
แจกสูตรโมฮิงกา อาหารเช้ายอดนิยมของคนเมียนมา ทำเองก็ได้ไม่ยากเลย
อาหารพม่ายอดนิยมอันดับต้นๆ ต้องมีชื่อ โมฮิงกา บางคนเรียกขนมจีนพม่า คล้ายกับขนมจีนน้ำยาปลาของไทย เพียงแต่น้ำยาแบบโมฮิงกามีสีน้ำตาลอมเหลืองและกินกับเครื่องเคียงแตกต่างกัน ส่วนตัวผู้เขียนยังไม่เคยได้กิน พอได้โจทย์นี้เลยต้องขอไปลองชิมสักหน่อย
เริ่มต้นเลยสอบถามเพื่อนชาวพม่าว่าจะไปกินที่ไหนดี เราบอกว่าต้องการชิมอาหารพม่าแบบธรรมดาทั่วไป ไม่ต้องหรูหราหรือฟิวชั่น เอาแบบรสชาติที่คนพม่าเขากินกัน เขาเลยแนะนำร้าน Shwe Htee Restaurant เป็นร้านอาหารพม่าเล็กๆ ใต้ออฟฟิศแถวอโศก ร้านดูสบายๆ สะอาดสะอ้านเหมือนร้านข้าวแกงติดแอร์ เพื่อนจัดแจงสั่งโมฮิงกา ยำใบชา และขนมที่หน้าตาเหมือนข้าวปุกจิ้มกับนมข้นหวาน และแน่นอนขาดไม่ได้ ชาร้อนคนละแก้ว


โมฮิงกาเสิร์ฟแยกขนมจีนกับตัวน้ำยามา น้ำยาบ้านเขาไม่ข้นมาก เรียกว่าตักซดได้เหมือนก๋วยเตี๋ยว เราชำเลืองดูวิธีกินของเขาโดยการใส่ขนมจีนและเครื่องเคียงต่างๆ ลงไป ตักกินง่ายๆ ด้วยช้อนคำเดียวเหมือนข้าวต้ม ว้าบแรกที่ตักเข้าปาก ฉันนึกถึงก๋วยจั๊บญวนที่หอมพริกไทย แต่อันนี้ได้รสปลาและขิงอ่อนๆ ไม่ได้มีกลิ่นเครื่องเทศจัดเหมือนที่กังวล น้ำซุปมีความขุ่น แต่เบา นัวๆ เชงๆ กลมกล่อม แม้ไม่ได้ใส่กะทิแต่ได้ความมันจากถั่วและไข่แดงต้มที่ลอยอยู่ในน้ำแกง สำหรับฉันแล้วถือว่ากินง่ายมาก
โมฮิงกาเป็นอาหารเช้า แต่เพื่อนพม่าบอกเขากินได้ทั้งวัน โมฮิงกาที่คนพูดว่าเป็นซุปปลาๆ จริงๆ แล้วไม่จำเป็นต้องใส่ปลาเสมอไป ขึ้นอยู่กับสูตรแต่ละบ้าน และส่วนชนิดปลาที่ใส่ก็แล้วแต่จะหาได้เช่นกัน โดยมากก็ปลาน้ำจืดทั่วไป ส่วนเครื่องเคียงก็แล้วแต่ชอบ โดยมากจะมีแผ่นถั่วทอด ไข่ต้มฝาน ถั่วฝักยาว ผักชีซอย แล้วก็ลูกชิ้นปลาหั่นบางๆ เคียงมานิดหน่อย

จากที่ได้ชิมและลองดู youtube เพิ่มเติม ควบคู่ไปกับการสอบถามเพื่อนพม่า จึงได้ออกมาเป็นสูตรนี้ที่ผู้เขียนค่อนข้างมั่นใจว่าอร่อยและใกล้เคียงกับที่ไปกินมา ใครอยากจะลองทำอาหารพม่าเมนูแรก และเคยทำขนมจีนน้ำยาของไทยมาแล้ว สำหรับการทำโมฮิงกาก็ถือว่าไม่ยากเลย วิธีทำคล้ายๆ กันคือเอาเนื้อปลาไปต้มจนสุกพร้อมกับเครื่องสมุนไพร (ขมิ้น และตะไคร้) แกะเอาเฉพาะเนื้อปลามาผัดยีกับเครื่องสมุนไพรโขลก ได้แก่ ขมิ้นหอมแดง กระเทียม ตะไคร้โขลกละเอียด แล้วจึงนำกลับไปใส่ในน้ำยา แต่แทนที่จะใส่กะทิ โมฮิงกาจะใส่ถั่วเหลืองซีกต้มสุกปั่นเพื่อทำให้น้ำยาข้นมัน ตามด้วยสิ่งสำคัญที่ขาดไม่ได้คือหยวกกล้วยและไข่ต้มซอยบางๆ บางตำรับจะเติมไข่ไก่ต้มทั้งฟองลงไปด้วย

