เปิด "ตำราอาหาร" ได้ที่นี่

 

recipe

ต้มโคล้งปลาน้ำดอกไม้

Recipe by สำนักพิมพ์แสงแดด

Serves

3-4 คน

Level

2

ต้มโคล้งปลาน้ำดอกไม้ ปลาสาก หรือที่คนกรุงเรียกเสียเพราะพริ้งว่า ปลาน้ำดอกไม้ บางถิ่นที่ยังเรียกเสียโก๋หรูว่า ปลาโชกุน ไม่ว่าจะเรียกนามว่าอะไรก็แล้วแต่ แต่ปลาชนิดนี้มีรสชาติอันโอชะที่ชาวครัวทั่วโลกต่างยอมรับ เจ้าปลาน้ำดอกไม้เป็นปลาทะเลที่มีมากทางอ่าวไทยฟากอันดามัน รวมไปถึงทะเลทั่วโลก รูปร่างมันจะออกกลมๆ ยาวๆ แถมมีฟันอันคมกริบ ถ้าโดนเข้าไปละก็รับรองมีเจ็บ พวกมันมีหลังสีเทา ท้องขาวนวล แถมเกล็ดยังละเอียดยิบ แหวกว่ายหากินกันเป็นฝูง นำมาทำอาหารได้หลากหลาย

INGREDIENTS

พริกขี้หนูสีเขียวและแดงเม็ดใหญ่

10 เม็ด

หอมแดง

5 หัว

ตะไคร้หั่นท่อน 2 นิ้ว

5 ต้น

ข่าอ่อนหั่นแว่นหนา 1 ซม.

5 แว่น

พริกขี้หนูแห้ง

10 เม็ด

น้ำ

6 ถ้วย

น้ำปลา

3 1/2 ช้อนโต๊ะ

เกลือสมุทร

1 ช้อนชา

น้ำมะขามเปียก

3 ช้อนโต๊ะ

ใบมะกรูดฉีก

4 ใบ

ปลาน้ำดอกไม้ (ตัวละ 1 กิโลกรัม)หั่นแว่น (เนื้อปลาที่เหลือเก็บไว้ใช้ได้)

400 กรัม

น้ำมะนาว

2 ช้อนชา

กะเพราเด็ดใบ

1 ถ้วย

METHOD

1. คั่วพริกขี้หนู หอมแดง ตะไคร้ ข่า และพริกขี้หนูแห้ง ในกระทะด้วยไฟอ่อน จนเครื่องทั้งหมดหอม และไหม้เกรียมเล็กน้อย ตักใส่ถ้วย เตรียมไว้

 

2. โขลกพริกขี้หนูคั่วและพริกขี้หนูแห้งคั่วเข้าด้วยกันพอหยาบ ตักพริกที่โขลกและส่วนผสมที่คั่วใส่ลงในหม้อน้ำ ยกขึ้นตั้งบนไฟกลางจนน้ำเดือด ปรุงรสด้วยน้ำปลา เกลือ น้ำมะขามเปียก และใบมะกรูด ปิดฝา ต้มนานประมาณ 5 นาที เพื่อให้น้ำต้มโคล้งมีกลิ่นหอม เปิดฝา ใส่ปลาน้ำดอกไม้ ลดเป็นไฟอ่อน (ห้ามคนจนกว่าเนื้อปลาจะสุก) รอให้เนื้อปลามีสีขาวและเริ่มฟู แสดงว่าปลาสุกได้ที่แล้ว ใส่น้ำมะนาว และใบกะเพรา ปิดไฟกดพอให้น้ำท่วมผัก ชิมรสให้เปรี้ยว เค็ม เผ็ดรสจัดจ้าน

 

3. ตักต้มโคล้งปลาน้ำดอกไม้ใส่ถ้วยรับประทานร้อนๆ

Share this content

Tags:

กับข้าว, ต้มโคล้ง, ปลาน้ำดอกไม้, ปลาสาก, อาหารภาคกลาง, อาหารไทย

Recommended Articles

Recipeข้าวผัดเเหนม
ข้าวผัดเเหนม

ข้าวผัดแหนมหมู เมนูยอดนิยมที่ครองใจใครหลายคน ด้วยส่วนผสมที่ลงตัวและรสชาติที่กลมกล่อม ใช้เเหนมหมูอย่างดี รสชาติเปรี้ยวเค็มอันเป็นเอกลักษณ์ นำมายีให้เป็นชิ้นเล็กๆ คั่วจนหอม ผัดกับข้าวสวยหอมมะลิ เพิ่มความอร่อยด้วย ไข่ไก่ ที่ผัดจนสุกกำลังดี เพิ่มความมันนัว และสีสันที่น่ากิน ผัดด้วยไฟแรง ให้ข้าวเรียงเม็ดสวย ไม่แฉะ และมีกลิ่นหอมไหม้กระทะที่เป็นเสน่ห์เฉพาะตัว เป็นเมนูที่กินได้ทุกเวลา ไม่ว่าจะมื้อเช้า มื้อกลางวัน หรือมื้อเย็น ก็อร่อยถูกใจแน่นอน รับรองว่าจานเดียวไม่เคยพอ!

 

Recommended Videos