ในบรรดาขนมเปียก ‘เปียกข้าวฟ่าง’ เป็นขนมที่หากินได้ยากสุด แฟนพันธุ์แท้ขนมไทยรู้กันดีเลยว่ามันหากินยากระดับไหน เราเลยได้ยินคนพูดถึงไม่บ่อยนัก ถ้าเทียบกับเปียกสาคู เปียกข้าวโพด เปียกข้าวเหนียวลำไย ทั้งที่การทำขนมตระกูลเปียกทั้งหลายมีหลักการเหมือนๆ กันคือกวนแป้งกับน้ำตาล แล้วเติมวัตถุดิบที่จะเอามาเปียกลงไป ตักกินอุ่นๆ ราดด้วยกะทิเค็มปะแล่มตัดรสนิดหน่อย เป็นขนมที่ทำกินในครัวบ้านได้ง่ายๆ

รสชาติเปียกข้าวฟ่างเด่นที่กลิ่นหอมและสัมผัสจากเมล็ดข้าวฟ่างที่เป็นเม็ดเล็กๆ เคลือบด้วยน้ำกะทิเค็มปะแล่มให้สัมผัสหวานละมุน และไม่จับตัวกันเป็นก้อน เวลาทำเปียกข้าวฟ่างนิยมแต่งกลิ่นด้วยน้ำใบเตยหอม จากเมล็ดสีเหลืองเลยถูกย้อมด้วยสีของใบเตยเป็นเขียวอ่อน

 

ข้าวฟ่างเป็นธัญพืชตระกูลหญ้าที่ขึ้นได้ดีในภูมิประเทศเขตร้อนและอบอุ่น เช่น แอฟริกา อินเดีย จีน สหรัฐอเมริการวมถึงไทยปลูกที่จังหวัดนครสวรรค์ ลพบุรี เพชรบูรณ์ ปลูกมากทางภาคใต้ ข้าวฟ่างมีหลายสายพันธุ์ ทั้งที่ปลูกเพื่อนำลำต้นมาทำอาหารสัตว์ ทำไม้กวาด หรืออย่างข้าวฟ่างหวานที่มีความหวานอยู่มากก็นำไปทำน้ำเชื่อมได้ ส่วนพันธุ์ที่นิยมปลูกเพื่อกินเมล็ดในบ้านเราคือสายพันธุ์หางกระรอก บ้างก็เรียกว่าหางหมาค่ะ ชื่อที่ได้ก็มาจากหน้าตารวงข้าวฟ่างที่ละม้ายคล้ายหางหมา หางกระรอก

ความที่ข้าวฟ่างเต็มไปด้วยสรรพคุณดีต่อร่างกาย มีทั้งเส้นใยอาหารชั้นดีสูง แคลเซียม แมกนีเซียม และธาตุเหล็กในปริมาณสูง มีสารแทนนินที่เปลือกหุ้ม ช่วยต้านน้ำตาลในกระแสเลือด ทำให้อินซูลินฮอร์โมนทำงานเป็นปกติ สายสุขภาพจึงนิยมนำมาหุงกินแทนข้าว ใส่ในสลัด ภาคใต้ของไทยเรายังเป็นแหล่งปลูกข้าวฟ่างสายพันธุ์ดีส่งออกไปญี่ปุ่นซึ่งนิยมนำไปคั่วชงเป็นชาข้าวฟ่าง ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งปลูกเลยมีขนมที่ทำจากข้าวฟ่าง ทั้งข้าวฟ่างกวนที่เป็นของดีเมืองสงขลา ใช้เมล็ดข้าวฟ่างกวนกับน้ำตาลโตนดและกะทิ ส่วนขนมเปียกข้าวฟ่างสำหรับคนใต้ก็รู้จักจากครัวบ้านที่แม่ทำให้กินเป็นส่วนใหญ่ แต่ทั้งข้าวฟ่างกวนและเปียกข้าวฟ่างใช่จะมีให้กินแค่ภาคใต้นะคะ หลายจังหวัดที่มีการปลูกข้าวฟ่างก็นิมยมเอามาทำกินเช่นกัน

 

ขนมเปียกข้าวฟ่างของทางใต้นิยมเคี่ยวกับน้ำตาลโตนด เปียกข้าวฟ่างจึงออกสีน้ำตาลคาราเมล ได้กลิ่นหอมและรสหวานจากน้ำตาลโตนด บ้างก็มีขายในร้านอาหารใต้ที่มีขนมหวานไว้เสิร์ฟลูกค้า อย่างร้านข้าวแกงใต้ในเมืองกรุงฯ เองก็มีอยู่บ้างค่ะ ต้องลองถามไถ่ร้านดู เพราะส่วนมากจะหมดไวก่อนข้าวแกงเสียอีก

