หน้าออฟฟิศ KRUA.CO มีคาเฟ่ขนมไทยน่ารักๆ อยู่ร้านหนึ่งค่ะ คนในออฟฟิศแวะเวียนไปบ้างตามวาระ ทุกคนกลับมาพูดว่าขนมสวย รสชาติดี แถมมีเมนูฟิวชั่นจับนู่นผสมนี่ให้ได้ตื่นตาตื่นใจ เมื่อ KRUA.CO มาในธีมขนมไทย เราเลยไม่ต้องไปไหนไกล มีของดีอยู่หน้าบ้านทั้งที แค่เดินข้ามถนนไปร้าน หอมรัญจวน ทาวน์อินทาวน์ ก็เป็นอันเรียบร้อย

บ่ายแก่ๆ ตามเวลานัด ฉันเปิดประตูเข้าไปก็ได้รับรอยยิ้มสดใสจากทั้งเจ้าของสาขาและเจ้าของแฟรนไชส์ส่งมาต้อนรับ ถ้าใครยังไม่รู้ หอมรัญจวนเป็นคาเฟ่ขนมไทยที่เป็นแฟรนไชส์โดยมีร้านต้นตำรับอยู่ที่ชลบุรี และมีสาขากระจายไปหลายจังหวัด ทั้งจันทบุรี เชียงใหม่ สมุทรปราการ เชียงราย เฉพาะในกรุงเทพฯ ก็มีหลายแห่ง ตั้งแต่พระนคร บางนา เมืองทองธานี ทาวน์อินทาวน์ รวมแล้วกว่า 17 แห่ง

เรื่องราวของหอมรัญจวนเริ่มจาก คุณเกด-พจนันท์ เกตุประเสริฐ อดีตแอร์โฮสเตสสายการบินกาตาร์แอร์เวยส์ ที่เมื่อทำงานเข้าปีที่ 4 เธอก็อยากกลับเมืองไทยและเริ่มมองหาไอเดียว่าจะทำอะไรดี “พอดีเราบินไปมิวนิก เพื่อนขายขนมไทยอยู่ที่นั่น แล้วฟีดแบ็คดีมาก เลยอยากกลับมาทำร้านขนมไทยที่บ้านเราบ้าง” ความคิดของคุณเกดออกจะก้าวหน้าอยู่ เพราะเมื่อ7-8 ปีที่แล้วยังแทบไม่มีคาเฟ่ขนมไทยในบ้านเรา เธอจึงโดนคนรอบตัวคัดค้านด้วยเหตุผลว่าขนมไทยมาขายราคา 60 บาท 80 บาท ใครจะมากิน “แต่เราไม่คิดแบบนั้นนะ ถึงถนนทั้งเส้นที่ชลบุรีจะมีแต่ร้านกาแฟร้านเบเกอรี่ตั้ง 20 ร้าน เรากลับมองว่าความแตกต่างของเราคนน่าจะชอบ”

เธอจึงเริ่มต้นแบบเซฟๆ ด้วยการขายออนไลน์ หลังไปลงคอร์สเรียนทำขนมไทยกับครูเจแห่งบ้านพลอยหวาน–ถือเป็นความบังเอิญที่น่ายินดี เพราะคุณเกดบอกว่าเธอเป็นแฟนหนังสือของสำนักพิมพ์แสงแดดมานาน และก็เรียนทำขนมกับครูที่เคยเป็นทีมงานของสำนักพิมพ์แสงแดด แถมวันนี้ยังได้มาคุยกับเพจลูกของสำนักพิมพ์แสงแดดอีก—ซึ่งผลตอบรับดีมาก หลังผ่านไป 6 เดือนเธอก็เปิดหน้าร้านเล็กๆ ซึ่งผลตอบรับก็ยังคงดีมาก เลยขยับขยายมาสู่ร้านใหญ่ที่เป็นสาขาตั้งต้นของหอมรัญจวน หลังจากนั้น 3 ปีเธอก็เปิดขายแฟรนไชส์ และเพียงแค่ระยะเวลา 4 ปี หอมรัญจวนก็มีแฟรนไชส์ถึง 17 สาขา ที่มาพร้อมคอนเส็ปต์ตกแต่งร้านแบบ ‘ปลูกเรือนตามใจผู้อยู่’ เพราะให้เจ้าของสาขานำความรักความชอบมาตกแต่งร้าน เพื่อที่เวลาไปแต่ละสาขาจะได้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน

ในขณะที่เรื่องรสชาตินั้น รับประกันความอร่อยเหมือนกันทุกสาขา เพราะมีการควบคุมคุณภาพด้วยการผลิตวัตถุดิบต่างๆ ที่ครัวกลางชลบุรีทั้งหมด ขนมที่เดินทางไกลได้ อาทิ ฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด เสน่ห์จันทน์ ก็ผลิตที่ครัวกลางเช่นกัน สาขาทำเพียงนำไส้มาประกอบงานฝีมืออย่างการห่อแป้ง จับจีบ ในส่วนของขนมที่ส่งไม่ได้อย่างขนมชั้นก็จะมีแป้งให้ หรืออย่างขนมสดแบบขนมเหนียวแป้งมะพร้าว จะมีการกำหนดแป้งที่ต้องใช้ ข้าวเหนียวสังขยา กำหนดว่าต้องใช้ข้าวเหนียวเขี้ยวงูต้นปีจากโรงสีที่เชียงรายเท่านั้น ฟักทองเล็กก็ต้องสั่งจากเชียงใหม่

“เสน่ห์ของเราคือกลิ่นและงานฝีมืออ่อนช้อย” คุณเกดพูดถึงเสน่ห์ของขนมไทยในแบบหอมรัญจวน “ขนมไทยไม่เหมือนขนมต่างชาติตรงนี้ และหอมรัญจวนก็เกิดจากตรงนี้ จากกลิ่นของเทียนหอมเทียนอบพิเศษที่เราสั่งทำขึ้นจากกลิ่นดอกไม้ไทย กับอีกอย่างคือเราต้องเสพด้วยตา ต้องสวยด้วย เลยต้องมีความประดิษฐ์ ความอ่อนช้อย”

ซึ่งก็สมกับคำตอบมากๆ เพราะสารพัดขนมที่ได้ลองลิ้มชิมรสวันนี้มากับกลิ่นหอมและความสวยงามแบบเห็นแล้วต้องรีบถ่ายรูปลงไอจี ตั้งแต่ ช่อผกากรอง ขนมไส่ไส้ ที่บรรจงจัดเสิร์ฟมาในจานกระเบื้องสีขาวสะอาดตา มี วุ้นมะพร้าวกะทิ รูปดอกกุหลาบดอกใหญ่เป็นจุดดึงดูดสายตา ความกระจุ๋มกระจิ๋มแบบพอดีคำ สีสันสวยหวาน รวมถึงรสชาติที่ไม่หวานเกินไป เท็กซ์เจอร์ความกรอบตัดนุ่ม ความนุ่มเหนียวหนึบของแป้งกับความหวานกำลังดีของไส้ ทำให้กินเพลินไม่เบื่อ

กล้วยไข่เชื่อม กล้วยไข่ไซส์กำลังดีเนื้อไม่นิ่มและไม่แข็งเกินไป เชื่อมมาหวานน้อยๆ ราดด้วยน้ำกะทิ อร่อยจนหมดเป็นจานแรก ช่อม่วง กับ ขนมจีบนก เนื้อหนึบแต่นุ่มและไส้รสเค็มน้อยๆ มาในกระเช้าเครื่องจักสานที่เป็นอีกสิ่งที่คุณเกดอยากสนับสนุน “เรามีพนัสนิคม แหล่งจักสานใหญ่สุดของประเทศอยู่ที่ชลบุรี เลยอยากเอามาเพิ่มมูลค่า เป็นการสนับสนุนชุมชน” ขนมถ้วยหน้าดอก ที่เกิดจากการได้เห็นพิมพ์สวยๆ เลยนำมาประยุกต์ใช้ให้ขนมถ้วยหน้าตาธรรมดากลายเป็นขนมถ้วยหน้าดอกไม้แสนสวยด้วยสีขาวตัดเขียว และ สังขยาฟักทอง สังขยาเนื้อเนียนนุ่มนิ่มกินแล้วละลายในปากกับฟักทองเนื้อนุ่มท็อปด้วยฝอยทองเพิ่มรสหวานเล็กน้อย

ใครกลัวความหวานตัดขาของขนมไทยบอกเลยว่าไม่ต้องห่วง เพราะหอมรัญจวนมากับรสชาติหวานน้อยมากๆ ทุกเมนู และใครที่ชอบแป้งแบบเนียนนุ่มหนึบละมุนละไม รับรองว่าจะถูกใจ เพราะแป้งของที่นี่ดีมากจริงๆ

