เปิด "ตำราอาหาร" ได้ที่นี่
Serves
4 คน
Level
3
แกงมะเขือยาวกับถั่วชิกพี แกงสไตล์อินเดีย ที่มีกลิ่นเครื่องเทศหอมๆอย่างขมิ้น มีมะเขือยาวนุ่มๆ ที่อยู่ในน้ำแกงรสกลมกล่อม และความมันจากถั่วชิกพี ที่ไม่ว่าจะกินกับข้าวหรือกินกับแป้งนานหรือแป้งโรตีก็อร่อยแน่นอน
INGREDIENTS
มะเขือยาว (250 กรัม)
1 ลูก
น้ำมันมะกอกหรือเนยอินเดีย (Ghee)
1/4 ถ้วย
หอมใหญ่ (100 กรัม) หั่นบาง
1 หัว
มะเขือเทศ (ลูกละ 100 กรัม)ลวกแล้วลอกเปลือกออกหั่นชิ้น
4 ลูก
ผงขมิ้น
1/4 ช้อนชา
พริกป่นอินเดีย
1 ช้อนชา
น้ำ
1 1/2 ถ้วย
ผักชีหั่น
1 ช้อนโต๊ะ
เกลือสมุทร (ดอกเกลือ)
1 ช้อนชา
ถั่วชิกพีต้มสุก
200 กรัม
มันฝรั่งต้มสุก (80 กรัม)เอาเปลือกออก
1 หัว
ขิงอ่อนหั่นเส้น
1 ช้อนโต๊ะ
พริกชี้ฟ้าสีแดงหั่นแฉลบ
1 เม็ด
ผักชีสำหรับตกแต่ง
METHOD
1. ล้างมะเขือยาว หั่นท่อนยาว 2.5 นิ้วแล้วหั่นเสี้ยวกว้าง 0.5 นิ้ว ใส่ลงแช่ในอ่างน้ำเกลือเจือจางเพื่อไม่ให้ดำ เตรียมไว้
2. ตั้งกระทะน้ำมันมะกอกหรือเนยอินเดียบนไฟกลางค่อนข้างอ่อน พอร้อนใส่หอมใหญ่ผัดจนสุกใสและนุ่ม ใส่มะเขือเทศ ผงขมิ้นพริกป่นอินเดีย ½ ช้อนชา ผัดพอทั่ว ใส่น้ำ½ ถ้วย คนให้เข้ากัน เคี่ยวจนมะเขือเทศสุกนุ่ม ใส่ผักชี และเกลือ คนให้ทั่ว เคี่ยวต่อจนน้ำงวด ใส่พริกป่นอินเดียที่เหลือ เคี่ยวต่อจนมะเขือเทศเละและมีมันสีแดงลอยหน้า ใส่ถั่วชิกพีต้ม มะเขือยาว ผัดพอเข้ากันทั่ว ปิดฝานานประมาณ 5 นาที เปิดฝา ใส่น้ำที่เหลือผัดให้ทั่ว ปิดฝา เคี่ยวต่อจนมะเขือยาวสุกนุ่มจากนั้นใช้มือบีบบี้มันฝรั่งต้มทั้งหัวเป็นชิ้นเล็กใส่ลงในกระทะ ผัดจนทั่ว ใส่ขิง และพริกชี้ฟ้าผัดพอเข้ากัน ปิดไฟ
3. ตักใส่ถ้วย ตกแต่งด้วยผักชี เสิร์ฟร้อนๆ
Recommended Articles
เมนูผัดธรรมดาอย่างหมูผัดขิงที่ได้กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นด้วยการหมักหมูกับน้ำมันงา ขิงขูดและเครื่องปรุงรสของญี่ปุ่น นวดให้เข้ากัน แล้วพักไว้ ก่อนจะนำมาผัดกับซอสที่เคี่ยว ใส่ถั่วชิกพี และเห็ดออรินจิ ผัดให้ซอสเคลือบส่วนผสมทุกอย่างจนทั่ว จะได้รสชาติที่หอม หวาน เค็มกำลังพอดี โรยต้นหอมเสียหน่อยเพื่อเพิ่มสีสัน กินกับข้าวสวยร้อนๆหรือจะกินกับสลัดผักก็เข้ากันได้ดีเช่นกัน
เบอร์เกอร์สายมังสวิรัติต้องยกให้เมนูนี้เลย ตัวแพตตี้ทำมาจากถั่วชิกพีและเห็ดผัดเนย ปั่นให้ส่วนผสมทั้งสองอย่างเนียนเป็นเนื้อเดียวกันคล้ายเนื้อสัมผัสของเนื้อสัตว์ จากนั้นก็ปรุงรสตามปกติโดยใส่ไข่ไก่และเครื่องปรุงรสต่างๆ ปั้นเป็นก้อนกลมๆพักไว้ ก่อนนำมาย่างกินคู่กับขนมปังเบอร์เกอร์ หอมใหญ่ผัด และซอสโยเกิร์ต
