เปิด "ตำราอาหาร" ได้ที่นี่
Serves
5 คน
Level
3
bún thịt nướng chả giò ขนมจีนหน้าหมูย่างและเปาะเปี๊ยะทอด เป็นอาหารเวียดนามที่มีลักษณะคล้าย bún chả เมนูยอดฮิตของฮานอย แต่รับประทานคล้ายสลัด มีเส้น หมูย่างและเปาะเปี๊ยะทอด กินคู่กับน้ำจิ้ม nước chấm น้ำจิ้มครอบจักรวาลของเวียดนาม มีรสชาติเปรี้ยวหวานเค็มพอดี เป็นเมนูที่เครื่องเคียงเยอะแต่โคตรอร่อย
INGREDIENTS
ขนมจีน
750 กรัม
ผักสลัดรวมซอย
150 กรัม
ใบโหระพาซอย
1/2 ถ้วย
ใบสะระแหน่ซอย
1/2 ถ้วย
แตงกวาญี่ปุ่นหั่นแท่ง
1 ลูก
ถั่วงอกเด็ดหาง
1 ถ้วย
น้ำมันพืช
2 ช้อนโต๊ะ
ต้นหอมซอย
1/4 ถ้วย
เครื่องเคียง ผักดองและหอมเจียว
รากผักชี
3 ราก
กระเทียมกลีบใหญ่แกะเปลือก
4 กลีบ
พริกไทยขาวเม็ด
1 ช้อนชา
วุ้นเส้นแช่น้ำจนนุ่ม
80 กรัม
ถั่วงอกเด็ดหาง
1 ถ้วย
เห็ดหอมแช่น้ำซอยเส้น
1/2 ถ้วย
เห็ดหูหนูดำซอย
1/2 ถ้วย
แครอทซอยเส้น
1/2 ถ้วย
หมูสับ
200 กรัม
ซีอิ๊วขาว
1 ช้อนชา
น้ำปลา
1 ช้อนชา
น้ำตาลทรายขาว
1 ช้อนชา
เกลือสมุทร
1/4 ช้อนชา
รากผักชี
2 ราก
กระเทียมกลีบใหญ่ปอกเปลือก
4 กลีบ
พริกไทยขาวเม็ด
1/2 ช้อนชา
ขิงสับละเอียด
1 ช้อนชา
ตะไคร้ซอย
3 ต้น
หมูสามชั้น(ชิ้นละ200กรัม)
2 ชิ้น
น้ำมันหอย
1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา
1 ช้อนชา
น้ำตาลทรายขาว
1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทรายขาว
1/2 ถ้วย
น้ำ
3 ช้อนโต๊ะ
เกลือสมุทร
1 ช้อนชา
น้ำปลา
2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว
1/4 ถ้วย
พริกชี้ฟ้าแดงสับละเอียด
2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมกลีบใหญ่สับละเอียด
2 ช้อนโต๊ะ
METHOD
- ทำเปาะเปี๊ยะเวียดนามโดยโขลกรากผักชี กระเทียมพริกไทยพอละเอียด ใส่ลงในอ่างผสม ตามด้วยวุ้นเส้น ถั่วงอก เห็ดหอม เห็ดหูหนูดำ แครอท หมูสับ และไข่ไก่ ปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาว น้ำปลา น้ำตาลทรายขาวและเกลือสมุทร คนให้ส่วนผสมเข้ากัน จากนั้นนำมาห่อโดยวางแผ่นแป้งเปาะเปี๊ยะให้มุมเข้าหาตัว ใส่ไส้ลงตรงกลาง ค่อยๆม้วนจากมุมด้านล่างขึ้นไป พอถึงตรงกลางพับด้านข้างเข้าหากัน ใช้แป้งเปียก(แป้งสาลีกับน้ำผสมกันอัตราส่วน 2:1) ทาด้านขอบเพื่อให้เวลาม้วนแผ่นแป้งติดกัน ม้วนจนหมดไส้
- ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟกลางพอร้อน ลดไฟลงเป็นไฟอ่อน ค่อยๆใส่เปาะเปี๊ยะลงทอด ใช้เวลาทอดประมาณ 5 นาที จากนั้นเร่งไฟ ทอดต่ออีก 1-2 นาที จนได้สีเหลืองสวย ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
- หมักหมูย่างตะไคร้โดยโขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทย ขิงและตะไคร้ให้ละเอียด ใส่ลงในอ่างผสม ตามด้วยหมูสันคอ ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย น้ำปลาและน้ำตาลทรายขาว ใช้มือขยำให้เครื่องหมักเคลือบหมูจนทั่ว ปิดพลาสติกแร็ป หมักในตู้เย็นช่องธรรมดา อย่างน้อย 30 นาที
- ระหว่างรอหมักหมู ทำน้ำจิ้มพริกกระเทียมโดยใส่น้ำตาลทราย น้ำ เกลือสมุทร น้ำปลา ลงในหม้อ นำขึ้นตั้งบนไฟกลาง ต้มจนน้ำตาลละลายดี ปิดไฟ รอจนเย็น ใส่น้ำมะนาว พริกชี้ฟ้าแดงและกระเทียมลงไป คนให้เข้ากัน พักไว้
- ย่างหมูย่างโดยตั้งกระทะน้ำมันบนไฟกลาง พอร้อนใส่หมูลงย่าง ด้านละ 5 นาที พอสุกตักขึ้น นำมาหั่นเป็นชิ้นๆ เตรียมไว้
- ทำมิกซ์ผักสลัดโดยใส่ ผักสลัดรวมซอย ใบโหระพาซอย ใบสะระแหน่ซอย แตงกวาญี่ปุ่นหั่นซอยและถั่วงอกเด็ดหาง ใช้มือเคล้าเบาๆให้เข้ากันพักไว้ในตู้เย็น
- ทำต้นหอมฉ่าน้ำมันโดยตั้งกระทะน้ำมันบนไฟกลางพอร้อน เทน้ำมันลงในต้นหอมซอย คนให้เข้ากันพักไว้
- จัดเสิร์ฟโดย ใส่เส้นขนมจีนลงในถ้วย ใส่ผักดอง มิกซ์ผักสลัด หมูย่าง และเปาะเปี๊ยะ โรยด้วยต้นหอมฉ่าน้ำมันและหอมเจียว เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มพริกกระเทียม
Gallery
Recommended Articles
ขนมปังบั๋นหมี่ (bánh mì) เป็นภาษาเวียดนาม ที่แปลว่า ‘ขนมปัง’ โดยขนมปังบั๋นหมี่ได้มีการดัดแปลงมาจากขนมปังฝรั่งเศส เป็นที่รู้จักของชาวเวียดนามตั้งแต่ปี 2401 โดยเจ้าของร้านขนมปังยอดฮิตในกรุงฮานอยได้เรียนรู้จากทำบาแก็ตจากพ่อครัวชาวฝรั่งเศส และได้ดัดแปลงให้มาเป็น ‘บั๋นหมี่สไตล์ฝรั่งเศส’
ขนมจีนน้ำพริกจัดเป็นอาหารมงคล นิยมทำในงานเลี้ยงพระ ทำบุญ หรือในโอกาสพิเศษต่างๆ เป็นตำรับหนึ่งที่มีผักเครื่องเคียงมากอย่าง ด้วยน้ำพริกให้รสชาติหวานเปรี้ยว เค็ม มัน มีเครื่องเคียงเป็นผักนานาชนิด รับประทานคู่กันแล้วช่วยเสริมรส ตำรับของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเยาวภาพงศ์สนิท ในหนังสือตำรับสายเยาวภา ระบุถึงเหมือด หมายถึงผักเคียง เครื่องเคียงต่างๆ ซึ่งมีมากกว่า 11 ชนิด คือ เหมือดมะละกอ หัวปลีซอย ผักดิบ ผักผัด ผักชุบแป้งทอด พริกแห้งทอด ทอดมันกรอบ (กุ้งฝอย หรือถั่วเขียว) ทอดมันปลาหรือกุ้ง ไข่ต้มแข็ง แจงลอน ข้าวเม่าทอดและกล้วยแขก ซึ่งตำรับปัจจุบันก็ย่นย่อลงไปมาก เหลือไว้เพียงพริกแห้งทอด ผักบุ้งทอดบ้าง หรือผักตามแต่ละร้านจะมี
หนึ่งในอาหารฤดูร้อนของคนโบราณจะขาดขนมจีนซาวน้ำไปไม่ได้เลย ถึงจะเป็นสำหรับคาวแต่รับประทานแล้วสดชื่นจากรสชาติหวานหอมของสับปะรด หัวกะทิคั้นสดรสชาติหวานหอม รับประทานกับแจงลอนซึ่งทำให้อร่อยรสชาติต้องไม่คาว กินแบบคลุกเคล้ากับเครื่องทำหมดได้แก่ ขิงอ่อนซอยบางๆ กระเทียมซอยเป็นแผ่นบางๆ กุ้งแห้งป่นฟู ปรุงรสให้ครบได้แก่ น้ำตาล (ถ้าเป็นแถบราชบุรี เพชรบุรีจะใช้น้ำตาลมะพร้าวเคี่ยว) น้ำปลา (พริกขี้หนูซอย) บีบมะนาวเล็กน้อย เป็นขนมจีนที่เรียกว่าอร่อยตำรับใครตำรับมันเพราะเเล้วแต่รสชาติที่ถูกใจของคนปรุง แต่โดยรวมแล้วเมนูนี้รับประทานแล้วอร่อยสดชื่นรับหน้าร้อนแน่นอน
ขนมปังบั๋นหมี่ (bánh mì) เป็นภาษาเวียดนาม ที่แปลว่า ‘ขนมปัง’ โดยขนมปังบั๋นหมี่ได้มีการดัดแปลงมาจากขนมปังฝรั่งเศส เป็นที่รู้จักของชาวเวียดนามตั้งแต่ปี 2401 โดยเจ้าของร้านขนมปังยอดฮิตในกรุงฮานอยได้เรียนรู้จากทำบาแก็ตจากพ่อครัวชาวฝรั่งเศส และได้ดัดแปลงให้มาเป็น ‘บั๋นหมี่สไตล์ฝรั่งเศส’
ขนมจีนน้ำพริกจัดเป็นอาหารมงคล นิยมทำในงานเลี้ยงพระ ทำบุญ หรือในโอกาสพิเศษต่างๆ เป็นตำรับหนึ่งที่มีผักเครื่องเคียงมากอย่าง ด้วยน้ำพริกให้รสชาติหวานเปรี้ยว เค็ม มัน มีเครื่องเคียงเป็นผักนานาชนิด รับประทานคู่กันแล้วช่วยเสริมรส ตำรับของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเยาวภาพงศ์สนิท ในหนังสือตำรับสายเยาวภา ระบุถึงเหมือด หมายถึงผักเคียง เครื่องเคียงต่างๆ ซึ่งมีมากกว่า 11 ชนิด คือ เหมือดมะละกอ หัวปลีซอย ผักดิบ ผักผัด ผักชุบแป้งทอด พริกแห้งทอด ทอดมันกรอบ (กุ้งฝอย หรือถั่วเขียว) ทอดมันปลาหรือกุ้ง ไข่ต้มแข็ง แจงลอน ข้าวเม่าทอดและกล้วยแขก ซึ่งตำรับปัจจุบันก็ย่นย่อลงไปมาก เหลือไว้เพียงพริกแห้งทอด ผักบุ้งทอดบ้าง หรือผักตามแต่ละร้านจะมี
