food story
รวม 10 เมนูกินตับ บำรุงเลือด พร้อมเคล็ดลับตับนุ่มเด้ง ไร้กลิ่นคาว
Story by เสาวลักษณ์ เชื้อคำ

กินตับแล้วสุขภาพดี ไม่ได้มีแค่ในเพลงของ เท่ง เถิดเทิง
ตับ เป็นเครื่องในสัตว์ที่ถูกนำมาปรุงอาหารในหลายวัฒนธรรม ไม่ใช่เพราะมีรสมัน นัว เข้มข้น อันเป็นเอกลักษณ์เท่านั้น แต่ยังอุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยให้ร่างกายแข็งแรง เรียกว่าตับเป็นซูปเปอร์ฟู้ดที่หาง่าย ราคาไม่แพง ที่หลายคนมองข้ามไปอย่างน่าเสียดายอีกอย่างหนึ่งเลยทีเดียว
กินตับได้ประโยชน์อะไรบ้าง?
เสริมสร้างกล้ามเนื้อ : ตับหมู 100 กรัม ให้พลังงาน 165 กิโลแคลอรี่ ให้โปรตีน 26 กรัม ไขมัน 4.4 กรัม และคาร์โบไฮเดรต 3.76 กรัม ถือเป็นอีกหนึ่งวัตถุดิบโปรตีนสูงที่ไม่ควรมองข้าม
บำรุงเลือด : ตับหมู 100 กรัม มีธาตุเหล็ก 10.5 มิลลิกรัม มีการศึกษาว่า การบริโภคอาหารที่มีธาตุเหล็กอย่างสม่ำเสมอและเพียงพอ อาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะโลหิตจางบางชนิดได้ นอกจากนี้ ตับยังมีวิตามินบี 12 ซึ่งช่วยให้ธาตุเหล็กในร่างกายทำงานได้ดีขึ้น และมีโฟลเลตที่มีส่วนช่วยให้ไขกระดูกผลิตเม็ดเลือดแดงอีกด้วย ตับจึงเป็นอาหารบำรุงเลือดชั้นยอด
บำรุงผิว บำรุงสายตา บำรุงสมอง : ตับมีวิตามินเอ ช่วยบำรุงสายตา ป้องกันอาการตาบอดกลางคืน เพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็น ช่วยบำรุงผิว และมีวิตามินบี 12 ที่ช่วยพัฒนาสมองและระบบประสาท และช่วยป้องกันโรคที่เกี่ยวกับความเสื่อมของสมอง
ข้อควรระวังในการกินตับ
– ตับหมู 100 กรัม มีคอเลสเตอรอล 355 มิลลิกรัม ผู้มีปัญหาคอเลสเตอรอลสูงจึงควรศึกษาปริมาณการบริโภคที่เหมาะสม
– ตับหมูมีสารพิวรีนสูง ซึ่งอาจส่งผลให้ร่างกายผลิตกรดยูริกมากขึ้นและเกิดการสะสมได้ ผู้ป่วยโรคเก๊าต์จึงควรงดอย่างเด็ดขาด
เคล็ดลับเตรียมตับหมูลดกลิ่นคาว เนื้อตับเนียนนุ่มเด้ง
ตัวการสำคัญที่ทำให้ตับมีกลิ่นคาวและแข็งกระด้างไม่น่ากินคือเลือดที่อยู่ในตับ หากต้องการให้ตับนุ่มเด้ง ไม่คาว เราสามารถเตรียมตับด้วยการไล่เลือดออกจากตับ แล้วดึงน้ำกลับเข้าไป ก่อนนำไปทำอาหารอื่นๆ ได้ตามต้องการ

