
ไอติมผลไม้ในถ้วยผลไม้สด จากไอเดียสุดเจ๋งของคุณลุงเจ้าของร้าน
ในซอยลาดพร้าว 122 มีร้านไอศกรีมโฮมเมดร้านหนึ่งที่กำลังเป็นกระแสไวรัล แม้เพิ่งเปิดได้เพียง 3 เดือนกว่า หลายคนพูดถึงความอร่อยของรสชาติไอศกรีมที่ทำจากผลไม้แท้ ใช้ผลไม้ไทยตามฤดูกาล เสิร์ฟมาในถ้วยจากเปลือกผลไม้อย่างมะละกอ สับปะรด แตงไทย แก้วมังกร มะพร้าวฯลฯ และรสชาติสุดครีเอทอย่างหมาล่า ชื่อร้านว่า กินติมโฮมเมด โดยมีคุณลุงคาแรกเตอร์เท่ น่ารัก ใจดี วัย 78 ปี เป็นเจ้าของร้าน คนทำไอศกรีม เด็กเสิร์ฟ เช็ดโต๊ะ เก็บล้าง รับจบทุกตำแหน่ง
บ่ายวันที่คนลุ้นฉลากกินแบ่งรัฐบาลกันทั้งประเทศ เราเข้าไปที่ร้านพบคุณลุงยิ้มทักทาย พร้อมเดินไปหยิบหมวกเชฟคู่ใจมาใส่เตรียมรับลูกค้าอย่างพวกเรา คุณลุงว่าวันนี้เงียบนิด คนลุ้นรางวัลกันอยู่ ไม่ทันไร ลูกค้ากลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาในร้าน ตามมาด้วยอีกกลุ่มหนึ่ง – – – เห็นทีจะไม่เป็นอย่างลุงว่า

ไอศกรีมผลไม้ ในถ้วยผลไม้ฟอร์มสวย
ร้านไอศกรีมเล็กๆ ที่มีโต๊ะให้นั่งทั้งโซนอินดอร์และเอ๊าดอร์ ในเคาเตอร์คือพื้นที่สร้างสรรค์ผลงานกินได้ คุณลุง พรเทพ สกลกาญจนพร เจ้าของร้าน ง่วนอยู่กับการตักไอศกรีมที่มีอยู่มากกว่า 10 รสชาติ ปอกผลไม้สดๆ ลูกต่อลูก คว้านเนื้อเอามาตกแต่งไว้กินคู่ไอศกรีม ส่วนเปลือกทำเป็นถ้วยฟอร์มสวยตามธรรมชาติ

เราสั่งไอศกรีมถ้วยผลไม้อย่างถ้วยมะละกอกับถ้วยแก้วมังกรที่เลือกรสชาติไอศกรีมได้ตามใจชอบ และไอศกรีมรสหมาล่า พร้อมคำแนะนำในการจับคู่รสชาติไอศกรีมกับถ้วยผลไม้จากคุณลุง “มะละกอจะเข้ากันได้ดีกับไอศกรีมรสเปรี้ยว เช่น สตรอว์เบอรี มะม่วงหาวมะนาวโห่ ลิ้นจี่ เสาวรส สมัยก่อนเวลาคนเขากินมะละกอก็จะบีบมะนาวลงไปนิดหนึ่ง มันเข้ากันนะ ลุงก็ได้ไอเดียจากตรงนั้น” แน่นอนว่าเราเชื่อลุง

ไอศกรีมรวมรสในถ้วยมะละกอ เสิร์ฟมาพร้อมไอศกรีมผลไม้อย่างสตรอว์เบอร์รี รสเปรี้ยวหวาน เสารสเปรี้ยวหวานหอม ลิ้นจี่ เปรี้ยวหวานพอดีหอมลิ้นจี้ สดชื่น ชอบรสนี้กันมาก มะม่วงหาวมะนาวโห่เปรี้ยวหอม ทุกรสคือดึงเอาจุดเด่นของผลไม้ชนิดนั้นๆ ออกมาหมดกินคู่กับเนื้อมะละกอสุกกำลังดี แล้วเข้ากัน กลิ่นมะละกอไปได้ดีกับไอศกรีมเปรี้ยวทุกรส ชอบที่ได้เคี้ยวเนื้อผลไม้สดที่คว้านออกมาด้วย
อีกรสคือทุเรียนหอมมันอร่อย เป็นไอศกรีมทุเรียนที่อร่อยมาก รู้เลยว่าใช้ทุเรียนแท้แบบไม่แต่งกลิ่น กับอะโวคาโดรสมัน นวล ติดนิดเดียวคือกินกับเนื้อแก้วมังกรแล้วไม่เข้ากัน (ลุงเตือนแล้วให้สั่งแยกถ้วยกินเดี่ยวๆ แต่เราฝืน ฮ่าๆ)

