เปิด "ตำราอาหาร" ได้ที่นี่

 

recipe

มูสครีมชีสมะยงชิด

Recipe by ชรินรัตน์ จริงจิตร

Serves

5 ชิ้น

Level

3

เนื้อมูสรสชาติกลมกล่อมของครีมชีสและเนื้อมะยงชิดที่นำไปปั่นแล้วนำมาทำเป็นเนื้อมูส เทใส่พิมพ์วงกลมให้เซตตัว จัดเสิร์ฟใส่จานราดด้วยซอสเกลซมะยงชิดรสชาติเปรี้นวอมหวาน โรยรอบๆเนื้อมูสด้วยครัมเบิลกรุบกรอบ ตกแต่งด้านบนด้วยเนื้อมะยงชิด

INGREDIENTS

เจลาตินชนิดแผ่น

5 กรัม

เนื้อมะยงชิด

400 กรัม

ครีมชีส

100 กรัม

น้ำตาลทราย

30 กรัม

วิปปิ้งครีม

100 กรัม

เนื้อมะยงชิดสไลซ์และใบสะระแหน่สำหรับตกแต่ง

อุปกรณ์ พิมพ์วงแหวนกลมขนาด 3 x 2 นิ้ว จำนวน 5 พิมพ์ พลาสติกแรปหรือแผ่นอะลูมิเนียมฟอยด์

METHOD

1. อุ่นเตาอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส เตรียมไว้ เตรียมพิมพ์โดยหุ้มด้านล่างของพิมพ์ด้วยพลาสติกแรปหรือแผ่นอะลูมิเนียมฟอยด์ ทำจนครบทุกพิมพ์ นำพิมพ์วางบนถาด นำเข้าแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดา พักไว้

 

2. ทำมูสครีมชีสโดยแช่แผ่นเจลาตินในอ่างน้ำเย็นจัดจนนุ่ม ปั่นเนื้อมะยงชิดด้วยเครื่องปั่นน้ำจนเนียนละเอียด พักไว้ ใส่ครีมชีสและน้ำตาลทรายลงในอ่างผสมอีกใบ ตีส่วนผสมให้เข้ากันด้วยเครื่องตีไข่ไฟฟ้าจนนุ่มเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน ใส่มะยงชิดปั่น ใช้ตะกร้อมือคนให้ส่วนผสมเข้ากัน ละลายเจลาตินที่นุ่มแล้วในไมโครเวฟด้วยไฟอ่อน ใส่เจลาตินละลายลงในมูสครีมชีส คนให้เข้ากัน พักไว้

 

3. ตีวิปปิ้งครีมในอ่างผสมอีกใบด้วยตะกร้อมือจนข้นฟู แบ่งวิปปิ้งครีมลงผสมกับส่วนผสมมูสทีละครึ่ง จนเข้ากันดี พักไว้ ตักมูสใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้ นำเข้าแช่ในตู้เย็นช่องธรรมดาจนกว่าเนื้อมูสจะเซ็ตตัว

 

4. ระหว่างรอเนื้อมูสเซ็ตตัว ทำเกลซมะยงชิดโดยแช่แผ่นเจลาตินในน้ำเย็นจัดจนนุ่ม ปั่นเนื้อมะยงชิดด้วยเครื่องปั่นน้ำจนเนียนละเอียด เทใส่หม้อ ยกหม้อขึ้นตั้งบนไฟกลางใส่น้ำตาลทราย คนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากัน และน้ำตาลละลาย ปิดไฟ ใส่เจลาตินที่นุ่มแล้วลงในหม้อ คนให้เจลาตินละลาย พักไว้ให้หายร้อน

 

5. ทำครัมเบิลโดยใส่แป้งสาลีอเนกประสงค์และเกลือป่น ลงในอ่างผสม คนให้เข้ากัน ใส่เนยลงในอ่างแป้ง ใช้มือถูเนยกับแป้งให้เข้ากันจนมีลักษณะคล้ายเมล็ดถั่ว ใส่ครัมเบิลลงในถาด นำเอาเตาอบที่อุ่นไว้ อบนานประมาณ 15 นาที นำออกจากเตา พักไว้ให้เย็น

 

6. นำมูสออกจากตู้เย็น ประคบรอบพิมพ์ด้วยผ้าชุบน้ำอุ่นให้เนื้อมูสคลายตัว ค่อยๆ ดึงพิมพ์ออก วางเนื้อมูสลงบนจาน ราดด้วยเกลซมะยงชิด วางเนื้อมะยงชิดสไลซ์และใบสะระแหน่ด้านบน ตกแต่งรอบมูสด้วยครัมเบิล เสิร์ฟ

Share this content

Tags:

กินตามกาล, ขนมหวาน, ของหวาน, ผลไม้ตามฤดูกาล, อาหารตามฤดูกาล, เมนูขนมหวาน, เมนูของหวาน