วัตถุดิบหลักๆ ของโมฮิงกาคือ ‘ปลา’ ฉันเลือกใช้ปลาทับทิมตัวละ 1-1.5กิโล ให้พ่อค้าขอด เกล็ด ควักไส้มาให้เรียบร้อย ถั่วเหลืองซีกล้างให้สะอาด เพราะจะเอามาปั่นแช่น้ำทำให้น้ำแกงข้น ขมิ้นผง ตะไคร้ กระเทียม ขิง หอมแดง พริกป่น พริกไทย ไข่ต้ม และสุดท้ายหยวกกล้วยซึ่งน่าจะเป็นวัตถุดิบเดียวที่หายากสุดแล้ว
Steps 1: ตั้งน้ำ ใส่เกลือ ตะไคร้ทุบ และผงขมิ้น รอจนเดือดแล้วใส่ปลาลงไปต้มจนสุก (ประมาณ 10-15 นาที) ตักปลาออกแล้วกรองน้ำต้มปลาเก็บไว้ทั้งหมด พักปลาให้หายร้อนแล้วแกะเนื้อปลาไว้

Steps 2: ตั้งกระทะใส่น้ำมัน เจียวหอมแดงซอยจนเหลือง แล้วตามด้วยเครื่องโขลก (อันได้แก่ ขิง ตะไคร้ และกระเทียม) แล้วใส่เนื้อปลา ตามด้วยผงขมิ้น พริกขี้หนูป่น เกลือ และพริกไทยดำป่น ผัดให้หอม พักไว้ สังเกตว่าโมฮิงกาไม่ใช้น้ำยารสเผ็ด จึงใส่พริกป่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


Steps 3: นำน้ำต้มปลาที่กรองไว้ส่วนนึงมาปั่นกับถั่วเหลืองซีกต้มสุก น้ำต้มปลาที่เหลือนำไปใส่หม้อเป็นเบสน้ำยาจะได้ความหวานกลมกล่อม ถ้าเหลือน้ำต้มปลาไม่ครบ 4 ถ้วยให้เติมน้ำเปล่าจนครบ 4 ถ้วย ใส่ตะไคร้ทุบลงไปเพิ่มอีก 1 ต้น ตามด้วยถั่วปั่นละเอียด

Steps 4: พอน้ำยาเดือดอีกครั้ง ใส่เนื้อปลาผัดและหยวกกล้วย เคี่ยวด้วยไฟกลางจนหยวกกล้วยเปื่อยนุ่ม ใส่ไข่ต้มซอยและไข่ต้มทั้งฟอง ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำปลา และน้ำตาล ชิมรสให้กลมกล่อมเค็มหวานปะแล่มจากเนื้อปลา ถ้าน้ำยายังไม่ข้นให้เติมแป้งข้าวเจ้าละลายกับน้ำเล็กน้อย (คนพม่ามักใช้ข้าวคั่วหรือแป้งถั่วชิกพีใส่ลงไปเพื่อให้น้ำยาข้นแต่เราลัดขั้นตอนลงโดยใช้แป้งข้าวเจ้าแทน)

เตรียมขนมจีนแป้งสด และเครื่องเคียงให้พร้อม ตักน้ำยาราดลงบนขนมจีน ตักเครื่องเคียงได้แก่ ถั่วฝักยาวซอย ผักชีซอย แผ่นถั่วทอด ลูกชิ้นปลาทอด และไข่ต้มซอย

เวลากินปรุงพริกป่น บีบมะนาวตามชอบ น้ำยาโมฮิงกาไม่เผ็ด ใครชอบเผ็ดจัดพริกป่นเพิ่มไปอีกได้เลยค่ะ ใครลองทำแล้วติดใจอย่าลืมส่งข่าวบอกเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนและทีมครัวด้วยนะคะ


Contributor
Tags:
Recommended Articles
Recommended Videos