ถ้วยต่อมาเป็นรสหมาล่า กินเข้าไปคำแรก เฮ้ย แปลกใหม่ เข้ากันกับเบสไอศกรีมที่เป็นกะทิ ทั้งๆ ที่ไม่น่าไปด้วยกันได้ ชื่นชมไอเดียเลยค่ะ คิดได้และทำได้อร่อย ถ้ามาอย่าลืมสั่งมาลอง นอกเหนือที่เราสั่งคุณลุงยังตักถ้วยเล็กๆ มาให้เราชิมอีกหลายรส ธัญพืชก็หอมอร่อยเลย ปิดท้ายที่ไอติมกะทิรสนวลมันหอม ไม่หวานเลี่ยน ใครชอบกินกะทิต้องสั่ง

จุดเด่นไอศกรีมร้านลุงคือดึงรสผลไม้ออกมาได้ดี ไม่หวานเกินหน้าเกินตาผลไม้จริงตามที่ควรจะเป็น บางชนิดเบลนด์กับกะทิเล็กน้อย สัดส่วนและความโดดเด่นเลยยังอยู่ที่ตัวผลไม้ ไม่ใช่กินไอติมกะทิรสผลไม้ จุดนี้คือชอบมาก เลยหันไปถามเคล็ดลับความอร่อยลุง คุณลุงยิ้มแป้นสบตาเรา แล้วตอบว่า “ถ้าอัตราส่วนบอกไม่ได้ มันเป็นความลับ … ที่บอกได้คือลุงใส่เนื้อผลไม้ แล้วก็วัตถุดิบก็เป็นวัตถุดิบธรรมชาติ เราไม่มีพวกครีม พวกวิปครีม พวกนมเทียม นมผง พวกนี้ไม่มี เบสของเราเป็นกะทิ บางรสใส่บ้างนิดหน่อยให้เป็นตัวเชื่อมเนื้อไอติม เพราะเราไม่ใส่สารเสริมคงรูปหรือตัวช่วยที่ทำให้ไอติมมันเนียน เนื้อไอติมร้านเราเลยจะไม่ได้เนียนจัดๆ ถ้าจะทำให้เนียนก็ทำได้ ใส่โน่นนิด นี่หน่อย แต่เราไม่ทำ เน้นธรรมชาติ มันแตกต่างกันตรงนี้”
ชีวิตเริ่มใหม่ได้เสมอ แม้ในวัย 70
ร้านไอติมเล็กๆ ของคนสูงวัยอายุ 78 ปี ที่เป็นได้ทั้งคุณปู่ คุณตา คุณลุง คือการเริ่มต้นใหม่ในวัยเกษียณ เมื่อลุงบอกกับเราว่า“ลุงไม่มีอาชีพแล้ว เลยต้องมองหาอะไรทำ”พร้อมกลั้วหัวเราะ ก่อนเล่าหนังชีวิตเรื่องยาวของตัวเองในฉบับย่นย่อ ลุงใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป เรียนจบเคมี-สิ่งทอ หางานทำเก็บหอมรอมริบจนมีทุนมาเปิดบริษัทหุ้นกันกับเพื่อน ก่อนจะประสบปัญหาเลิกล้มกิจการและทิ้งหนี้ไว้หลายสิบล้านร่วมกันรับผิดชอบ ทยอยปิดหนี้จนหมด เลยกลับมาเป็นลูกจ้างพนักงานบริษัทอีกครั้ง จนตั้งตัวได้ ล่วงเลยมาถึงวัยเกษียณ
“จากหนี้เยอะๆ สร้างตัวได้ก็ประมาณสัก 10 กว่าปี จนมีปัญหากับครอบครัวก็แยกย้ายกับภรรยา ออกจากบ้านมาตัวเปล่า ลุงใช้ชีวิตแบบยิปซี ค่ำไหนนอนนั่น ไปอาศัยอยู่กับเพื่อนที่มีสวนสับปะรด รับสับปะรดไปขาย จนเริ่มมีเงินนิดหน่อย พอสับปะรดหมดเราก็ไม่รู้จะทำอะไร เราทุนน้อยก็มองหาธุรกิจที่ใช้ทุนไม่มาก ก็เอ๊ะ ไอติมมันไปที่ไหน คนก็กิน เด็กก็กิน ผู้ใหญ่ก็กิน ก็มองช่องทางนี้ เออ มันน่าจะดีนะ เลยศึกษาทาง YouTube มั่ง ไปถามเขามั่ง อะไรสารพัด อย่างที่สุดมันก็เป็นไอติมทั่วๆ ไป แบบธรรมดา ซึ่งมันง่ายแต่ไม่มีจุดเด่น”