หนึ่งในอาหารฤดูร้อนของคนโบราณจะขาดขนมจีนซาวน้ำไปไม่ได้เลย ถึงจะเป็นสำหรับคาวแต่รับประทานแล้วสดชื่นจากรสชาติหวานหอมของสับปะรด หัวกะทิคั้นสดรสชาติหวานหอม รับประทานกับแจงลอนซึ่งทำให้อร่อยรสชาติต้องไม่คาว กินแบบคลุกเคล้ากับเครื่องทำหมดได้แก่ ขิงอ่อนซอยบางๆ กระเทียมซอยเป็นแผ่นบางๆ กุ้งแห้งป่นฟู ปรุงรสให้ครบได้แก่ น้ำตาล (ถ้าเป็นแถบราชบุรี เพชรบุรีจะใช้น้ำตาลมะพร้าวเคี่ยว) น้ำปลา (พริกขี้หนูซอย) บีบมะนาวเล็กน้อย เป็นขนมจีนที่เรียกว่าอร่อยตำรับใครตำรับมันเพราะเเล้วแต่รสชาติที่ถูกใจของคนปรุง แต่โดยรวมแล้วเมนูนี้รับประทานแล้วอร่อยสดชื่นรับหน้าร้อนแน่นอน
ขนมปังบั๋นหมี่ (bánh mì) เป็นภาษาเวียดนาม ที่แปลว่า ‘ขนมปัง’ โดยขนมปังบั๋นหมี่ได้มีการดัดแปลงมาจากขนมปังฝรั่งเศส เป็นที่รู้จักของชาวเวียดนามตั้งแต่ปี 2401 โดยเจ้าของร้านขนมปังยอดฮิตในกรุงฮานอยได้เรียนรู้จากทำบาแก็ตจากพ่อครัวชาวฝรั่งเศส และได้ดัดแปลงให้มาเป็น ‘บั๋นหมี่สไตล์ฝรั่งเศส’
ขนมจีนน้ำพริกจัดเป็นอาหารมงคล นิยมทำในงานเลี้ยงพระ ทำบุญ หรือในโอกาสพิเศษต่างๆ เป็นตำรับหนึ่งที่มีผักเครื่องเคียงมากอย่าง ด้วยน้ำพริกให้รสชาติหวานเปรี้ยว เค็ม มัน มีเครื่องเคียงเป็นผักนานาชนิด รับประทานคู่กันแล้วช่วยเสริมรส ตำรับของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเยาวภาพงศ์สนิท ในหนังสือตำรับสายเยาวภา ระบุถึงเหมือด หมายถึงผักเคียง เครื่องเคียงต่างๆ ซึ่งมีมากกว่า 11 ชนิด คือ เหมือดมะละกอ หัวปลีซอย ผักดิบ ผักผัด ผักชุบแป้งทอด พริกแห้งทอด ทอดมันกรอบ (กุ้งฝอย หรือถั่วเขียว) ทอดมันปลาหรือกุ้ง ไข่ต้มแข็ง แจงลอน ข้าวเม่าทอดและกล้วยแขก ซึ่งตำรับปัจจุบันก็ย่นย่อลงไปมาก เหลือไว้เพียงพริกแห้งทอด ผักบุ้งทอดบ้าง หรือผักตามแต่ละร้านจะมี
หนึ่งในอาหารฤดูร้อนของคนโบราณจะขาดขนมจีนซาวน้ำไปไม่ได้เลย ถึงจะเป็นสำหรับคาวแต่รับประทานแล้วสดชื่นจากรสชาติหวานหอมของสับปะรด หัวกะทิคั้นสดรสชาติหวานหอม รับประทานกับแจงลอนซึ่งทำให้อร่อยรสชาติต้องไม่คาว กินแบบคลุกเคล้ากับเครื่องทำหมดได้แก่ ขิงอ่อนซอยบางๆ กระเทียมซอยเป็นแผ่นบางๆ กุ้งแห้งป่นฟู ปรุงรสให้ครบได้แก่ น้ำตาล (ถ้าเป็นแถบราชบุรี เพชรบุรีจะใช้น้ำตาลมะพร้าวเคี่ยว) น้ำปลา (พริกขี้หนูซอย) บีบมะนาวเล็กน้อย เป็นขนมจีนที่เรียกว่าอร่อยตำรับใครตำรับมันเพราะเเล้วแต่รสชาติที่ถูกใจของคนปรุง แต่โดยรวมแล้วเมนูนี้รับประทานแล้วอร่อยสดชื่นรับหน้าร้อนแน่นอน
Recommended Videos