เปิด "ตำราอาหาร" ได้ที่นี่
Serves
11 ชิ้น
Level
3
INGREDIENTS
มันฝรั่ง (หัวละ 130 กรัม)
2 หัว
หอมใหญ่สับละเอียด
½ ถ้วย
ต้นหอมซอย
1 ช้อนโต๊ะ
แฮมหั่นลูกเต๋าเล็ก
½ ถ้วย
ปูอัดหั่นท่อนเล็ก
1½ ถ้วย
พาร์มีซานชีสขูด
1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น
1 ช้อนชา
พริกไทยขาวป่น
½ ช้อนชา
แป้งสาลีอเนกประสงค์ ไข่ไก่ตีพอเข้ากัน และเกล็ดขนมปังสำหรับคลุกมันฝรั่ง
มายองเนสและซอสมะเขือเทศสำหรับจัดเสิร์ฟ
ช่อพาร์สเลย์สำหรับตกแต่ง
METHOD
1. ทำโครเกตมันฝรั่งโดยตั้งหม้อน้ำนึ่งบนไฟกลางพอเดือด นึ่งมันฝรั่งในลังถึงประมาณ 25-30 นาที พอครบกำหนด ใช้ไม้จิ้มดูว่ามันฝรั่งสุกทั่วแล้ว (ถ้ามันฝรั่งสุกดี เมื่อใช้ไม้จิ้ม จะดึงไม้ขึ้นมาได้อย่างง่าย)ปิดไฟ พักให้หายร้อน พอมันฝรั่งหายร้อนปอกเปลือกมันฝรั่งให้หมดบดด้วยที่บดมันจนละเอียด พักไว้
2. ผสมหอมใหญ่ ต้นหอม แฮมหั่นลูกเต๋า และปูอัด ในอ่างผสม ใส่มันฝรั่งบดแล้วลงในอ่างผสม ปรุงรสด้วยพาร์มีซาน เกลือ และพริกไทย คลุกเคล้าส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันพักไว้
3. ปั้นมันฝรั่งเป็นก้อนทรงวงรี ก้อนละประมาณ 50 กรัม จนหมด พักไว้หลังจากนั้นนำมันฝรั่งชุบแป้งสาลีไข่ไก่ และเกล็ดขนมปัง ตามลำดับทำจนครบ
4. ตั้งกระทะน้ำมันบนไฟกลาง พอร้อน นำโครเกตลงทอดให้สีเหลืองสวย ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
5. จัดโครเกตใส่จานตกแต่งด้วยช่อพารส์เลย์เสิรฟ์ พร้อมมายองเนสและซอสมะเขือเทศ
บทความเพิ่มเติม
Gallery
Recommended Articles
ขนมเทียนบ้านเชฟน่าน เป็นอาหารสัญชาติไหนก็ยากจะบอกได้ แต่รูปลักษณ์คล้ายกับขนมเทียนไหว้เจ้าของชาวจีน เป็นรูปสามเหลี่ยมปีระมิด ใช้แป้งข้าวเหนียวเป็นหลักมีผสมแป้งข้าวเจ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไส้ด้านในเป็นไส้คาว คือ หมูสับผัดกับกุ้งแห้ง เห็ดหูหนูดำ และต้นหอม กินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน เป็นเมนูที่ค่อนข้างซับซ้อน มีขั้นตอนในการทำมาก ดังนั้นจึงได้กินเมนูนี้ก็ในช่วงเวลาพิเศษจริง ๆ เช่น สงกรานต์ หรือ ปีใหม่ ที่มีวาระรวมญาติๆ มาล้อมวงช่วยกันปั้นขนมเทียน
อาหารว่างโบราณที่นับว่าหากินอยากอีกชนิดหนึ่งคือกระทงทอง นับวันจะยิ่งไม่ค่อยนิยมทำตามร้านอาหารเพราะต้องละเมียดในการทอดกระทงทีละชิ้น ทีละคำเพื่อใส่ไส้ อีกทั้งจะทอดทิ้งไว้ก็กลัวจะไม่อร่อย กระทงทองจึงเป็นอาหารที่นิยมทำกินเองที่บ้านหรือแจกจ่ายให้เพื่อนสนิทมิตรสหายรักเสียมากกว่า เมื่อได้แป้งกระทงทองที่กรอบบาง ไม่อมน้ำมันแล้ว ไส้กระทงทองก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบ เช่น ไส้ยำส้มโอ ไส้เมี่ยงลาว ไส้ปู ไส้ซอสขาว
เฉาก๊วยเนื้อหนึบหนับ รสชาติหวานกำลังดี กินเย็นๆแล้วชื่นใจสุดๆ เนื้อเฉาก๊วยดำๆนั้นเกิดจากการนำเอาหญ้าเฉาก๊วย มาล้างน้ำให้สะอาดก่อนจะนำไปต้มในน้ำเดือดกับใบเตย ต้มให้เปื่อยดีแล้วคันเอาแต่น้ำก็จะได้เนื้อเฉาก๊วยจากนั้นค่อยนำไปกวนกับน้ำตาลทรายแดงพอให้ละลายดีเข้ากันจากนั้นก็เติมแป้งมันที่ละลายน้ำแล้วก็จะได้เนื้อเฉาก๊วยหนึบหนับไว้กิน
