คือ หรุ่ม จะห่อด้วยไข่ทอดแผ่นบาง ลักษ่ณะเป็นทรงกลม ส่วนล่าเตียง จะห่อด้วยไข่ที่เป็นตาข่าย ลักษณะทรงสี่เหลี่ยมคล้ายเตียง
Recommended Videos