ไม่เพียงกลิ่นหอมและหน้าตากับสีสันแสนสวยของบรรดาขนมไทยชื่อคุ้นต่างๆ ในร้าน ฉันอดสังเกตไม่ได้ว่าเมนูขนมไทยฟิวชั่นก็มีไม่น้อย อย่าง ถั่วแปบไส้กุ้ง ใช่ค่ะ ฟังไม่ผิด ถั่วแปบที่เราอาจจะชินกับความหวานของแป้ง มะพร้าว น้ำตาล แต่ที่หอมรัญจวนมีการใส่ไส้กุ้งเข้าไป กลายเป็นของว่างกึ่งคาว ที่เนื้อแป้งเหนียวนุ่มกับมะพร้าวช่างเข้ากันดีกับรสชาติออกเค็มเล็กน้อยของไส้กุ้งด้านใน เป็นเมนูที่ชาวเราลงมติว่า “อร่อยมากกกกก” สมกับที่เป็นเมนูซิกเนเจอร์

และที่ฟิวชั่นกันแบบเห็นได้อย่างชัดเจน คือการจับคู่เครื่องดื่มท็อปด้วยขนมไทย ซึ่งคุณเกดเป็นคนคิดเองจากประสบการณ์การนั่งทำขนมอยู่ทุกวัน

“อย่างทำขนมต้มแล้วมีเศษแป้งเหลือ เราเสียดายก็เอามาปั้นเป็นกลมๆ อ้าว มันก็บัวลอยนี่นา แค่ลูกเล็ก ก็ลองปั้นแล้วเอามาใส่ในเครื่องดื่มแทนไข่มุก อร่อยเฉย” เธอหัวเราะ “เราอยากจุดประกายเล็กๆ สักแค่ 1% ที่ขับเคลื่อนวงการเครื่องดื่มไทยบ้าง อันนี้เป็นความตั้งใจเลยนะ ก็เลยทำเครื่องดื่มหน้าต่างๆ หน้าบัวลอย ทับทิมกรอบ ทองเอก เสน่ห์จันทร์ มะพร้าวกะทิ เอามาลองกินทั้งหมดเลย อันไหนเข้ากับเครื่องดื่มก็เอาไปขาย ทำมา 3-4 ปีแล้ว แต่มันเป็นอะไรที่แฝงอยู่ในร้าน ยังไม่ได้เอาขึ้นมาเป็นจุดขายจริงจัง”

แต่เครื่องดื่มที่ท็อปด้วยขนมไทยเหล่านี้กำลังจะมีที่ทางเป็นของตัวเอง เพราะหอมรัญจวนจะเปิดป๊อปอัพที่เซนทรัลเวิร์ลวันที่ 1 ธันวาคมนี้ ขายเฉพาะเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ในคอนเส็ปต์ The Ultimate Siamese Sweet ซึ่งเป็นอีกหนึ่งความฝันของคุณเกด “เราอยากให้ที่สุดของขนมไทยมันทัชต่างชาติ ให้มันเป็นซอฟต์พาวเวอร์ว่าขนมไทยดังๆ สามารถเอามากินกับเครื่องดื่มได้” โดยขนมชนิดเดียวที่จะมีขายที่นั่นคือขนมใหม่อย่างทองม้วนดอกไม้ เพื่อให้เป็นของฝากติดไม่ติดมือกลับประเทศได้ “เราเอาจริตเรื่องความสวยงามมาต่อยอดทำทองม้วนดอกไม้ ใส่ดอกไม้กินได้อย่างเข็ม อัญชัญ พวงชมพู ซึ่งเป็นดอกไม้ออร์แกนิกส์ทั้งหมด”