ระหว่างที่สูตรของตัวเองยังไม่นิ่ง จึงไปรับไอศกรีมคนอื่นมาขาย แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ด้วยไอศกรีมที่รับมาเหมือนกับคนอื่นๆ ที่ขายอยู่ ไม่แตกต่างอะไร จึงกลับมาจริงจังกับการทำไอศกรีมอีกครั้ง อาศัยพื้นฐานทางเคมีที่เคยเรียนมาปรับใช้กับการมิกซ์อัตราส่วนรสชาติ โดยยึดหลัก ‘ส่วนผสมทั้งหมดต้องมาจากธรรมชาติ’ เลือกเฟ้นหากะทิจากหลากหลายแหล่งจนได้ที่ดีที่สุด ในอัตราส่วนที่เหมาะสมออกมาเป็นไอติมรสกะทิ อร่อย ถูกปากเป็นรสแรก ทว่ายังไม่มีเงินทุน จนกระทั่งพบอาจารย์ท่านหนึ่งเป็นกัลยาณมิตรที่ดี เอื้อเฟื้ออุปกรณ์ถังไอติมที่ไม่ได้ใช้แล้วให้เอามาทำขาย
“สักระยะลูกสาวอาจารย์เขาก็อยากเรียนรู้สูตรไอติมกะทิด้วย เขาว่ามันอร่อย ไม่เหมือนใคร ก็มาเรียนรู้กับเรา บอกจะให้ค่าสูตร 45,000 ตอนนั้นดีใจนะ อยากได้เงิน เพราะเรายังมีทุนไม่มาก แต่พอมาอยู่ด้วยกัน มาเรียนรู้ด้วยกันเหมือนลูกสาวเราอีกคน เลยไม่ได้คิดเรื่องเงินเลย ไม่ได้เอา พอทำได้ก็แยกย้ายกันไปขายไอติม”
การเดินทางของไอศกรีมหลากรสบนรถเร่ ถึงร้านกินติมโฮมเมดที่กรุงเทพฯ
ไอศกรีมรสแรกจึงเป็นไอศกรีมกะทิ ที่ใช้เวลาคิดค้นอยู่นาน จนได้รสอร่อยลงตัว พร้อมเปิดท้ายหลังรถกระบะ ตระเวนขายอยู่ในจังหวัดสุรินทร์ ผลตอบรับเป็นไปด้วยดี และเริ่มมีไอเดียทำรสอื่นๆ ตามมา
“ขายสักพักก็คิดได้ว่า เอ๊ะ ตอนเราอยู่กรุงเทพฯ เคยไปกินไอติมเจ้าดังหลายๆ เจ้าในห้าง เขาทำไอติมทุเรียน มันทำยังไงนะ ก็กลับมาทำดู เอ้า รสชาติเข้าตากรรมการ ได้แล้วไอติมรสที่สองของเรา การทำไอติมไม่ยากนะสำรับคนทำเป็น แต่กว่าจะเริ่มจับจุดทำให้เป็นได้มันยากมาก ขายไปสักพักรถขายผลไม้ที่จอดอยู่ข้างกันเขาก็ถามว่า ลุงๆ ไม่เอาอะโวคาโดไปทำไอติมบ้างเหรอ มันพอจะทำได้มั้ย ผมก็ว่าได้สิ น่าจะได้ เดี๋ยวผมลองทำดู ก็ซื้ออะโวคาโดเขามาลองทำเล็กๆ ดูก่อน อืม เข้าตากรรมการอีกตามเคยได้ไอติมรสที่ 3

“เลยสรุปได้ว่า ถ้ารสนี้ทำได้ ผลไม้ของไทยหรือผลไม้อะไรก็ทำไอติมได้หมด พอถึงหน้ามะม่วงเลยทำไอติมมะม่วงได้เป็นรสที่ 4 ขายมาเรื่อยๆ คนเริ่มติด ร้านเราเริ่มเป็นที่รู้จักจนมีรายการรายการหนึ่งมาถ่าย หลานที่ไม่ได้เจอกัน 30 ปี เขาเห็นเลยติดต่อมา บอกให้อาลงมาขายที่กรุงเทพฯ เดี๋ยวลงทุนให้ทั้งหมด ไม่อยากให้อาไปลำบากเล่ขาย เลยได้มาเปิดร้าน ‘กินเต็ม’ ตั้งชื่อร้านง่ายๆ อยู่ที่ชั้นล่างของโรงแรมโยตกา บูธีคโฮเทล ที่ลาดพร้าว 122 แยก 24 นี่ละครับ”
“ทำไอติมผลไม้เพิ่มมาเรื่อยๆ จากกะทิ ทุเรียน อะโวคาโด สตรอว์เบอร์รี มะม่วง เสาวรส มะม่วงหาวมะนาวโห่ ธัญพืช และลิ้นจี่ รวมทั้งหมดอยู่ 9 รสชาติ แต่ผลไม้บางอย่างมันก็ตามฤดูกาลนะ บางช่วงมี บางช่วงไม่มี แต่รสที่ 10 เป็นรสชาติที่แปลกใหม่สุดที่คิดค้นขึ้นมา คือ “ไอติมหมาล่า” คำว่าหมาล่านี่ทุกคนสนใจ แค่พูดว่าหมาล่าคนก็เข้าใจทันที รู้จักกันทั่วประเทศ แต่ ไอติมหมาล่ายังไม่มีใครรู้จัก มีแต่หมาล่าปิ้งย่าง หมาล่าชาบู เราเลยคิดขึ้นมาให้รสชาติเผ็ดแบบหมาล่าจริง ๆ แต่ไม่ได้ใช้เครื่องหมาล่าเข้ามาผสมนะ ใช้เป็นเครื่องเคียงจับคู่กับส่วนผสมของไอติมเบสกะทิ ใครมาแนะนำให้ลองครับ”