แมงโกกุลฟี (Mango Kulfi) ไอศกรีมนมของคนอินเดียที่เพิ่มความพิเศษโดยการใส่เนื้อมะม่วงสุกที่ปั่นแล้วลงไปผสมอยู่ในเนื้อไอศกรีมด้วย ทำให้เนื้อสัมผัสที่ได้จะมีความครีมๆนมและหวานหอมกลิ่นผลไม้ที่สำคัญไม่ทิ้งเอกลักษณ์ความเป็นอินเดียด้วยการใส่เครื่องเทศอย่างกระวานเขียวและหญ้าฝรั่งลงไปด้วยตอนต้มนมเพื่อให้ได้กลิ่นหอมเล็กน้อย
มาลัยกุลฟี่ (Malai Kulfi) ในสูตรนี้จะมีนมสดชนิดจืด (แบบไขมันสูง) น้ำตาล หัวนมผง (อันนี้เพิ่มกลิ่นหอมนมมากยิ่งขึ้น) กระวานเขียว หญ้าฝรั่น อัลมอนด์ เม็ดมะม่วง และพิตาชิโอ เป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งขั้นตอนการทำ มาลัยกุลฟี (Malai Kulfi) ก็ไม่ยาก หลักๆก็คือการนำนมสดไปเคี่ยวให้เกิดความข้น กับน้ำตาลและหัวนมผง ให้ข้นจนเปลี่ยนสี (คล้ายสีนมข้นหวาน) แล้วใส่เครื่องเทศอย่างเม็ดกระวานและหญ้าฝรั่น เคี่ยวให้กลิ่นเครื่องเทศหอม จากนั้นก็นำเม็ดกระวานออก แล้วจึงใส่ถั่วต่างๆอย่างอัลมอนด์ เม็ดมะม่วง และพิตาชิโอ สับให้ละเอียด ลงไปต้มประมาณ 5 นาที ก่อนจะปิดไฟ แล้วพักให้หายร้อนก่อนใส่ลงพิมพ์ที่เตรียมไว้ แล้วนำไปแช่ในช่องฟรีสให้แข็งก่อนเอามากิน เนื้อไอศกรีมที่หวานมันผสมกับการได้สัมผัสของเม็ดถั่วที่ผสมอยู่ในเนื้อไอศกรีมอีกด้วย
ซาโมซาไส้มังสวิรัติอีกอันที่เป็นที่นิยมไม่แพ้ไส้มันฝรั่งก็คือไส้ปานีร์ เราเอาผักโขมมาผัดกับเครื่องเทศ แล้วใส่ชีสปานีร์ซึ่งเป็นชีสที่นิยมในอาหารอินเดียที่เป็นมังสวิรัติทุกจาน ใส่ชีสมากน้อยแล้วแต่ความชอบ ผัดให้รสออกเค็มๆกลิ่นหอมเครื่องเทศ เมื่อผสมกับปานีร์จะออกมันกลมกล่อมพอดี กินกับน้ำจิ้มชัดนีเปรี้ยวๆอร่อยนักแล
ไส้ซาโมซาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือไส้มังสวิรัติอย่างมันฝรั่ง บางสูตรจะใส่ถั่วลันเตาเข้าไปกับมันฝรั่งด้วย มันฝรั่งนำไปต้มทั้งหัวจนสุกนุ่ม แล้วจึงเอามาผัดกับเครื่องเทศให้หอม ที่สำคัญมันฝรั่งต้องยังพอให้เห็นเป็นชิ้นเต๋าๆไม่ผัดไปจนนุ่มเละเป็นเนื้อเดียวกัน ไส้ต้องมีกลิ่นเครื่องเทศ ขิงและพริกสด รสเค็ม มีเปรี้ยวอ่อนๆตอนท้าย สูตรนี้ใช้บีบน้ำมะนาวตอนท้าย หรือบางคนจะใส่เครื่องเทศอย่าง chaat masala ที่มีผงมะม่วงหรือผงทับทิมเป็นส่วนผสมก็ให้รสเปรี้ยวสดชื่นได้เช่นกัน