เล่ามาขนาดนี้ ก็ต้องลองซะหน่อย กับ 4 แก้ว ได้แก่ ทองรัญจวน ชาไทยท็อปด้วยครีมหนานุ่ม มีทองเอกกับเสน่ห์จันทร์เสิร์ฟเสียบมาในไม้จิ๋วๆ เป็นท็อปปิ้ง โรยด้วยทองคำเปลวเพิ่มความหรูหรา ชาไทยหอมๆ กับครีมนุ่มๆ พอได้ความหวานจากทองเอกและเสน่ห์จันทร์ กลายเป็นรสชาติหวานกำลังดี ไม่รวมว่าแป้งของทองเอกและเสน่ห์จันทร์ทั้งนุ่มทั้งละมุนลิ้น เป็นอีกหนึ่งที่ชาวเราลงมติว่า “อร่อยยยยยย” นมเผือกบัวลอย นมเผือกใส่เม็ดบัวลอยสีพาสเทลสุดคิ้วท์ ที่จะมีการเพิ่มอาลัวช้างมงคลลงไปแล้วเปลี่ยนชื่อเป็น ทางช้างเผือก รอเปิดตัวที่ร้านที่เซนทรัลเวิร์ล ทับทิมสยาม ชาเขียวท็อปด้วยทับทิมกรอบสีสันตัดกันสุดสดใส ปิดท้ายที่ ชารัญจวน ชาใสดอกไม้ไทยที่ทางร้านผสมเองเบลนด์เองจากกลิ่นดอกไม้ไทยหลากชนิดทั้งเบญจมาศ กุหลาบ มะลิ ลอยด้วยวุ้นมะพร้าวน้ำหอมที่มาในรูปดอกกุหลาบดอกใหญ่ หอมทั้งกลิ่นชาและกลิ่นดอกไม้อบอวลไปหมด ซึ่งเครื่องดื่มทุกแก้วมากับความหวานน้อยมากกกก ในระดับที่คนกินหวานน้อยอย่างฉันไม่จำเป็นต้องสั่ง “หวานน้อย” เลย

ความฟิวชั่นยังมาในรูปของ ไอศครีม รสชาติไทยๆ อย่าง ข้าวหลามหนองมน ที่มาแบบจัดเต็มมีกระทั่งกลิ่นไผ่ กะทิอบควันเทียน เนื้อหนึบหอมกรุ่นทั้งกลิ่นกะทิและควันเทียน กระยาสารท ที่รสชาติออกหวานกว่าเพื่อน และอีกมากมายหลายรสให้เลือกสรรตั้งแต่ทองเอก เสน่ห์จันทร์ ขนมเหนียว ขนมตาล ขนุน กล้วยตาก กล้วยบวชชี (แต่ละสาขามีไม่ครบรส แต่ที่มีแน่ๆ คือข้าวหลามหนองมนและกะทิอบควันเทียน) ท็อปด้วยอาลัวชิ้นจิ๋วสีพาสเทล ขนมเหนียว วุ้นมะพร้าวกะทิในรูปดอกไม้ และคู่หูทองเอกกับเสน่ห์จันทน์เสียบไม้ เสิร์ฟมาในถ้วยแก้วขนาดใหญ่พร้อมดรายไอซ์ให้ได้ร้องกรี๊ดในความสวยงาม

คุยกันมาถึงตรงนี้ ที่สัมผัสได้ชัดเจนคือการมองหาโอกาสและไอเดียต่อยอดที่ไม่มีวันหยุดของคุณเกด เธอรับว่านี่แหละคือตัวเธอเลย “ไปไหนๆ เราก็มองหาโอกาสรอบตัว หาไอเดียเสมอ พออยากรู้เรื่องอะไรก็ต้องเข้าไปหา ไปแฝงตัวตามกลุ่มนั้นนี้ เราต้องทำเป็นทุกอย่างก่อนขายได้ ขนมทำเองทุกตัว เครื่องดื่มคิดเองทุกอย่าง ชิมทุกเมนู ผงใบชาก็เลือกเองหมด ต้องเรียนเพื่อรู้ถึงปัญหา เจอปัญหาจะได้แก้ได้”

และเพราะต้องจริงจังแบบนี้ จึงมั่นใจได้ว่าหอมรัญจวนเป็นครอบครัวขนมไทยที่เกิดขึ้นและคงอยู่ด้วยความรักและความสุข เพราะก่อนจะขายแฟรนไชส์ คุณเกดต้องพูดคุยกับผู้สนใจก่อน

“ไม่ใช่ว่าอยากทำ เอาเงินมาแล้วจะขายให้” เธอย้ำ “หอมรัญจวนเป็นลูกของเรา จะให้ไปอยู่กับใครก็ต้องดูก่อนว่าเขารักลูกเราจริงไหม ตั้งใจจริงแค่ไหน เพราะเราเชื่อว่าการทำอะไรก็ตามต้องเริ่มจากความสุข ถ้าคุณรักคุณชอบในสิ่งที่ทำ ความสุขจะเกิด แล้วส่งต่อออกไป เหมือนที่เรามีความสุขมา 7 ปีและจะยังคงทำในสิ่งที่เรามีความสุขที่จะทำต่อไป”

หอมรัญจวน ทาวน์อินทาวน์

พิกัด: https://goo.gl/maps/FSTTrzAiTKrT281e6

เปิด-ปิด: 9.30-21.00 น.

โทร. 095-095-2295

FB: https://www.facebook.com/homrunjuan11

ราคา: 70-200 บาท