เปิด "ตำราอาหาร" ได้ที่นี่

Serves
3/4 ถ้วย
Level
2
INGREDIENTS
พริกไทยเม็ด
1½ ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูสีเขียวและแดง
25 เม็ด
ซีอิ๊วขาว
¼ ถ้วย+3½ ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว
¼ ถ้วย+3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย
2 ช้อนโต๊ะ
หอมแดงซอย
3 หัว
พริกขี้หนูสวนสีแดงและใบผักชีสำหรับตกแต่ง
METHOD
1. โขลกพริกไทยกับพริกขี้หนูเข้าด้วยกันพอแหลกตักใส่ชามหรืออ่างผสม ใส่ซีอิ๊วขาว น้ำมะนาว และน้ำตาล คนให้ทั่วจนน้ำตาลละลาย ใส่หอมแดงซอย (แบ่งไว้โรยหน้าเล็กน้อย) คนพอทั่ว ชิมรสให้เค็ม เปรี้ยว เผ็ดร้อนพริกไทย
2. ตักใส่ถ้วย โรยหอมแดงซอยที่เหลือ ตกแต่งด้วยพริกขี้หนูสวนสีแดงและใบผักชี เสิร์ฟ
Tips
- ปลานึ่งกินกับน้ำจิ้มพริกไทย ได้รสเผ็ดร้อนลดความคาวของปลาลงได้ เวลานำพริกไทยเม็ดมาทำอาหารควรคั่วด้วยไฟอ่อนๆก่อนจะช่วยเพิ่มความหอม แล้วจึงนำมาโขลกควรป่นเฉพาะที่จะใช้เท่านั้น ถ้าป่นทิ้งไว้กลิ่นหอมของพริกไทยจะน้อยลง
Recommended Articles

ใกล้หน้าร้อนเมื่อไหร่ ผลไม้ยอดนิยมอย่างมะยงชิดก็เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตเลยจะมีเมนูที่ทำจากมะยงชิดมากมาย วันนี้เลยจะมาแจกเมนูที่ทำจากมะยงชิดนำไปทำเป็น "ตำมะยงชิด" รสแซ่บที่ไม่เหมือนใคร เพราะสูตรนี้ดัดแปลงมาจากน้ำพริกกะปิ ทำให้หอมกะปิ เข้ากันกับมะยงชิดเปรี้ยวอมหวานเป็นที่สุด และยังโรยปลากรอบและกุ้งแห้ง เพิ่มความอร่อยให้กับตำมะยงชิดอีกด้วย

ไก่ทอดมะขามเปียกสูตรนี้เหมาะกับคนชอบกินไก่ทอดแบบไม่มีกระดูก เพราะใช้เเต่เนื้ออกไก่นำมาแล่แผ่ให้บางลง หมักเครื่องหมักที่ปรุงด้วยน้ำมะขามเป็นหลักจึงช่วยให้เนื้อไก่นุ่ม สูตรนี้ใส่น้ำมันงาเพื่อทำให้กลิ่นหอมกลมกล่อม นำไก่คลุกแป้งแล้วนำไปทอดจนกรอบเหลือง เสิร์ฟกับน้ำจิ้มน้ำมะขามซ้ำอีกทีช่วยชูรสชาติไก่ทอดน้ำมะขามให้ชัดเจนขึ้น

กะปิพล่าเครื่องปรุงคล้ายน้ำพริกกะปิ ได้แก่ กะปิ กระเทียม หอมแดง พริกขี้หนู กุ้งแห้ง น้ำตาล มะนาว ต่างกันตรงที่มีน้ำ เนื้อและผิวส้มซ่าเข้ามาเสริมรสเปรี้ยวและกลิ่นหอมของส้มซ่า ข้อแตกต่างสำคัญคือกะปิพล่าไม่ต้องโขลกในครก ใช้วิธีผสมให้เครื่องต่างๆเข้ากันในถ้วยหรือชาม ดังนั้นส่วนผสมต่างๆเช่น กระเทียม หอม กุ้งแห้งจึงต้องหั่นซอยให้บางให้เป็นเนื้อสัมผัสเวลากิน กะปิพล่ารับประทานกับผักสด ผักต้ม มีเครื่องเคียงเพิ่มความอร่อยเช่น ปลาช่อนแดดเดียวและหมูหวาน ใครจะกินกับไข่ต้มก็ได้ อร่อยเหมือนกัน