Recommended Articles

Recipeน้อยหน่าน้ำกะทิ
น้อยหน่าน้ำกะทิ

‘น้อยหน่า’ ผลไม้ไทยรสหอมหวานเนื้อละมุนลิ้นที่นอกจากกินเป็นผลไม้แล้วคนโบราณยังนิยมนำมาทำเป็นของหวานได้อีกด้วยกับเมนู น้อยหน่าน้ำกะทิ ซึ่งจะใช้น้อยหน่าหนังพันธุ์เพชรปากช่อง ความพิเศษของพันธุ์นี้คือ ลูกใหญ่ เนื้อเยอะ เมื่อสุกกำลังดีเนื้อจะนุ่มหนึบไม่เละง่าย ที่สำคัญเมล็ดน้อย เป็นเมนูขนมหวานที่ไม่อยากให้พลาดในฤดูกาลนี้จริงๆ

 

Recipeมะกรูดลอยแก้ว
มะกรูดลอยแก้ว

มะกรูด เป็นพืชในตระกลูส้มและมะนาว (Citrus) คนไทยส่วนใหญ่นิยมปลูกมะกรูดไว้ใช้ประโยชน์ในครัวเรือน โดยเฉพาะส่วนใบและผล ด้วยกลิ่นหอมเฉพาะตัวของมะกรูดที่ทำให้รู้สึกสดชื่น นอกจากมีบทบาทในอาหารคาวแล้ว มะกรูดยังมีบทบาทในอาหารหวาน ทั้งนำเนื้อมากวนไส้ นำไปเชื่อมรวมถึงการลอยแก้ว มะกรูดลอยแก้ว เป็นของหวานดับร้อนของคนในสมัยก่อน ดูเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยรายละเอียดต่าง ๆ มากมาย ด้วยลักษณะของมะกรูดที่มีกลิ่นรสเฉพาะตัว จึงต้องอาศัยเทคนิคและความใส่ใจ เพื่อให้ได้เนื้อมะกรูดลอยแก้วที่มีความนุ่มหนึบ ใสดั่งแก้ว ชิมรสเปรี้ยว หวาน เค็ม ครบสามรส หอมกลิ่นมะกรูดอ่อนๆ เอาไว้กินกับน้ำแข็งเพิ่มความสดชื่นในวันที่อากาศร้อน

 

Recipeมะกรูดลอยแก้ว
มะกรูดลอยแก้ว

มะกรูด เป็นพืชในตระกลูส้มและมะนาว (Citrus) คนไทยส่วนใหญ่นิยมปลูกมะกรูดไว้ใช้ประโยชน์ในครัวเรือน โดยเฉพาะส่วนใบและผล ด้วยกลิ่นหอมเฉพาะตัวของมะกรูดที่ทำให้รู้สึกสดชื่น นอกจากมีบทบาทในอาหารคาวแล้ว มะกรูดยังมีบทบาทในอาหารหวาน ทั้งนำเนื้อมากวนไส้ นำไปเชื่อมรวมถึงการลอยแก้ว มะกรูดลอยแก้ว เป็นของหวานดับร้อนของคนในสมัยก่อน ดูเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยรายละเอียดต่าง ๆ มากมาย ด้วยลักษณะของมะกรูดที่มีกลิ่นรสเฉพาะตัว จึงต้องอาศัยเทคนิคและความใส่ใจ เพื่อให้ได้เนื้อมะกรูดลอยแก้วที่มีความนุ่มหนึบ ใสดั่งแก้ว ชิมรสเปรี้ยว หวาน เค็ม ครบสามรส หอมกลิ่นมะกรูดอ่อนๆ เอาไว้กินกับน้ำแข็งเพิ่มความสดชื่นในวันที่อากาศร้อน

 

Recipeมะกรูดลอยแก้ว
มะกรูดลอยแก้ว

มะกรูด เป็นพืชในตระกลูส้มและมะนาว (Citrus) คนไทยส่วนใหญ่นิยมปลูกมะกรูดไว้ใช้ประโยชน์ในครัวเรือน โดยเฉพาะส่วนใบและผล ด้วยกลิ่นหอมเฉพาะตัวของมะกรูดที่ทำให้รู้สึกสดชื่น นอกจากมีบทบาทในอาหารคาวแล้ว มะกรูดยังมีบทบาทในอาหารหวาน ทั้งนำเนื้อมากวนไส้ นำไปเชื่อมรวมถึงการลอยแก้ว มะกรูดลอยแก้ว เป็นของหวานดับร้อนของคนในสมัยก่อน ดูเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยรายละเอียดต่าง ๆ มากมาย ด้วยลักษณะของมะกรูดที่มีกลิ่นรสเฉพาะตัว จึงต้องอาศัยเทคนิคและความใส่ใจ เพื่อให้ได้เนื้อมะกรูดลอยแก้วที่มีความนุ่มหนึบ ใสดั่งแก้ว ชิมรสเปรี้ยว หวาน เค็ม ครบสามรส หอมกลิ่นมะกรูดอ่อนๆ เอาไว้กินกับน้ำแข็งเพิ่มความสดชื่นในวันที่อากาศร้อน

 

Recommended Videos