- หั่นตับตามขวางให้เป็นชิ้นหนาประมาณ 1 ซม. เพื่อให้ล่างง่ายขึ้น
- ล้างตับด้วยน้ำสะอาดประมาณ 6-7 น้ำ จนน้ำใส ระหว่างล้างให้ขยำเบาๆ เพื่อไล่เลือดออกจากตับให้ได้มากที่สุด
- ขยำตับกับแป้งมันผสมเกลือสมุทร พักทิ้งไว้ 15 นาที เกลือจะช่วยลดกลิ่นคาว ส่วนแป้งมันจะช่วยซับเลือดออกจากตับ ทำให้ตับนุ่มเด้ง ครบเวลาแล้วนำตับมาล้างด้วยน้ำให้สะอาดอีก 3-4 ครั้ง
- ผสมเบกกิ้งโซดากับน้ำเย็นจัด (น้ำใสน้ำแข็ง) ในอัตราส่วน เบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ น้ำ 2 ถ้วย ต่อน้ำหนักตับ 300 กรัม แช่ตับไว้ประมาณ 30 นาที
- ล้างตับด้วยน้ำสะอาดอีก 3-4 ครั้ง พักตับให้สะเด็ดน้ำ ก่อนนำไปปรุงอาหารตามต้องการ
สูตรอาหารจากตับหมู
ตับทอดกระเทียม : เมนูบ้านๆ ธรรมดาๆ เมื่อใส่ความพิถีถีพิถันลงไปในการเตรียมตับ ก็ได้กลายเป็นเมนูเทียบเท่าร้านดังได้เลยทีเดียว

ตับหวาน : เมนูตับแซ่บๆ จากแดนอีสาน ทำง่าย ใช้เวลาไม่นาน กินกับข้าวเหนียวนึ่งใหม่ๆ ร้อนๆ รับรองว่าข้าวหมดหม้อ ตับหวานหมดจาน

ลาบหมู : ลาบหมูทำง่ายๆ แบบบ้านงาน มีทั้งตับและหมูสับ เน้นความจัดจ้านจากพริกป่นและมะนาวสด เพิ่มความหอมด้วยข้าวคั่วและสะระแหน่ กินกับข้าวเหนียวและผักสด

ไส้อั่วตับ : ไส้อั่วสูตรพิเศษจากร้านลับในเชียงใหม่ เพิ่มความมันนัวเข้าไปตัดกับความเผ็ดร้อน ก็กลายเป็นความอร่อยที่ลงตัว ทำกินก็ได้ ทำขายก็รายได้งาม

ตับปิ้ง : ตับหนีบไม้ปิ้งแบบคนเหนือ หมักตับกับสามเกลอและเกลือ ปิ้งไฟอ่อนให้หอมสุกหอม กินกับข้าวเหนียวนึ่งและน้ำพริกผักลวก ลำแต๊ๆ

ตับทอด : ตับทอด เมนูทำง่าย กินง่าย เสิร์ฟกับข้าวเหนียวนึ่งร้อนๆ กินแล้วชวนให้นึกถึงข้าวเหนียวห่อจากร้านรถเข็นที่ได้กินตอนเด็กๆ อิ่มได้แบบอร่อยและสะดวก

ดอกกุยช่ายผัดตับ : เมนูตับสุดคลาสสิกแต่กินอย่างไรก็ไม่เบื่อ ตับนุ่มๆ ผัดมากลมกล่อม เข้ากับกลิ่นหอมของดอกกุยช่ายและกระเทียมเจียว

บรอกโคลีผัดตับ : เพิ่มความแปลกใหม่ให้เมนูตับผัดผัก ด้วยการใช้บรอกโคลีที่ผัดแล้วหวานกรอบ แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง สารอาหารแน่ กลายเป็นเมนูบำรุงร่างกายที่เรียบง่ายแต่อร่อยมาก

ก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำใสใส่เครื่องใน : ก๋วยเตี๋ยวเป็นอาหารมหาชนที่ปรุงให้ถูกใจใครก็ได้ทั้งนั้น การใส่เครื่องในโดยเฉพาะตับลงไปเพิ่มก็ยิ่งทำให้มีสารอาหารครบถ้วนขึ้น เพิ่มทั้งประโยชน์และความอร่อย
สูตร ก๋วยเตี๋ยวหมูน้ำใสใส่เครื่องใน

จิ้มจุ่มหมู : เมนูสังสรรค์อย่างจิ้มจุ่มหรือแจ่วฮ้อนก็สามารถเตรียมและปรุงให้กลายเป็นเมนูสุขภาพได้ ด้วยการเพิ่มวัตถุดิบไปให้หลากหลาย กินคู่กับน้ำจิ้มแจ่วทำเอง แซ่บหลายๆ แต่ไม่ใส่ผงชูรส

Contributor