นอกจากคาร์โบนาราแล้ว Amatriciana (อมาตรีชานา) เป็นหนึ่งในซอสคลาสสิกของอาหารอิตาเลียน ถือกำเนิดขึ้นที่กรุงโรมในแคว้นลาซิโอ้ แต่เดิมพื้นฐานเป็นแค่ซอสมะเขือเทศเผ็ดๆใส่ guanciale (กวนชาเล่ หรือ อิตาเลียนเบคอนที่ใช้ส่วนแก้มหมู) และชีสเพคโคริโน (pecorino) สูตรนี้เพิ่มเนื้อซอสโดยการใส่มะเขือม่วงเข้าไปด้วย และผัดกับ Papadelle (พัพพาร์เดลเล่ย์) พาสต้าไข่เส้นแบนคล้ายก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ ผัดให้น้ำซอสซึมเข้าเนื้อเส้น ก่อนเสิร์ฟโรยริคอตต้าชีส แล้วหยอดเพสโต้าเล็กน้อยเสริมกลิ่นโหระพาไปกับซอสมะเขือเทศ กินกับร็อกเกตให้รสเผ็ดอ่อนๆในปาก

หนึ่งในอาหารฤดูร้อนของคนโบราณจะขาดขนมจีนซาวน้ำไปไม่ได้เลย ถึงจะเป็นสำหรับคาวแต่รับประทานแล้วสดชื่นจากรสชาติหวานหอมของสับปะรด หัวกะทิคั้นสดรสชาติหวานหอม รับประทานกับแจงลอนซึ่งทำให้อร่อยรสชาติต้องไม่คาว กินแบบคลุกเคล้ากับเครื่องทำหมดได้แก่ ขิงอ่อนซอยบางๆ กระเทียมซอยเป็นแผ่นบางๆ กุ้งแห้งป่นฟู ปรุงรสให้ครบได้แก่ น้ำตาล (ถ้าเป็นแถบราชบุรี เพชรบุรีจะใช้น้ำตาลมะพร้าวเคี่ยว) น้ำปลา (พริกขี้หนูซอย) บีบมะนาวเล็กน้อย เป็นขนมจีนที่เรียกว่าอร่อยตำรับใครตำรับมันเพราะเเล้วแต่รสชาติที่ถูกใจของคนปรุง แต่โดยรวมแล้วเมนูนี้รับประทานแล้วอร่อยสดชื่นรับหน้าร้อนแน่นอน

ผักตระกูลเคลมีมากมายหลายสายพันธุ์ และเป็นผักตระกูลเดียวกับกะหล่ำปลี วอเตอร์เครส บร็อกโคลี่ กะหล่ำม่วง ดอกกะหล่ำ ในไทยมีเคล 2 สายพันธุ์ที่เป็นที่นิยม เพราะปลูกง่าย หากินง่าย คือ เคลใบหยิก (Curly Kale) ลักษณะขอบใบหยิก ลำต้นแข็ง รสชาติคล้ายกะหล่ำ ออกขมนิดๆ นิยมนำมากินเป็นสลัด ทำสมูทตี้ ปั่นเป็นน้ำผัก และ เคลใบตรง (Lacinato Dinosaur Kale) หรือบางทีเรียกว่า เคลไดโนเสาร์ ใบสีเขียวเข้มกว้าง 2-3 นิ้ว ใบมีลักษณะตรงแต่มีรอยย่น รสชาติออกหวานกว่าเคลใบหยิก นิยมนำมากินเป็นสลัด