ซาโมซาไส้เนื้อหอมกลิ่นเครื่องเทศอ่อนๆ รสชาติไม่เผ็ดร้อน เคล็ดลับเลือกเนื้อบดติดมันเวลาเอาไปทอดด้านในจะชุ่มฉ่ำกำลังดี ใครไม่มีเครื่องเทศอินเดียอย่างมาซาลา (masala) หรือพริกป่นอินเดีย (Kashmiri chili powder) จะไม่ต้องใส่ก็ได้ หรืออาจใช้พริกขี้หนูป่นแบบไทยแทนได้ แต่ใส่ปริมาณให้น้อยลงเพราะรสเผ็ดกว่า
เมนูผัดธรรมดาอย่างหมูผัดขิงที่ได้กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นด้วยการหมักหมูกับน้ำมันงา ขิงขูดและเครื่องปรุงรสของญี่ปุ่น นวดให้เข้ากัน แล้วพักไว้ ก่อนจะนำมาผัดกับซอสที่เคี่ยว ใส่ถั่วชิกพี และเห็ดออรินจิ ผัดให้ซอสเคลือบส่วนผสมทุกอย่างจนทั่ว จะได้รสชาติที่หอม หวาน เค็มกำลังพอดี โรยต้นหอมเสียหน่อยเพื่อเพิ่มสีสัน กินกับข้าวสวยร้อนๆหรือจะกินกับสลัดผักก็เข้ากันได้ดีเช่นกัน
เบอร์เกอร์สายมังสวิรัติต้องยกให้เมนูนี้เลย ตัวแพตตี้ทำมาจากถั่วชิกพีและเห็ดผัดเนย ปั่นให้ส่วนผสมทั้งสองอย่างเนียนเป็นเนื้อเดียวกันคล้ายเนื้อสัมผัสของเนื้อสัตว์ จากนั้นก็ปรุงรสตามปกติโดยใส่ไข่ไก่และเครื่องปรุงรสต่างๆ ปั้นเป็นก้อนกลมๆพักไว้ ก่อนนำมาย่างกินคู่กับขนมปังเบอร์เกอร์ หอมใหญ่ผัด และซอสโยเกิร์ต
แมงโกกุลฟี (Mango Kulfi) ไอศกรีมนมของคนอินเดียที่เพิ่มความพิเศษโดยการใส่เนื้อมะม่วงสุกที่ปั่นแล้วลงไปผสมอยู่ในเนื้อไอศกรีมด้วย ทำให้เนื้อสัมผัสที่ได้จะมีความครีมๆนมและหวานหอมกลิ่นผลไม้ที่สำคัญไม่ทิ้งเอกลักษณ์ความเป็นอินเดียด้วยการใส่เครื่องเทศอย่างกระวานเขียวและหญ้าฝรั่งลงไปด้วยตอนต้มนมเพื่อให้ได้กลิ่นหอมเล็กน้อย
มาลัยกุลฟี่ (Malai Kulfi) ในสูตรนี้จะมีนมสดชนิดจืด (แบบไขมันสูง) น้ำตาล หัวนมผง (อันนี้เพิ่มกลิ่นหอมนมมากยิ่งขึ้น) กระวานเขียว หญ้าฝรั่น อัลมอนด์ เม็ดมะม่วง และพิตาชิโอ เป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งขั้นตอนการทำ มาลัยกุลฟี (Malai Kulfi) ก็ไม่ยาก หลักๆก็คือการนำนมสดไปเคี่ยวให้เกิดความข้น กับน้ำตาลและหัวนมผง ให้ข้นจนเปลี่ยนสี (คล้ายสีนมข้นหวาน) แล้วใส่เครื่องเทศอย่างเม็ดกระวานและหญ้าฝรั่น เคี่ยวให้กลิ่นเครื่องเทศหอม จากนั้นก็นำเม็ดกระวานออก แล้วจึงใส่ถั่วต่างๆอย่างอัลมอนด์ เม็ดมะม่วง และพิตาชิโอ สับให้ละเอียด ลงไปต้มประมาณ 5 นาที ก่อนจะปิดไฟ แล้วพักให้หายร้อนก่อนใส่ลงพิมพ์ที่เตรียมไว้ แล้วนำไปแช่ในช่องฟรีสให้แข็งก่อนเอามากิน เนื้อไอศกรีมที่หวานมันผสมกับการได้สัมผัสของเม็ดถั่วที่ผสมอยู่ในเนื้อไอศกรีมอีกด้วย