ที่หยิบยกเปียกข้าวฟ่างมาพูดถึงกัน เพราะเป็นขนมไทยอร่อย ทำง่าย และมากประโยชน์ เลยตั้งใจแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักไปหามากิน หรือไปเจอที่ไหนก็ลองซื้อชิมกันดู แต่ถ้าหายากนักก็ทำกินกันในครอบครัวดูค่ะ อร่อยถูกใจทุกวัย เว้นแต่กับผู้ที่มีภาวะไทรอยด์ควรหลีกเลี่ยงก่อนนะคะ เพราะมีสารกอยโทรเจนซึ่งจะไปยับยั้งการทำงานของไทรอยด์

สำหรับใครพร้อมเข้าครัวทำเปียกข้าวฟ่างอุ่นๆ อร่อยรับลมหนาวกินกันที่บ้านทำตามสูตรนี้ได้เลยค่ะ อร่อย หวานละมุนกำลังดี

ซื้อเมล็ดข้าวฟ่างได้ที่

"> ซื้อเมล็ดข้าวฟ่างได้ที่ Shopee: https://shope.ee/5zqzDEfRMA
"> Lazada: https://s.lazada.co.th/s.78pUL

หรือใครยังไม่พร้อมทำตามไปกินได้ที่ร้านเหล่านี้เลยค่ะ เราลิสต์มาให้แล้ว แต่โทรสอบถามสักนิดก็ดีนะคะ เพราะเปียกข้าวฟ่างแทบจะเป็นแรร์ไอเท็มของแต่ละร้านเลย หมดไวกันซะเหลือเกิน

• ร้านขนมหวานเกียงเม้งเยาวราช มีขนมไทยหลายชนิดรวมถึงข้าวฟ่างเป็นเมนูขายดี https://www.facebook.com/SweetKiangMeng/ / โทร. 093 246 6351
  
• ร้านสมทรงโภชนาวัดสังเวช เป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย และอาหารไทย และมีเปียกข้าวฟ่างที่ทุกคนบอกกันปากต่อปากว่าอร่อย โทร. 081 827 2394

สูตรข้าวฟ่างเปียก (สำหรับ 6 คน)

ข้าวฟ่าง 1 ถ้วย (150 กรัม)

น้ำ 1½ ถ้วย

แป้งข้าวโพด 3 ช้อนชา

น้ำใบเตย 1 ถ้วย

(ใบเตยซอย 8 ใบซอยปั่นกับน้ำ 1 ถ้วย)

น้ำตาลทราย 9 ช้อนโต๊ะ

หัวกะทิหยอดหน้า

หัวกะทิ 2½ ถ้วย

เกลือสมุทร 1¼ ช้อนชา

แป้งมัน 2 ช้อนชา

แป้งท้าวยายม่อม 2 ช้อนชา

ใบเตยมัดปม 1 มัด

 

วิธีทำ

1. ล้างข้าวฟ่างให้สะอาด 2-3 น้ำ จนน้ำที่ซาวใส เทข้าวฟ่างใส่กระชอนให้สะเด็ดน้ำ พักไว้ ตั้งหม้อน้ำจนเดือด ใส่ข้าวฟ่างลงต้ม 4 นาที ระหว่างนั้นละลายแป้งข้าวโพดกับน้ำใบเตย ใส่ลงในหม้อ คนให้เข้ากัน ตามด้วยน้ำตาล เคี่ยวพอข้นและมันวาว ปิดไฟ ตักใส่ถ้วย พักไว้

 

2. ทำหัวกะทิหยอดหน้าโดยใส่หัวกะทิ 2 ถ้วย และเกลือลงในหม้อ ยกขึ้นตั้งบนไฟอ่อน ละลายแป้งมันและแป้งท้าวยายม่อมกับหัวกะทิ ½ ถ้วยที่เหลือ คนให้ละลาย พอหัวกะทิในหม้อเริ่มเดือด ค่อยๆเทแป้งละลายลงไป เคี่ยวพอให้แป้งสุกและกะทิข้นเล็กน้อย ปิดไฟ พักไว้

 

3. จัดเสิร์ฟโดยตักเปียกข้าวฟ่างใส่ถ้วย ราดด้วยน้ำกะทิ รับประทานอุ่นๆ