ใกล้หน้าร้อนเมื่อไหร่ ผลไม้ยอดนิยมอย่างมะยงชิดก็เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตเลยจะมีเมนูที่ทำจากมะยงชิดมากมาย วันนี้เลยจะมาแจกเมนูที่ทำจากมะยงชิดนำไปทำเป็น "ตำมะยงชิด" รสแซ่บที่ไม่เหมือนใคร เพราะสูตรนี้ดัดแปลงมาจากน้ำพริกกะปิ ทำให้หอมกะปิ เข้ากันกับมะยงชิดเปรี้ยวอมหวานเป็นที่สุด และยังโรยปลากรอบและกุ้งแห้ง เพิ่มความอร่อยให้กับตำมะยงชิดอีกด้วย

ไก่ทอดมะขามเปียกสูตรนี้เหมาะกับคนชอบกินไก่ทอดแบบไม่มีกระดูก เพราะใช้เเต่เนื้ออกไก่นำมาแล่แผ่ให้บางลง หมักเครื่องหมักที่ปรุงด้วยน้ำมะขามเป็นหลักจึงช่วยให้เนื้อไก่นุ่ม สูตรนี้ใส่น้ำมันงาเพื่อทำให้กลิ่นหอมกลมกล่อม นำไก่คลุกแป้งแล้วนำไปทอดจนกรอบเหลือง เสิร์ฟกับน้ำจิ้มน้ำมะขามซ้ำอีกทีช่วยชูรสชาติไก่ทอดน้ำมะขามให้ชัดเจนขึ้น

กะปิพล่าเครื่องปรุงคล้ายน้ำพริกกะปิ ได้แก่ กะปิ กระเทียม หอมแดง พริกขี้หนู กุ้งแห้ง น้ำตาล มะนาว ต่างกันตรงที่มีน้ำ เนื้อและผิวส้มซ่าเข้ามาเสริมรสเปรี้ยวและกลิ่นหอมของส้มซ่า ข้อแตกต่างสำคัญคือกะปิพล่าไม่ต้องโขลกในครก ใช้วิธีผสมให้เครื่องต่างๆเข้ากันในถ้วยหรือชาม ดังนั้นส่วนผสมต่างๆเช่น กระเทียม หอม กุ้งแห้งจึงต้องหั่นซอยให้บางให้เป็นเนื้อสัมผัสเวลากิน กะปิพล่ารับประทานกับผักสด ผักต้ม มีเครื่องเคียงเพิ่มความอร่อยเช่น ปลาช่อนแดดเดียวและหมูหวาน ใครจะกินกับไข่ต้มก็ได้ อร่อยเหมือนกัน

นอกจากคาร์โบนาราแล้ว Amatriciana (อมาตรีชานา) เป็นหนึ่งในซอสคลาสสิกของอาหารอิตาเลียน ถือกำเนิดขึ้นที่กรุงโรมในแคว้นลาซิโอ้ แต่เดิมพื้นฐานเป็นแค่ซอสมะเขือเทศเผ็ดๆใส่ guanciale (กวนชาเล่ หรือ อิตาเลียนเบคอนที่ใช้ส่วนแก้มหมู) และชีสเพคโคริโน (pecorino) สูตรนี้เพิ่มเนื้อซอสโดยการใส่มะเขือม่วงเข้าไปด้วย และผัดกับ Papadelle (พัพพาร์เดลเล่ย์) พาสต้าไข่เส้นแบนคล้ายก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ ผัดให้น้ำซอสซึมเข้าเนื้อเส้น ก่อนเสิร์ฟโรยริคอตต้าชีส แล้วหยอดเพสโต้าเล็กน้อยเสริมกลิ่นโหระพาไปกับซอสมะเขือเทศ กินกับร็อกเกตให้รสเผ็ดอ่อนๆในปาก