นอกจากไอศกรีมที่มีรสชาติโดดเด่น มีจุดยืนชัดเจนว่าเป็นไอติมผลไม้ ไม่ใส่นม วิปครีม นมข้น สารเสริมใดๆ ทั้งสิ้น ถ้วยผลไม้สดพร้อมเนื้อคว้านกินคู่ไอศกรีมยังทำให้ร้านกลายเป็นที่จดจำ โดยไอเดียตั้งต้นมาจากความสนุกในการทำไอศกรีม ทำให้ในแต่ละวันมองหาไอเดียใหม่ๆ จากสิ่งที่เห็นรอบตัว
“วันหนึ่งเราเห็นมะละกอก็คิดว่าเอ๊ะ ถ้าเอามาทำถ้วยก็น่าจะได้นะ เพราะเราเคยกินมะละกอสด บีบมะนาว คนสมัยก่อนกินแบบนั้นแล้วมันเข้ากัน ไอติมเราก็เป็นรสผลไม้ ผลไม้อื่นๆ ก็น่าจะได้เหมือนกัน เลยซื้อผลไม้เลือกลูกเล็กๆ มาลองผ่าดู คว้านเนื้อใส่ ใส่ไอติมเข้าไป เช่น แคนตาลูป แก้วมังกร แตงไทย มะพร้าวอ่อน มะละกอ ทุกอย่างทดลองมาเองหมด เลือกผลไม้ที่เข้ากันกับรสชาติต่างๆ ของไอติมที่ไปด้วยกันได้

“ชีวิตเรามันอยู่กับไอติมไปแล้ว นั่งมองอะไรก็มีไอเดียได้ทั้งวัน เอ๊ะๆ ตลอด มองผลไม้อันโน้น ก็จินตนาการเป็นไอติม มันสนุก ทั้งที่ตอนเริ่มทำแค่อยากมีอาชีพหลังเกษียณ พอลุงทำไอติมมา 2 ปี สิ่งที่ไอติมให้ลุงทุกวันนี้กลายเป็นความภูมิใจ เราไม่คิดเรื่องเด่นดังอะไร แค่ต้องการมีอาชีพ ทำของกินให้คนทาน แล้วเขาบอกว่าอร่อย ก็รู้สึกประสบความสำเร็จแล้ว รู้สึกมีคุณค่า ถึงเราอายุมากแต่ไม่อยากปล่อยให้ลมหายใจหมดไปเฉยๆ ยังอยากทำประโยชน์ เพราะการพัฒนาและเรียนรู้ไม่มีวันสิ้นสุด”
ไม่แปลกใจที่เเห็นวัยรุ่นแวะเวียนมานั่งกินไอศกรีมร้านลุง ลงคลิปกันในติ๊กต่อกเหมือนแวะมาหาญาติคนสนิท ความเป็นกันเอง แต่ก็อบอุ่นอยู่ในที คอยพูดคุย ไถ่ถาม อธิบายรสชาติไอศกรีมแบบอินและภูมิใจ พูดคุยกับลูกค้าทุกโต๊ะเหมือนสนทนากับลูกหลาน ทำให้หลายคนกลับมาลองไอศกรีมรสชาติที่ยังไม่เคยได้ลองพร้อมแวะมาหาลุงไปในคราเดียวกัน ชีวิตคนเราก็เหมือนไอศกรีม มีหลายรสชาติ ความไม่แน่นอนในชีวิตเกิดขึ้นได้กับทุกคน การอยู่กับปัจจุบันอย่างมีคุณค่านี่ละคือความหมายในชีวิตของคนทุกวัยที่คุณลุงได้บอกกับเรา และอย่าลืมว่าชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ…
Contributor
Recommended Articles
Recommended Videos