ขนมเทียนบ้านเชฟน่าน เป็นอาหารสัญชาติไหนก็ยากจะบอกได้ แต่รูปลักษณ์คล้ายกับขนมเทียนไหว้เจ้าของชาวจีน เป็นรูปสามเหลี่ยมปีระมิด ใช้แป้งข้าวเหนียวเป็นหลักมีผสมแป้งข้าวเจ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไส้ด้านในเป็นไส้คาว คือ หมูสับผัดกับกุ้งแห้ง เห็ดหูหนูดำ และต้นหอม กินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน เป็นเมนูที่ค่อนข้างซับซ้อน มีขั้นตอนในการทำมาก ดังนั้นจึงได้กินเมนูนี้ก็ในช่วงเวลาพิเศษจริง ๆ เช่น สงกรานต์ หรือ ปีใหม่ ที่มีวาระรวมญาติๆ มาล้อมวงช่วยกันปั้นขนมเทียน
อาหารว่างโบราณที่นับว่าหากินอยากอีกชนิดหนึ่งคือกระทงทอง นับวันจะยิ่งไม่ค่อยนิยมทำตามร้านอาหารเพราะต้องละเมียดในการทอดกระทงทีละชิ้น ทีละคำเพื่อใส่ไส้ อีกทั้งจะทอดทิ้งไว้ก็กลัวจะไม่อร่อย กระทงทองจึงเป็นอาหารที่นิยมทำกินเองที่บ้านหรือแจกจ่ายให้เพื่อนสนิทมิตรสหายรักเสียมากกว่า เมื่อได้แป้งกระทงทองที่กรอบบาง ไม่อมน้ำมันแล้ว ไส้กระทงทองก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบ เช่น ไส้ยำส้มโอ ไส้เมี่ยงลาว ไส้ปู ไส้ซอสขาว
เฉาก๊วยเนื้อหนึบหนับ รสชาติหวานกำลังดี กินเย็นๆแล้วชื่นใจสุดๆ เนื้อเฉาก๊วยดำๆนั้นเกิดจากการนำเอาหญ้าเฉาก๊วย มาล้างน้ำให้สะอาดก่อนจะนำไปต้มในน้ำเดือดกับใบเตย ต้มให้เปื่อยดีแล้วคันเอาแต่น้ำก็จะได้เนื้อเฉาก๊วยจากนั้นค่อยนำไปกวนกับน้ำตาลทรายแดงพอให้ละลายดีเข้ากันจากนั้นก็เติมแป้งมันที่ละลายน้ำแล้วก็จะได้เนื้อเฉาก๊วยหนึบหนับไว้กิน
ขนมเทียนบ้านเชฟน่าน เป็นอาหารสัญชาติไหนก็ยากจะบอกได้ แต่รูปลักษณ์คล้ายกับขนมเทียนไหว้เจ้าของชาวจีน เป็นรูปสามเหลี่ยมปีระมิด ใช้แป้งข้าวเหนียวเป็นหลักมีผสมแป้งข้าวเจ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไส้ด้านในเป็นไส้คาว คือ หมูสับผัดกับกุ้งแห้ง เห็ดหูหนูดำ และต้นหอม กินคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ดรสจัดจ้าน เป็นเมนูที่ค่อนข้างซับซ้อน มีขั้นตอนในการทำมาก ดังนั้นจึงได้กินเมนูนี้ก็ในช่วงเวลาพิเศษจริง ๆ เช่น สงกรานต์ หรือ ปีใหม่ ที่มีวาระรวมญาติๆ มาล้อมวงช่วยกันปั้นขนมเทียน
อาหารว่างโบราณที่นับว่าหากินอยากอีกชนิดหนึ่งคือกระทงทอง นับวันจะยิ่งไม่ค่อยนิยมทำตามร้านอาหารเพราะต้องละเมียดในการทอดกระทงทีละชิ้น ทีละคำเพื่อใส่ไส้ อีกทั้งจะทอดทิ้งไว้ก็กลัวจะไม่อร่อย กระทงทองจึงเป็นอาหารที่นิยมทำกินเองที่บ้านหรือแจกจ่ายให้เพื่อนสนิทมิตรสหายรักเสียมากกว่า เมื่อได้แป้งกระทงทองที่กรอบบาง ไม่อมน้ำมันแล้ว ไส้กระทงทองก็สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามใจชอบ เช่น ไส้ยำส้มโอ ไส้เมี่ยงลาว ไส้ปู ไส้ซอสขาว
เฉาก๊วยเนื้อหนึบหนับ รสชาติหวานกำลังดี กินเย็นๆแล้วชื่นใจสุดๆ เนื้อเฉาก๊วยดำๆนั้นเกิดจากการนำเอาหญ้าเฉาก๊วย มาล้างน้ำให้สะอาดก่อนจะนำไปต้มในน้ำเดือดกับใบเตย ต้มให้เปื่อยดีแล้วคันเอาแต่น้ำก็จะได้เนื้อเฉาก๊วยจากนั้นค่อยนำไปกวนกับน้ำตาลทรายแดงพอให้ละลายดีเข้ากันจากนั้นก็เติมแป้งมันที่ละลายน้ำแล้วก็จะได้เนื้อเฉาก๊วยหนึบหนับไว้กิน
Recommended Videos