หนึ่งในอาหารฤดูร้อนของคนโบราณจะขาดขนมจีนซาวน้ำไปไม่ได้เลย ถึงจะเป็นสำหรับคาวแต่รับประทานแล้วสดชื่นจากรสชาติหวานหอมของสับปะรด หัวกะทิคั้นสดรสชาติหวานหอม รับประทานกับแจงลอนซึ่งทำให้อร่อยรสชาติต้องไม่คาว กินแบบคลุกเคล้ากับเครื่องทำหมดได้แก่ ขิงอ่อนซอยบางๆ กระเทียมซอยเป็นแผ่นบางๆ กุ้งแห้งป่นฟู ปรุงรสให้ครบได้แก่ น้ำตาล (ถ้าเป็นแถบราชบุรี เพชรบุรีจะใช้น้ำตาลมะพร้าวเคี่ยว) น้ำปลา (พริกขี้หนูซอย) บีบมะนาวเล็กน้อย เป็นขนมจีนที่เรียกว่าอร่อยตำรับใครตำรับมันเพราะเเล้วแต่รสชาติที่ถูกใจของคนปรุง แต่โดยรวมแล้วเมนูนี้รับประทานแล้วอร่อยสดชื่นรับหน้าร้อนแน่นอน

ผักตระกูลเคลมีมากมายหลายสายพันธุ์ และเป็นผักตระกูลเดียวกับกะหล่ำปลี วอเตอร์เครส บร็อกโคลี่ กะหล่ำม่วง ดอกกะหล่ำ ในไทยมีเคล 2 สายพันธุ์ที่เป็นที่นิยม เพราะปลูกง่าย หากินง่าย คือ เคลใบหยิก (Curly Kale) ลักษณะขอบใบหยิก ลำต้นแข็ง รสชาติคล้ายกะหล่ำ ออกขมนิดๆ นิยมนำมากินเป็นสลัด ทำสมูทตี้ ปั่นเป็นน้ำผัก และ เคลใบตรง (Lacinato Dinosaur Kale) หรือบางทีเรียกว่า เคลไดโนเสาร์ ใบสีเขียวเข้มกว้าง 2-3 นิ้ว ใบมีลักษณะตรงแต่มีรอยย่น รสชาติออกหวานกว่าเคลใบหยิก นิยมนำมากินเป็นสลัด

ใกล้หน้าร้อนเมื่อไหร่ ผลไม้ยอดนิยมอย่างมะยงชิดก็เป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิตเลยจะมีเมนูที่ทำจากมะยงชิดมากมาย วันนี้เลยจะมาแจกเมนูที่ทำจากมะยงชิดนำไปทำเป็น "ตำมะยงชิด" รสแซ่บที่ไม่เหมือนใคร เพราะสูตรนี้ดัดแปลงมาจากน้ำพริกกะปิ ทำให้หอมกะปิ เข้ากันกับมะยงชิดเปรี้ยวอมหวานเป็นที่สุด และยังโรยปลากรอบและกุ้งแห้ง เพิ่มความอร่อยให้กับตำมะยงชิดอีกด้วย

ไก่ทอดมะขามเปียกสูตรนี้เหมาะกับคนชอบกินไก่ทอดแบบไม่มีกระดูก เพราะใช้เเต่เนื้ออกไก่นำมาแล่แผ่ให้บางลง หมักเครื่องหมักที่ปรุงด้วยน้ำมะขามเป็นหลักจึงช่วยให้เนื้อไก่นุ่ม สูตรนี้ใส่น้ำมันงาเพื่อทำให้กลิ่นหอมกลมกล่อม นำไก่คลุกแป้งแล้วนำไปทอดจนกรอบเหลือง เสิร์ฟกับน้ำจิ้มน้ำมะขามซ้ำอีกทีช่วยชูรสชาติไก่ทอดน้ำมะขามให้ชัดเจนขึ้น

กะปิพล่าเครื่องปรุงคล้ายน้ำพริกกะปิ ได้แก่ กะปิ กระเทียม หอมแดง พริกขี้หนู กุ้งแห้ง น้ำตาล มะนาว ต่างกันตรงที่มีน้ำ เนื้อและผิวส้มซ่าเข้ามาเสริมรสเปรี้ยวและกลิ่นหอมของส้มซ่า ข้อแตกต่างสำคัญคือกะปิพล่าไม่ต้องโขลกในครก ใช้วิธีผสมให้เครื่องต่างๆเข้ากันในถ้วยหรือชาม ดังนั้นส่วนผสมต่างๆเช่น กระเทียม หอม กุ้งแห้งจึงต้องหั่นซอยให้บางให้เป็นเนื้อสัมผัสเวลากิน กะปิพล่ารับประทานกับผักสด ผักต้ม มีเครื่องเคียงเพิ่มความอร่อยเช่น ปลาช่อนแดดเดียวและหมูหวาน ใครจะกินกับไข่ต้มก็ได้ อร่อยเหมือนกัน