ซาโมซาไส้มังสวิรัติอีกอันที่เป็นที่นิยมไม่แพ้ไส้มันฝรั่งก็คือไส้ปานีร์ เราเอาผักโขมมาผัดกับเครื่องเทศ แล้วใส่ชีสปานีร์ซึ่งเป็นชีสที่นิยมในอาหารอินเดียที่เป็นมังสวิรัติทุกจาน ใส่ชีสมากน้อยแล้วแต่ความชอบ ผัดให้รสออกเค็มๆกลิ่นหอมเครื่องเทศ เมื่อผสมกับปานีร์จะออกมันกลมกล่อมพอดี กินกับน้ำจิ้มชัดนีเปรี้ยวๆอร่อยนักแล
ไส้ซาโมซาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือไส้มังสวิรัติอย่างมันฝรั่ง บางสูตรจะใส่ถั่วลันเตาเข้าไปกับมันฝรั่งด้วย มันฝรั่งนำไปต้มทั้งหัวจนสุกนุ่ม แล้วจึงเอามาผัดกับเครื่องเทศให้หอม ที่สำคัญมันฝรั่งต้องยังพอให้เห็นเป็นชิ้นเต๋าๆไม่ผัดไปจนนุ่มเละเป็นเนื้อเดียวกัน ไส้ต้องมีกลิ่นเครื่องเทศ ขิงและพริกสด รสเค็ม มีเปรี้ยวอ่อนๆตอนท้าย สูตรนี้ใช้บีบน้ำมะนาวตอนท้าย หรือบางคนจะใส่เครื่องเทศอย่าง chaat masala ที่มีผงมะม่วงหรือผงทับทิมเป็นส่วนผสมก็ให้รสเปรี้ยวสดชื่นได้เช่นกัน
ซาโมซาไส้เนื้อหอมกลิ่นเครื่องเทศอ่อนๆ รสชาติไม่เผ็ดร้อน เคล็ดลับเลือกเนื้อบดติดมันเวลาเอาไปทอดด้านในจะชุ่มฉ่ำกำลังดี ใครไม่มีเครื่องเทศอินเดียอย่างมาซาลา (masala) หรือพริกป่นอินเดีย (Kashmiri chili powder) จะไม่ต้องใส่ก็ได้ หรืออาจใช้พริกขี้หนูป่นแบบไทยแทนได้ แต่ใส่ปริมาณให้น้อยลงเพราะรสเผ็ดกว่า
เมนูผัดธรรมดาอย่างหมูผัดขิงที่ได้กลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นด้วยการหมักหมูกับน้ำมันงา ขิงขูดและเครื่องปรุงรสของญี่ปุ่น นวดให้เข้ากัน แล้วพักไว้ ก่อนจะนำมาผัดกับซอสที่เคี่ยว ใส่ถั่วชิกพี และเห็ดออรินจิ ผัดให้ซอสเคลือบส่วนผสมทุกอย่างจนทั่ว จะได้รสชาติที่หอม หวาน เค็มกำลังพอดี โรยต้นหอมเสียหน่อยเพื่อเพิ่มสีสัน กินกับข้าวสวยร้อนๆหรือจะกินกับสลัดผักก็เข้ากันได้ดีเช่นกัน
เบอร์เกอร์สายมังสวิรัติต้องยกให้เมนูนี้เลย ตัวแพตตี้ทำมาจากถั่วชิกพีและเห็ดผัดเนย ปั่นให้ส่วนผสมทั้งสองอย่างเนียนเป็นเนื้อเดียวกันคล้ายเนื้อสัมผัสของเนื้อสัตว์ จากนั้นก็ปรุงรสตามปกติโดยใส่ไข่ไก่และเครื่องปรุงรสต่างๆ ปั้นเป็นก้อนกลมๆพักไว้ ก่อนนำมาย่างกินคู่กับขนมปังเบอร์เกอร์ หอมใหญ่ผัด และซอสโยเกิร์ต
แมงโกกุลฟี (Mango Kulfi) ไอศกรีมนมของคนอินเดียที่เพิ่มความพิเศษโดยการใส่เนื้อมะม่วงสุกที่ปั่นแล้วลงไปผสมอยู่ในเนื้อไอศกรีมด้วย ทำให้เนื้อสัมผัสที่ได้จะมีความครีมๆนมและหวานหอมกลิ่นผลไม้ที่สำคัญไม่ทิ้งเอกลักษณ์ความเป็นอินเดียด้วยการใส่เครื่องเทศอย่างกระวานเขียวและหญ้าฝรั่งลงไปด้วยตอนต้มนมเพื่อให้ได้กลิ่นหอมเล็กน้อย
มาลัยกุลฟี่ (Malai Kulfi) ในสูตรนี้จะมีนมสดชนิดจืด (แบบไขมันสูง) น้ำตาล หัวนมผง (อันนี้เพิ่มกลิ่นหอมนมมากยิ่งขึ้น) กระวานเขียว หญ้าฝรั่น อัลมอนด์ เม็ดมะม่วง และพิตาชิโอ เป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งขั้นตอนการทำ มาลัยกุลฟี (Malai Kulfi) ก็ไม่ยาก หลักๆก็คือการนำนมสดไปเคี่ยวให้เกิดความข้น กับน้ำตาลและหัวนมผง ให้ข้นจนเปลี่ยนสี (คล้ายสีนมข้นหวาน) แล้วใส่เครื่องเทศอย่างเม็ดกระวานและหญ้าฝรั่น เคี่ยวให้กลิ่นเครื่องเทศหอม จากนั้นก็นำเม็ดกระวานออก แล้วจึงใส่ถั่วต่างๆอย่างอัลมอนด์ เม็ดมะม่วง และพิตาชิโอ สับให้ละเอียด ลงไปต้มประมาณ 5 นาที ก่อนจะปิดไฟ แล้วพักให้หายร้อนก่อนใส่ลงพิมพ์ที่เตรียมไว้ แล้วนำไปแช่ในช่องฟรีสให้แข็งก่อนเอามากิน เนื้อไอศกรีมที่หวานมันผสมกับการได้สัมผัสของเม็ดถั่วที่ผสมอยู่ในเนื้อไอศกรีมอีกด้วย
ซาโมซาไส้มังสวิรัติอีกอันที่เป็นที่นิยมไม่แพ้ไส้มันฝรั่งก็คือไส้ปานีร์ เราเอาผักโขมมาผัดกับเครื่องเทศ แล้วใส่ชีสปานีร์ซึ่งเป็นชีสที่นิยมในอาหารอินเดียที่เป็นมังสวิรัติทุกจาน ใส่ชีสมากน้อยแล้วแต่ความชอบ ผัดให้รสออกเค็มๆกลิ่นหอมเครื่องเทศ เมื่อผสมกับปานีร์จะออกมันกลมกล่อมพอดี กินกับน้ำจิ้มชัดนีเปรี้ยวๆอร่อยนักแล
ไส้ซาโมซาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือไส้มังสวิรัติอย่างมันฝรั่ง บางสูตรจะใส่ถั่วลันเตาเข้าไปกับมันฝรั่งด้วย มันฝรั่งนำไปต้มทั้งหัวจนสุกนุ่ม แล้วจึงเอามาผัดกับเครื่องเทศให้หอม ที่สำคัญมันฝรั่งต้องยังพอให้เห็นเป็นชิ้นเต๋าๆไม่ผัดไปจนนุ่มเละเป็นเนื้อเดียวกัน ไส้ต้องมีกลิ่นเครื่องเทศ ขิงและพริกสด รสเค็ม มีเปรี้ยวอ่อนๆตอนท้าย สูตรนี้ใช้บีบน้ำมะนาวตอนท้าย หรือบางคนจะใส่เครื่องเทศอย่าง chaat masala ที่มีผงมะม่วงหรือผงทับทิมเป็นส่วนผสมก็ให้รสเปรี้ยวสดชื่นได้เช่นกัน
ซาโมซาไส้เนื้อหอมกลิ่นเครื่องเทศอ่อนๆ รสชาติไม่เผ็ดร้อน เคล็ดลับเลือกเนื้อบดติดมันเวลาเอาไปทอดด้านในจะชุ่มฉ่ำกำลังดี ใครไม่มีเครื่องเทศอินเดียอย่างมาซาลา (masala) หรือพริกป่นอินเดีย (Kashmiri chili powder) จะไม่ต้องใส่ก็ได้ หรืออาจใช้พริกขี้หนูป่นแบบไทยแทนได้ แต่ใส่ปริมาณให้น้อยลงเพราะรสเผ็ดกว่า
Recommended Videos