นอกจากคาร์โบนาราแล้ว Amatriciana (อมาตรีชานา) เป็นหนึ่งในซอสคลาสสิกของอาหารอิตาเลียน ถือกำเนิดขึ้นที่กรุงโรมในแคว้นลาซิโอ้ แต่เดิมพื้นฐานเป็นแค่ซอสมะเขือเทศเผ็ดๆใส่ guanciale (กวนชาเล่ หรือ อิตาเลียนเบคอนที่ใช้ส่วนแก้มหมู) และชีสเพคโคริโน (pecorino) สูตรนี้เพิ่มเนื้อซอสโดยการใส่มะเขือม่วงเข้าไปด้วย และผัดกับ Papadelle (พัพพาร์เดลเล่ย์) พาสต้าไข่เส้นแบนคล้ายก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ ผัดให้น้ำซอสซึมเข้าเนื้อเส้น ก่อนเสิร์ฟโรยริคอตต้าชีส แล้วหยอดเพสโต้าเล็กน้อยเสริมกลิ่นโหระพาไปกับซอสมะเขือเทศ กินกับร็อกเกตให้รสเผ็ดอ่อนๆในปาก

หนึ่งในอาหารฤดูร้อนของคนโบราณจะขาดขนมจีนซาวน้ำไปไม่ได้เลย ถึงจะเป็นสำหรับคาวแต่รับประทานแล้วสดชื่นจากรสชาติหวานหอมของสับปะรด หัวกะทิคั้นสดรสชาติหวานหอม รับประทานกับแจงลอนซึ่งทำให้อร่อยรสชาติต้องไม่คาว กินแบบคลุกเคล้ากับเครื่องทำหมดได้แก่ ขิงอ่อนซอยบางๆ กระเทียมซอยเป็นแผ่นบางๆ กุ้งแห้งป่นฟู ปรุงรสให้ครบได้แก่ น้ำตาล (ถ้าเป็นแถบราชบุรี เพชรบุรีจะใช้น้ำตาลมะพร้าวเคี่ยว) น้ำปลา (พริกขี้หนูซอย) บีบมะนาวเล็กน้อย เป็นขนมจีนที่เรียกว่าอร่อยตำรับใครตำรับมันเพราะเเล้วแต่รสชาติที่ถูกใจของคนปรุง แต่โดยรวมแล้วเมนูนี้รับประทานแล้วอร่อยสดชื่นรับหน้าร้อนแน่นอน

ผักตระกูลเคลมีมากมายหลายสายพันธุ์ และเป็นผักตระกูลเดียวกับกะหล่ำปลี วอเตอร์เครส บร็อกโคลี่ กะหล่ำม่วง ดอกกะหล่ำ ในไทยมีเคล 2 สายพันธุ์ที่เป็นที่นิยม เพราะปลูกง่าย หากินง่าย คือ เคลใบหยิก (Curly Kale) ลักษณะขอบใบหยิก ลำต้นแข็ง รสชาติคล้ายกะหล่ำ ออกขมนิดๆ นิยมนำมากินเป็นสลัด ทำสมูทตี้ ปั่นเป็นน้ำผัก และ เคลใบตรง (Lacinato Dinosaur Kale) หรือบางทีเรียกว่า เคลไดโนเสาร์ ใบสีเขียวเข้มกว้าง 2-3 นิ้ว ใบมีลักษณะตรงแต่มีรอยย่น รสชาติออกหวานกว่าเคลใบหยิก นิยมนำมากินเป็นสลัด
Recommended Videos